พระนารายน์ราชารามาธิบดี

พระนารายน์ราชารามาธิบดี
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
ครองราชย์พ.ศ. 2301–2318
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระรามาธิบดี (นักองค์ทอง)
รัชกาลถัดไปสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชา
ประสูติพ.ศ. 2283
สวรรคตพ.ศ. 2318
พระอัครมเหสีสมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี
สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา
พระราชบุตรพระองค์เม็ญ
นักองค์อี
นักองค์เภา
สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ
พระนามเต็ม
พระราชโองการ พระนารายณ์ราชารามาธิบดี พระศรีสุริโยพรรณ บรมอินทรา มหาจักรพรรดิราช บรมนารถพระบาทบรมบพิตร เสด็จสถิตย์เป็นอิศวรยอดรัฐราษฎร์ บวรวิวัฒนวิเวก เอกราชาขัติยาบดินทร์ นรินทรอิศโรดม บรมราชวิสุทธิ จุติชาติวรวงษ์ ทรงพลานุภาพ องค์อรรคราชา มหามหินทรนรนารถ พระบาทบรมบพิตร วิชิตไชยไกรอุดม บรมเถลิงถการ ราชหฤไทยโสภณเจตสิก เตรกตรึกจตุปัจจัยไทยทาน เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปรารถนาพระพุทธภูมิ
พระนามเดิม
นักองค์ตน
ราชวงศ์ราชวงศ์วรมัน
ราชสกุลราชสกุลตระซ็อกประแอม
พระราชบิดาสมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี
พระราชมารดาสมเด็จพระมหากระษัตรี (เภา)

สมเด็จพระนารายน์ราชารามาธิบดี หรือ นักองค์ตน ทรงเป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชารัชกาลที่ 103 และเป็นพระโอรสของนักองค์โสร์ ผู้เป็นพระโอรสของสมเด็จพระรามาธิบดี (นักองค์ทอง)ประสูติประมาณ พ.ศ. 2282

[1]ในช่วงปลายรัชกาลของสมเด็จพระรามาธิบดี (นักองค์ทอง)เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้นในราชสำนักกัมพูชา สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณผู้เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระศรีไชยเชษฐ (นักองค์สงวน)พระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนที่สิ้นพระชนม์ไป นำสมัครพรรคพวกไปล้อมจับบนักองค์ตน นักองค์ตนได้หนีไปพึงสมเด็จพระโสร์ทศที่เมืองเปียม สมเด็จพระโสร์ทศจึงเกณฑ์กองทัพมาตีทัพของนักองค์หิงแตกไป นักองค์หิงถูกจับประหารชีวิต พระแก้วฟ้า (นักองค์ด้วง) อนุชาของนักองค์หิงหนีไปบวชแต่ก็ถูกจับสึกและถูกประหารชีวิตเช่นกันสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชาและนักองค์อีพระโอรสของพระศรีไชยเชษบ์และเป็นหลานของนักองค์หิงหนีไปบวช ชายาของนักองค์หิงได้ร่วมมือกับเจ้าฟ้าทะละหะ (เภา) และออกญาวงษาธิราช (โสม) จะจับนักองค์ตนฆ่า แต่นักองค์ตนรู้พระองค์ก่อน จึงรวบรวมทหารปราบพวกกบฏแตกพ่ายไปเมืองโพธิสัตว์สมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชาและนักองค์อีได้หนีไปกับกลุ่มกบฏนี้ด้วย

ต่อมา ใน พ.ศ. 2300สมเด็จพระรามาธิบดี (นักองค์ทอง)สิ้นพระชนม์นักองค์ตนได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระอัยกาแล้วจึงรวบรวมทหารไปตีฝ่ายของสมเด็จพระศรีไชยเชษฐ (นักองค์สงวน)ที่ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองโพธิสัตว์ให้เด็ดขาด ฝ่ายนักองค์ตนเป็นฝ่ายชนะจับเชื้อสายของสมเด็จพระศรีไชยเชษฐ (นักองค์สงวน)ประหารชีวิตหมดสิ้นรวมทั้งนักองค์อี ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชามีผู้มาช่วยพาหนีไปอาณาจักรอยุธยาได้สำเร็จ จากนั้น นักองค์ตนจึงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา

พระองค์ดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบนิยมเวียดนาม และขอกำลังทหารเวียดนามมาช่วยเมื่อเกิดความขัดแย้งกับไทย ซึ่งในรัชกาลของพระองค์ เกิดสงครามกับสยามในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2312 สยามยกทัพไปตีบันทายเพชรทางบกแต่ไม่ทันสำเร็จมีข่าวว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีสด็จสวรรคตจึงเลิกทัพกลับมาก่อน อีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ. 2314 ซึ่งหลักฐานทางฝ่ายไทยกล่าวว่าตีได้เมืองบันทายเพชร นักองค์ตนหนีไปเวียดนาม จึงอภิเษกให้สมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชาขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชา แต่หลักฐานทางกัมพูชากล่าวว่า สยามตีเมืองบันทายเพชรไม่สำเร็จจึงให้สมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชาประทับอยู่ที่เมืองกำปอดจน พ.ศ. 2318 เวียดนามที่สนับสนุนนักองค์ตนอ่อนแอลง นักองค์ตนจึงถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งกัมพูชา พระองค์นั้นดำรงตำแหน่งพระมหาอุปโยราช จนสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2320

หลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เกิดการจลาจลในกัมพูชาเพื่อต่อต้านนักองค์โนนจนนักองค์โนนถูกสำเร็จโทษ พระโอรสของพระองค์คือสมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณได้ครองราชสมบัติต่อมา

อ้างอิง

[แก้]
  1. "OCT. 7TH "CONFESS THAT IT IS SO"", Scaffolding, Princeton University Press, pp. 44–44, 2016-10-03, สืบค้นเมื่อ 2023-02-25
  • ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา แปลโดย พันตรีหลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์). นนทบุรี. สำนักพิมพ์ศรีปัญญา. 2550
  • ศานติ ภักดีคำ. 2554. เขมรรบไทย. กทม. มติชน
  • สุมาลี บำรุงสุข. นักองค์เอง ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 155 - 157