ฏุณฑิเขล [ตุน-ดิ-เขน] (เนปาล: टुँडिखेल) หรือ ตินิขยะห์ (เนวาร์: तिनिख्य) เป็นลานหญ้าขนาดใหญ่ในใจกลางนครกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล และเป็นหนึ่งในจุดหมายตาที่สำคัญของเมือง ลานหญ้ามีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางพาดตามแนวทิศเหนือ–ใต้ ตั้งอยู่ระหว่างรัตนอุทยานทางเหนือ กับสาหีททวารทางใต้
ฏุณฑิเขลมีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปได้ถึงอย่างน้อยศตวรรษที่ 18 ตอนต้น ในสมัยยุคมัลละ ใช้งานเป็นทั้งที่เดินสวนสนาม, สนามแข่งม้า, พื้นที่สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาไปจนถึงการแสดงดนตรี สวนสาธารณะไปจนถึงลานหญ้าสำหรับสัตว์ใช้กิน ฏุณฑิเขลยังได้รับการบรรยายไว้ว่าเป็นประดุจปอดของกาฐมาณฑุ เป็นพื้นที่สี่เขียวท่ามกลางบ้านเรือนที่อยู่อย่างหนาแน่น ชาวเมืองนิยมเดินหรือออกกำลังกายในฏุณฑิเขลในช่วงเช้าและช่วงเย็น[1] นอกจากนี้ยังปรากฏฏุณฑิเขลอยู่ในตำนานหลายเรื่อง
ในอดีต ฏุณฑิเชลกินพื้นที่ยาวกว่า 5 กิโลเมตรจากรานีโปขรีไปถึงสนามกีฬาทศรถรงคศาลา และว่ากันว่าเป็นลานเดินสวนสนามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในปัจจุบัน พื้นที่ของลานหดลงจากการก่อสร้างสาธารณูปโภครุกคืบเข้ามาในพื้นที่ของลานจากทั้งสี่ด้าน[2][3][4][5]
เทศกาลวิ่งม้า โฆเฑยาตรา เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นที่ลานนี้ในราวเดือนมีนาคม โดยประกอบไปด้วยการแข่งม้า ธรรมเนียมนี้มีอายุหลายศตวรรษ และมีต้นมาจากครั้งหนึ่ง ได้มีกษัตริย์รับสั่งให้ม้ามาวิ่งไปทั่วลานนี้เพื่อกระทืบดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายของปิศาจให้จมลงไปในดิน[6] นอกจากนี้ในเทศกาลยังมีการเดินแสดงมัา, การแสดงกายกรรม และกระโดดร่มเช่นกัน[7]
กองทัพเนปาลจัดพิธีการยิงปืนฉลองที่ฏุณฑิเขลอยู่สองโอกาส โดยการยิงปืนและปืนใหญ่ ในเทศกาลดาเซน กับ มหาศิวราตรี ซึ่งมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์[8]
ในบรรดาเอกสารที่มีการอ้างถึงฏุณฑิเขลที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏอยู่ในบันทึกของนักบวชนิกายเยซูอิตชาวอิตาลี อิปโปลีโต เดซีเดรี ผู้เดินทางมายังกาฐมาณฑุในปี 1721 สมัยที่อยู่ภายใต้ปกครองของกษัตริย์แห่งมัลละ ในบันทึกการเดินทางเขาเล่าถึงทุ่งกว้างขนาดสองไมล์ ใกล้กับแหล่งน้ำรานีโปขรี ตั้งอยู่นอกประตูอมือง และยังบันทึกไว้ว่ามีวิหารมากมายตลอดระยะทางของลานกว้างนั้น[9]
ปัจจุบันมีวิหารอยู่เพียงสองแห่งที่ยังคงอยู่ ได้แก่ วิหารของเทพเจ้า ลุมรีอชิมา (Lumari Ajimā) เทวมารดาซึ่งเป็นที่รู้จักในอีกนามว่าพระนางภัทรกาลี ตั้งอยู่ทางขอบตะวันออกของฏุณฑิเขล อีกวิหารคือวิหารของเพทเจ้า มหากาฬะ หรือ มหานกาทยะห์ (Mahākāla or Mahānkā Dyah) ตั้งอยู่บนขอบทางตะวันตก พระมหากาฬะ เป็นเทพพิทักษ์ในพระพุทธศาสนาแบบวัชรยาน รวมถึงยังมีการบูชาในศาสนาฮินดูเป็นอวตารปางหนึ่งของพระศิวะ[10][11]