การฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (อังกฤษ: Commercial sexual exploitation of children ตัวย่อ CSEC) เป็นธุรกรรมทางการค้าที่อาศัยการฉวยประโยชน์ทางเพศ (sexual exploitation) จากเด็ก เช่นการค้าประเวณี และสื่อลามกอนาจาร[1] อาจจะมีการบีบบังคับและการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก เท่ากับเป็นแรงงานบังคับและเป็นรูปแบบความเป็นทาสยุคปัจจุบัน[1][2] รวมทั้งการให้บริการทางเพศของเด็กเพื่อผลประโยชน์แลกเปลี่ยน จะเป็นเงินทองหรืออะไรอย่างอื่นก็ดี[3]
ปฏิญญาของงานประชุมโลกใหญ่ต้านการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Declaration of the First World Congress against Commercial Sexual Exploitation of Children) ที่ประชุมในเมืองสต็อกโฮล์มปี 2539 นิยาม CSEC ว่า
CSEC ยังหมายถึงเซ็กซ์ทัวร์ และธุรกรรมทางเพศแบบอื่น ๆ ที่เด็กร่วมกิจกรรมทางเพศเพื่อแลกปัจจัยที่จำเป็นต่อชีวิต เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย หรือการศึกษา รวมทั้งรูปแบบที่สมาชิกในบ้านไม่ห้ามหรือแจ้งตำรวจเกี่ยวกับทารุณกรรมต่อเด็ก เนื่องจากได้ผลประโยชน์จากผู้กระทำผิด และอาจรวมการแต่งงานแบบคลุมถุงชนสำหรับเด็กที่ยังไม่ถึงอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ ที่เด็กไม่ได้ยินยอมและถูกทารุณทางเพศ[ต้องการอ้างอิง]
ศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ (National Center for Missing and Exploited Children) ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรเอกชน (แต่เบื้องต้นจัดตั้งโดยรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า เด็กหญิง 1 ใน 5 และเด็กชาย 1 ใน 10 จะถูกฉวยประโยชน์หรือทารุณกรรมทางเพศก่อนจะโตเป็นผู้หใญ่[4] ส่วนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) กล่าวว่า การฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็กเป็น "การล่วงละเมิดสิทธิที่รุนแรงที่สุดที่เด็กคนหนึ่งอาจจะต้องอดทนอดกลั้น"[3]
สื่อลามกอนาจารเด็กแพร่หลายไปทั่วทั้งในระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับภาค และในเขตพื้นที่ วิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิต การจำหน่าย ผู้ผลิต เทคนิคหลีกเลี่ยงกฎหมาย และสถานะ อยู่ในตาราง 1 เป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทรวมทั้งรูปถ่าย หนังสือ สื่อเสียง วิดีโอ และอื่น ๆ รูปภาพจะแสดงเด็กร่วมกิจกรรมทางเพศกับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ หรือกับวัตถุต่าง ๆ เด็กอาจจะถูกฉวยผลประโยชน์ ถูกข่มขืน ถูกการอนาจาร หรือแม้แต่ถูกฆ่า[5] การทำสื่อลามกอนาจารมักจะเป็นก้าวแรกเข้าไปสู่อุตสาหกรรมการค้าเพศ ผู้ได้ประโยชน์จะบังคับให้เด็กทำสื่ออนาจารเพื่อปรับให้เชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ยอมรับได้[6] แล้วอาจจะใช้สื่ออนาจารนั้นเพื่อขู่บังคับเด็กหรือกรรโชกเอาทรัพย์จากลูกค้า[6]
นานาชาติ | ชาติ | ภูมิภาค | พื้นที่ | |
---|---|---|---|---|
วิธีการผลิต | เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดที่ใช้ในโสตทัศนอุปกรณ์ การพัฒนาสื่อ และการผลิตสื่อ | เท่าเทียมกับระดับนานาชาติ | โรงถ่ายและแล็บส่วนตัว มีคุณภาพด้อยกว่า | คุณภาพด้อยที่สุด ใช้เทคโนลียีที่ขายในตลาดผู้บริโภค (เช่น กล้องดิจิทัล โฟโตสแตต) ซื้อผ่านหรือแลกเปลี่ยนโดยตรงทางจดหมาย |
การจำหน่าย | ไปรษณีย์ (ทั้งของรัฐและเอกชน) คนส่งของ การขายตรง | ร้านหนังสือลามก ไปรษณีย์ (ทั้งของรัฐและเอกชน) การขายตรง | ไปรษณีย์ (ทั้งของรัฐและเอกชน) การขายหรือแลกเปลี่ยนโดยตรง ร้านหนังสือลามก | การขายหรือแลกเปลี่ยนโดยตรง, ไปรษณีย์ (ทั้งของรัฐและเอกชน) |
ผู้ผลิต | กลุ่มมิจฉาชีพ นายทุน นักถ่ายภาพอิสระ | มาเฟีย (เจ้าพ่อ) และนักถ่ายภาพอิสระ | โดยหลักเป็นนักถ่ายภาพอิสระ โดยบางส่วนมีผู้ว่าจ้างเป็นแมงดาหรือเป็นคนใคร่เด็กในพื้นที่ | คนใคร่เด็กในชุมชน มิจฉาชีพ และแมงดา |
เทคนิคหลีกเลี่ยงกฎหมาย | แหล่งผลิตและพัฒนาที่เคลื่อนหนีได้ ชื่อปลอม การส่งสินค้าในรูปปลอมแปลง | ใช้คนกลางในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ ใบอนุญาตจากผู้ปกครอง แหล่งผลิตและพัฒนาที่เคลื่อนหนีได้ | ชื่อปลอมและแหล่งผลิตที่ไม่อยู่กับที่ เปลี่ยนเด็กรวดเร็ว ใบอนุญาตจากผู้ปกครอง | เหยื่อถูกบังคับหรือแบล็กเมล์ให้เงียบ การเปลี่ยนที่บ่อย ๆ หรือการมีชื่อเสียงที่ดีมักจะไม่ให้เกิดความสงสัย |
สถานะ | ยังมีอยู่ เน้นเด็กในประเทศกำลังพัฒนา มักจะมีการจับกุมเป็นบางครั้งบางคราว การตอบสนองจากเจ้าหน้าที่โดยการรับแจ้งทำให้ไม่สามารถกำจัดการผลิตและการจำหน่ายได้อย่างเด็ดขาดถาวร | ฟื้นคืนสภาพได้ดี แม้จะมีกฎหมายที่เข้มงวดและการระงับขายสินค้าเป็นบางครั้งบางคราว ขายในประเทศเพื่อนบ้านหรือส่งออกไปยังเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา | ยากมากที่จะจับได้ล่วงหน้า แมงดาและผู้ผลิตใช้โสเภณีเด็กและเด็กที่ถูกทำร้ายทางเพศ อาจจะพบในสื่อนอกประเทศ ใช้ใบอนุญาตจากผู้ปกครองและการบังคับผู้มีส่วนร่วมให้เก็บความลับ สื่อนัยลามกกำลังเพิ่มความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ | สื่อลามกที่ทำในพื้นที่เป็นแกนสำคัญของกลุ่มคนใคร่เด็ก มักจะพบโดยบังเอิญเมื่อค้นโดยเจ้าหน้าที่เพราะเหตุอื่น ๆ |
ชนบางกลุ่มเดินทางมีจุดประสงค์เพื่อเที่ยวเซ็กซ์ทัวร์เด็ก[8] ทั้งเซ็กซ์ทัวร์และการค้าเซ็กซ์นำเงินเข้าสู่ประเทศ[5] การสนับสนุนจากรัฐเช่นดังที่มีการอ้างว่า “รองนายกรัฐมนตรีไทยได้ขอผู้ว่าราชการจังหวัดให้ ‘คิดถึงงานที่จะเกิดขึ้น’” สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมบางประเทศจึงมีค่าปรับและการลงโทษที่ต่ำสำหรับผู้ทำผิดในเรื่องค้าขายทางเพศ มีสำนักงานท่องเที่ยวที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำในเรื่องการหาความบันเทิงแบบตื่นเต้นแปลก ๆ ที่สนับสนุนให้ชายเดินทางเพื่อเซ็กซ์[9] ทัวร์เซ็กซ์จึงนำรายได้มาสู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจยังไม่พัฒนาและต้องอาศัยการฉวยประโยชน์จากหญิงและเด็ก[5]
การค้าเด็ก (trafficking) และ CSEC บางครั้งจะล้ำกัน แต่ว่า การลอบพาเด็กเข้าประเทศบางครั้งก็เพื่อใช้ในกิจ CSEC แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด คือ อาจจะมีการลักพาเด็กเข้าประเทศเพื่องานประเภทอื่น ถ้าเด็กถูกทารุณกรรมทางเพศในงาน นี่อาจจะไม่ใช่ CSEC ในบางประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา นิยามของการค้าบุคคลแบบรุนแรงรวมกิจกรรมทางเพศเพื่อการค้าของบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้นเด็กที่ถูกฉวยประโยชน์ทางเพศเพื่อการค้า ก็จะจัดว่าเป็นเหยื่อการค้าเด็กเหมือนกันถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีการพาเด็กไปในที่ไหน ๆ[10] CSEC เป็นการทารุณเด็กทางเพศโดยเฉพาะแบบหนึ่ง เพราะว่า การข่มขืนเด็กหรือการใช้ความรุนแรงในบ้านไม่จัดเป็น CSEC
การค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สื่อลามกอนาจารเด็ก และการค้าเด็ก (trafficking) บ่อยครั้งจัดว่าเป็นอาชญากรรมกระทำความรุนแรงต่อเด็ก และจัดว่าเป็นรูปแบบการฉวยประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เหมือนกับแรงงานเกณฑ์ หรือความเป็นทาส เด็กบ่อยครั้งจะเกิดความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ทั้งทางกายและทางใจ มีโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในวัยเยาว์และต่อกามโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอชไอวี และบ่อยครั้งไม่ได้รับความคุ้มกันจากกฎหมายพอเพียง หรือแม้แต่ถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากร[ต้องการอ้างอิง]
การค้าประเวณีเป็นอาชีพที่คนทำมีอายุน้อยที่สุดอาชีพหนึ่ง เกือบ 80% ของโสเภณีผู้ใหญ่เริ่มทำอาชีพระหว่างอายุ 11-14 ปี[11]
อุปสงค์และอุปทานเพื่อเด็กในการค้าเซ็กซ์ได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ ผู้ปฏิบัติการเรื่องสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งกล่าวว่า การเพิ่มจำนวนของเด็กที่ถูกขายเพื่อการค้าประเวณีสะท้อนถึงการปฏิรูปทางอุตสาหกรรมที่ประเทศหนึ่ง ๆ จะประสบในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เช่น เด็กหญิงชาวไทยมักจะมาจากภาคเหนือ เพราะว่าการทำมาหาเลี้ยงชีพยากลำบาก ครอบครัวหลายครอบครัวจึงมองลูกสาวเหมือนกับสินค้า[12]
ในระดับวงกว้าง เหตุของการฉวยประโยชน์จากเด็กก็คือตลาดผู้บริโภคแบบโลกาภิวัตน์ และการนำเข้าสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่สนับสนุนให้เป็นผู้บริโภค[5] เงินที่ให้กับผู้ปกครองเพื่อเด็กบ่อยครั้งยากที่จะปฏิเสธ เพราะบางครั้งครอบครัวอยู่ในฐานะที่ยากจนมาก และบางครั้งพ่อแม่ก็ให้เด็กไปกับผู้ซื้อโดยไม่รู้ว่าเด็กจะต้องไปทำอะไร[12]
เหตุวงกว้างอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดำเนินการก่อสร้างและฐานทัพทหารที่ขยายไปในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นจุดดึงดูดชายที่หวังจักฉวยผลประโยชน์ทางเพศจากเด็กแลกกับเงินก้อนโต เป็นชายที่บ่อยครั้งมาจากประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่ได้เห็นใจเด็ก[5]
ครอบครัวที่ขายลูกสาวเข้าซ่องมักจะทำอีกสำหรับลูกสาวคนต่อ ๆ ไป แต่ว่า ลูกสาวคนน้องอาจจะยินดีไปมากขึ้น เพราะว่าได้ยินจากพี่สาวถึงชีวิตที่หรูหราในเมือง และเพราะชอบเสื้อผ้าและเงินทองที่พี่สาวมี ดังนั้น เด็กอาจจะเข้าสู่อาชีพโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองจะไปทำอะไร[12]
ไม่ว่าจะมีส่วนในการทำสื่อลามก การไปอยู่ในซ่องโสเภณี หรือถูกลักลอบไปขายในประเทศอื่น เด็กล้วนแต่เสี่ยงต่อการติดกามโรค ต่อความรุนแรงทางกาย และต่อปัญหาทางจิต งานวิจัยแสดงว่า "เด็ก 50-90% ในซ่องเขตเอเชียอาคเนย์ติดเอชไอวี"[3] ในหลาย ๆ กรณีที่เด็กถูกบังคับให้เข้าสู่อาชีพ เด็กจะถูกตบตีและข่มขืนจนกระทั่งไม่พยายามที่จะหนีอีกต่อไป[12] ปัญหาทางกายอื่น ๆ รวมทั้งภาวะการมีบุตรยาก มะเร็งปากมดลูก การถูกทำร้ายร่างกาย และบางครั้งฆาตกรรม[6] การตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องเสี่ยงอีกเรื่องหนึ่งด้วย และถ้าเด็กติดเอชไอวีหรือเอดส์ ก็อาจจะถูกไล่ออกจากซ่องโดยไม่มีที่ที่จะไป[12] เด็กหลายคนต้องแยกกายออกจากใจ เพื่อที่จะอดทนดำเนินอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้[12]: 221 และการทำเช่นนั้น ทำให้คิดว่าตนไม่มีค่าอะไรนอกจากเป็นคนขายตัวและบางคนจะเริ่มคิดฆ่าตัวตาย[5][12] ปัจจัยเสี่ยงทางจิตอื่น ๆ รวมทั้งความผิดปกติในการนอนและการรับประทาน, ความสับสนทางเพศ, ฮิสทีเรีย และความเดือดดาลอยากจะฆ่าคน[6]
นอกจากอันตรายต่อสุขภาพกายและจิตแล้ว เด็กยังมีปัญหากลัวเจ้าหน้าที่อีกด้วย เด็กและหญิงจำนวนมากถูกลักลอบข้ามผ่านชายแดนเพื่อไปขาย และถ้าหนีจากซ่องหรือแมงดาไปได้ หญิงและเด็กก็จะตกอยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ เพราะว่าไม่มีเอกสารเดินทางที่ถูกต้อง ก็จะต้องถูกจำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเกิดทารุณกรรมและการฉวยผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นอีก[12]
มีคนหลายพวกที่เกี่ยวข้องกับการฉวยประโยชน์จากเด็กทางเพศ เช่นต้องใช้คนหลายคนในการดำเนินงานของซ่อง มีการแบ่งชนที่เกี่ยวข้องกับการขายเด็กออกเป็น 4 จำพวก คือ ผู้ทำผิด ผู้ขาย ผู้อำนวย และเด็ก ผู้ทำผิดคือคนที่เข้าร่วมเซ็กซ์ทัวร์ หรือมีส่วนในการค้าเด็กเพื่อเซ็กซ์ บ่อยครั้งเป็นชายที่หาเรื่องแก้ตัวที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก[6] ผู้ขายคือคนที่ซื้อและเป็นแมงดาของเด็ก ผู้พยายามหาผลกำไรให้มากที่สุด ซึ่งถ้าปราศจากชนกลุ่มนี้จะไม่มีการค้าเด็ก ผู้อำนวยก็คือคนที่อำนวยอนุญาตให้การค้าเด็กเป็นไปได้ ผู้ปกครองที่ขายลูกสาวจัดอยู่ในประเภทนี้ เด็กเป็นคนสำคัญที่สุดในกระบวนการนี้ แต่คำว่า "เด็ก" มีกำหนดที่ไม่แน่นอน เพราะมีนิยามต่าง ๆ กันทั่วโลก การแยกแยะว่ากรณีไหนเป็นทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก กรณีไหนเป็นการค้าประเวณีเด็ก เป็นเรื่องยาก นอกจากนั้นแล้ว วัฒนธรรมต่าง ๆ ก็ต่างกันในการพิจารณ์ว่า เมื่อไรเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่
แม้ว่าจะไม่สามารถรู้ขอบเขตปัญหาที่แท้จริงได้ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ข้อมูลแรงงานเด็กทั่วโลกปี 2546 ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประมาณว่า มีเด็กเกือบถึง 1.8 ล้านคนที่ถูกฉวยผลประโยชน์โดยการค้าประเวณีและสื่อลามกทั่วโลก[13]
การสำรวจประเมินผลแบบรวดเร็ว (Rapid Assessment survey) ที่พัฒนาโดยโปรแกรมกำจัดแรงงานเด็กนานาชาติ (International Programme for the Elimination of Child Labour) ของ ILO ร่วมกับ UNICEF เป็นการสำรวจอาศัยการสัมภาษณ์และเทคนิคเชิงคุณภาพอื่น ๆ ที่สามารถแสดงเหตุการณ์เฉพาะอย่าง ๆ ในเขตภูมิภาคหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บข้อมูลเรื่องแรงงานเด็กแบบแย่ที่สุด เช่น CSEC ที่ยากที่จะเก็บด้วยวิธีการสำรวจเชิงปริมาณที่ทำโดยปกติ[ต้องการอ้างอิง]
ความรู้ทั่วไปที่ให้กับเด็กสามารถลดโอกาสที่เด็กจะถูกฉวยผลประโยชน์ในการค้าประเวณีหรือการทำสื่อลามก มีการรณรงค์ระดับชาติในประเทศไทยที่ให้ "การศึกษาพื้นฐาน 9 ปี, กิจกรรมเพิ่มความตระหนักรู้เพื่อเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการค้าประเวณีเด็ก และระบบดูแลควบคุมที่ป้องกันเด็กไม่ให้ถูกบีบบังคับให้ค้าประเวณี"[14]
กองทุนเพื่อเด็ก (UNICEF) และ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประเมินว่า มีเด็ก 2 ล้านคนที่ถูกฉวยประโยชน์โดยการค้าประเวณีหรือการทำสื่อลามกทุก ๆ ปี[2]
เด็กหญิงโสเภณี 84% ที่สัมภาษณ์ในประเทศแทนซาเนียแจ้งว่า ได้ถูกตบตี ข่มขืน หรือทรมานโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และอย่างน้อย 60% ไม่มีที่อยู่ประจำ เด็กบางส่วนจากจำพวกนี้ เริ่มจากการทำงานเป็นคนงานในบ้าน[13]
ในประเทศบราซิล UNICEF ประเมินว่ามีเด็ก 250,000 ทำงานค้าประเวณี[15]
ในประเทศเอลซัลวาดอร์ 1 ใน 3 ของเด็กที่ถูกฉวยประโยชน์ทางเพศวัย 14-17 ปี เป็นชาย อายุมัธยฐานที่เข้าสู่อาชีพค้าประเวณีในเด็กทั้งหมดที่สัมภาษณ์อยู่ที่ 13 ปี และทำงานโดยเฉลี่ย 5 วันต่ออาทิตย์ แต่มีเกือบ 10% ที่แจ้งว่าทำงานทั้งอาทิตย์[13]
ในปี 2544 มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคณะงานสังคมสงเคราะห์ พิมพ์งานศึกษาเรื่อง CSEC ที่ทำในเมือง 17 เมืองทั่วประเทศ แม้ว่าผู้ทำงานจะไม่ได้สัมภาษณ์วัยรุ่นที่เป็นประเด็นการศึกษาโดยตรง แต่นักวิจัยประเมินจากตัวเลขจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ว่า มีเยาวชนอาจถึง 300,000 คนที่เสี่ยงต่อการถูกฉวยผลประโยชน์ทางเพศ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง[16] แต่ว่า จำนวนจริง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีน่าจะน้อยกว่านั้นมาก เพราะว่า ภายใน 10 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความเพียงแค่ 827 คดีเท่านั้น[17] ส่วนงานวิจัยปี 2551 ขององค์กร SNRG-NYC ที่ให้ทุนโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐใช้วิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการวิเคราะห์เครือข่ายสังคม ประเมินความแพร่หลายของปัญหาว่าน้อยกว่า 300,000 คนและมากกว่า 827 คนซึ่งเป็นตัวเลขสองตัวที่อ้างอิงกันมากที่สุด[18]
เด็กที่เสี่ยงที่สุดคือเด็กจรจัดและที่หนีจากบ้าน องค์กรของรัฐที่ช่วยเหลือเด็กจรจัดและเด็กหนีจากบ้าน National Runaway Safeline กล่าวในปี 2552 ว่า เยาวชนที่หนีออกจากบ้านในสหรัฐ 1 ใน 3 จะถูกหลอกให้เข้าสู่อาชีพค้าประเวณีภายใน 48 ชม. ที่ออกจากบ้าน[19] มีงานศึกษาที่คัดค้านมุมมองทั่วไปว่า แมงดา-ผู้ฉวยประโยชน์และบุคคลที่ขายเด็กเพื่อเซ็กซ์อื่น ๆ เป็นตัวขับเคลื่อนการค้าประเวณีของวัยรุ่นในสหรัฐ คืองานปี 2551 ในนครนิวยอร์กที่สัมภาษณ์หญิงโสเภณีที่ยังเป็นผู้เยาว์พบว่า 10% เท่านั้นที่แจ้งว่าตนมีแมงดา ส่วนงานปี 2555 ในเมืองแอตแลนติกซิตี้ รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยกลุ่มเดียวกัน[20][21] พบว่า วันรุ่นที่มีแมงดาอยู่ที่อัตรา 14% เพียงเท่านั้น และเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอาศัยกันและกัน และมีความเป็นเพื่อนกัน มากกว่าที่รายงานโดยเจ้าหน้าที่บริการทางสังคม องค์การไม่แสวงหาผลกำไร และสื่อมวลชนโดยมาก[22]
ส่วนสำนักงานบริการเด็กและครอบครัวของรัฐนิวยอร์กประเมินในปี 2550 ว่า นครนิวยอร์กมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกฉวยประโยชน์ทางเพศกว่า 2,000 คน และเด็กเช่นนั้นทั่วรัฐ 85% เคยติดต่อกับระบบสวัสดิการของเด็ก โดยมากผ่านกระบวนการยุติธรรมเรื่องถูกทารุณกรรมหรือถูกละเลย ในนครนิวยอร์ก เด็กเหล่านี้ 75% เคยอยู่ใต้การดูแลของครอบครัวที่รับเลี้ยงดูเด็ก (foster care)[23] แต่ว่า มีเจ้าหน้าที่ดูแลความยุติธรรมที่ให้กับเด็ก ตั้งความสงสัยกับค่าประเมินนี้ว่า "พวกเราเชื่อว่า ตัวเลขนี้ต่ำกว่าความจริง"[24] ซึ่งยืนยันโดยองค์กร SNRG-NYC ที่แจ้งว่าจำนวนเด็กเช่นนั้นในนครนิวยอร์กปี 2551 อยู่ที่ 3,946 คน มีผู้ช่วยเหลือเด็กหญิงจากการค้าเซ็กซ์คนหนึ่งกล่าวว่า อายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มค้าประเวณีอยู่ที่ 12 ขวบในรัฐนิวยอร์ก โดยผู้ทำการเชื่อว่า "ชายหลายคนที่ซื้อเซ็กซ์จากเด็กไม่คิดว่าตนเป็นพวกคนใคร่เด็ก พวกเขาไม่ใช่ไปเที่ยวเสาะหาวัยรุ่นอายุวัย 12 เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่สนใจ (ว่าเป็นเด็กอายุเพียงแค่ 12)"[ต้องการอ้างอิง] แต่ว่า งานของ SNRG-NYC ก็คัดค้านอายุเฉลี่ยนี้เหมือนกัน คือ งานพบว่า จากโสเภณีไม่ถึงอายุ 249 คน (48% เด็กหญิง และ 45% เด็กชาย) ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ตีพิมพ์ผลงาน อายุเฉลี่ยในการเริ่มค้าประเวณีอยู่ที่ 15.29 ปี
มีผู้เชี่ยวชาญที่แสดงในปี 2553 ว่า ปัจจุบันมีเหยื่อเด็กอย่างน้อย 100,000 คน ในเรื่องการค้าเด็กในสหรัฐ แต่ว่า มีถึง 325,000 คนที่มีโอกาสเสี่ยง[25]
งานสำรวจต่าง ๆ ในอดีตพบว่า 30-35% ของโสเภณีในเขตลุ่มแม่น้ำโขงอยู่ในวัย 12-17 ปี[26]
ในประเทศบังกลาเทศ เด็กโสเภณีใช้ยา Dexamethasone ซึ่งเป็นสเตอรอยด์ที่ขายได้โดยหมอไม่ต้องสั่งจ่าย และปกติใช้โดยเกษตรกรเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของปศุสัตว์ เพื่อที่จะให้เด็กตัวโตและดูแก่กว่าอายุ องค์กรการกุศลกล่าวว่า ในซ่องที่ถูกกฎหมาย หญิงโสเภณีจะใช้ยานี้ถึง 90% ซึ่งอาจมีผลให้เกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และให้ติดยา[27][28][29]
มีเด็กเนปาลโดยมากเพศหญิงถูกลักลอบพาตัวไปเพื่อฉวยประโยชน์การค้าทางเพศแต่ละปีภายในประเทศ หรือไปยังซ่องในประเทศอินเดียหรือประเทศอื่น ๆ ประมาณ 12,000 คนต่อปี[13]
UNICEF ประมาณว่า มีโสเภณีเด็ก 60,000 คน และซ่องเมืองแอนเจลิสซิตี้ที่อื้อฉาว มีเด็กให้บริการทางเพศ[30]
ในประเทศศรีลังกา เด็กบ่อยครั้งตกเป็นเหยื่อของการฉวยผลประโยชน์ผ่านเพื่อนหรือญาติ ความแพร่หลายของเด็กชายในการค้าประเวณี สัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในระดับสูง[13]
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ในประเทศไทยรายงานว่า มีเด็ก 40% ในบรรดาโสเภณีที่มีอยู่ในประเทศ[31]
ในประเทศเวียดนาม ความยากจน ความไร้การศึกษา และครอบครัวที่ไม่อบอุ่น เป็นเหตุหลักของ CSEC ในบรรดาเด็กี่ให้สัมภาษณ์ 16% อ่านหนังสือไม่ได้ 38% มีการศึกษาระดับประถมเท่านั้น 66% กล่าวว่า ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมที่โรงเรียนเกินความสามารถการส่งของครอบครัว[13]
ECPAT ย่อความหมายจากคำคือ End Child Prostitution, Child Pornography and Trafficking of Children for Sexual Purposes (หยุดการค้าประเวณีเด็ก สื่อลามกเด็ก และการค้าเด็กเพื่อเซ็กซ์) เป็นองค์การนอกภาครัฐที่อุทิศตนในการหยุด CSEC ที่ปรากฏโดย 4 รูปแบบคือ สื่อลามกเด็ก (คือสื่อทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก) การฉวยประโยชน์จากเด็กในการค้าประเวณี การลักลอบพาเด็กเพื่อการค้าทางเพศ และการฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็กในการเดินทางและเซ็กซ์ทัวร์ โดยงานชิ้นแรกเป็นบทบาทในงานประชุมโลกใหญ่ต้านการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Declaration of the First World Congress against Commercial Sexual Exploitation of Children) ดังที่รัฐบาลประเทศสวีเดนได้เป็นเจ้าภาพ และสภาก็ได้ออกระเบียบการปฏิบัติการซึ่งอยู่ในกรอบของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็ก (Convention on the Rights of the Child ตัวย่อ CRC)[32]
นอกจากนั้นแล้ว ECPAT ยังได้ช่วยให้ทุนกับองค์การนอกภาครัฐอื่น ๆ เพื่อตั้งโปรแกรมป้องกันในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโล[33] และตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับสถานะของการฉวยผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก[34]
ECPAT เปิดโอกาสหลายอย่างให้ร่วมมือกับองค์กร คือสนับสนุนให้คนทั่วโลกบริจาคหรือรณรงค์หาเงิน เพื่อเพิ่มทุนในการช่วยชีวิตเด็กและในการทำงานวิจัยเพิ่ม เว็บเพจขององค์กร มีที่ที่จะแจ้งการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก ส่วนสำหรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก องค์กรสนับสนุนให้จองบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางกับบริษัทที่ยอมรับ “จรรยาบรรณเพื่อป้องกันเด็กจากการฉวยประโยชน์ทางเพศในการเดินทางและการท่องเที่ยว (Code of Conduct for the protection of children from sexual exploitation in travel and tourism)[35] ธุรกิจและองค์กรบางอย่างอาจร่วมเป็นสมาชิกของ ECPAT ได้ ซึ่งจะช่วยการดำเนินงานขององค์กรต่อต้านการฉวยประโยชน์จากเด็ก ที่สำคัญที่สุดก็คือ องค์กรสนับสนุนให้ทุกคนตาดูหูฟังในประเด็นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหานี้[35]
World Vision เป็นองค์กรนอกภาครัฐอีกองค์กรหนึ่งที่มีผลงานหลายด้าน เช่นช่วยเผยแพร่เหตุว่าทำไมจึงต้องมีการป้องกันเด็ก และให้การศึกษาเด็กที่เป็นเป้าหมายในการค้าเด็ก โดยบอกเด็กถึงอุบายต่าง ๆ ที่ใช้ล่อให้ตกเป็นทาสและกลวิธีในการค้าเด็ก World Vision สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถร่วมมือ รวมทั้งช่วยอุปถัมภ์เด็ก แจ้งให้ผู้แทนราษฎรรู้ถึงปัญหา ทำงานอาสาสมัครในการจัดงานต่าง ๆ ของ World Vision และอื่น ๆ[36]
มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมากมายที่ไม่สนใจปัญหาการฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็ก และก็มีอีกมากมายที่สนับสนุนมัน ประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกามีการฉวยประโยชน์มากที่สุด “ในสงครามเวียดนาม กองทัพสหรัฐได้สร้างศูนย์บันเทิงและพักผ่อนซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล” มีรายงานที่แสดงว่า ศูนย์เหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับโสเภณีและซ่อง “มีการกล่าวหาว่าบุคลากรของกองทัพ มีอัตราสูงกว่าชนพวกอื่น ๆ ในรายชื่อคนใคร่เด็กที่ถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่ต่าง ๆ[6]”
เนื่องจากปัญหาที่พบเช่นในกองทัพสหรัฐ สหประชาชาติได้เริ่มดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเอง พิธีสารที่เลือกได้เกี่ยวกับการขายเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกอนาจารเด็ก (Optional Protocol on the Sale of Children, Child Prostitution, and Child Pornography) กำหนดหน้าที่ให้รัฐบาลต่าง ๆ รับผิดชอบป้องกันเด็กจากการฉวยผลประโยชน์ทางเพศ และบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ทำการป้องกันโดยเน้นความสำคัญในบริบทของโลกาภิวัตน์[32] มีคู่มือเกี่ยวกับพิธีสารนี้ ที่ร่วมทำกับ UNICEF ซึ่งแสดงว่า “กระบวนการรายงานและตรวจสอบของพิธีสาร ควรจะโปรโหมตทัศนคติระดับโลกเกี่ยวกับการป้องกันเด็ก[32]” คณะกรรมการที่ดำเนินการออกพิธีสาร ได้พยายามที่จะหาข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการฉวยผลประโยชน์ทางเพศจากเด็กด้วย ในรายงานโลกเกี่ยวกับการค้าบุคคล (Global Report on Trafficking in Persons) ปี 2555 แสดงว่า พิธีสารมีผลให้ประเทศที่ไม่มีกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็กลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง และมีการตัดสินลงโทษเพราะละเมิดกฎหมายการค้าเด็กเพิ่มขึ้น[37]
ในปี 2532 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติผ่านอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็ก โดยมาตราที่ 34 กล่าวว่า “รัฐผู้ร่วมอนุสัญญาจะดำเนินการป้องกันเด็กจากการฉวยประโยชน์และทารุณกรรมทางเพศทุกรูปแบบ เพื่อจุดประสงค์เช่นนี้ รัฐผู้ร่วมอนุสัญญาจะใช้มาตรการระดับชาติ ทวิภาคี และพหุภาคีทุกอย่างเพื่อป้องกัน ก) การชักชวนหรือการบีบบังคับให้เด็กร่วมกิจกรรมทางเพศที่ผิดกฎหมาย ข) การฉวยผลประโยชน์จากเด็กในการค้าประเวณีหรือข้อปฏิบัติทางเพศอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย ค) การฉวยผลประโยชน์จากเด็กในการแสดงอนาจารและสื่ออนาจาร[33]”
วิธีช่วยป้องกันการฉวยประโยชน์จากเด็กอย่างหนึ่งก็คือการให้การศึกษา World Vision เป็นองค์กรแนวหน้าที่ให้การศึกษาแก่เด็กหญิงเกี่ยวกับอันตรายจากการค้าเด็ก และเกี่ยวกับสิ่งที่ตนจะเข้าไปพัวพันด้วยเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้[36] มีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ให้การศึกษาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาคมการวางแผนครอบครัวของประเทศเนปาลได้ตั้งประชุมการฝึกให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อเรียนรู้วิธีการจัดการสถานการณ์การค้าบุคคล และการระบุหญิงและเด็กที่ตกอยู่ใต้สถานการณ์ถูกฉวยประโยชน์ทางเพศ[38] การให้การศึกษาแก่สาธารณชนก็เป็นเรื่องจำเป็นด้วย เพราะว่า การฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็กมีเหตุมาจากความต้องการทางตลาด ดังนั้น "จึงจำเป็นมากที่จะเพิ่มการตระหนักรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับความเสียหายที่มันเป็นเหตุ"[39] มีการเสนอว่าการประท้วงต่อผู้ที่ดำเนินการทำเซ็กซ์ทัวร์อาจช่วยเพิ่มเป็นตัวขัดขวาง[39] มีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ให้การศึกษากับบุคคลที่มีโอกาสเป็นเหยื่อ เกี่ยวกับเล่ห์กลที่นายหน้าผู้ชักชวนมักจะใช้[39] อนุสัญญาที่เพิ่งว่ามา บังคับให้ประเทศผู้ร่วมสัญญาทำมาตรการป้องกันต่อต้านการฉวยประโยชน์จากเด็กทางเพศ มาตรการรวมทั้งการให้การศึกษาแก่สาธารณชน โดยเฉพาะครอบครัวของเด็ก เกี่ยวกับอันตรายของเซ็กซ์ทัวร์และการค้ามนุษย์
{{cite book}}
: |ref=harv
ไม่ถูกต้อง (help)
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date=
(help)CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
{{cite web}}
: |url=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
{{cite book}}
: |ref=harv
ไม่ถูกต้อง (help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |editors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|editor=
) (help){{cite journal}}
: |ref=harv
ไม่ถูกต้อง (help)[ลิงก์เสีย]