พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก (JMA) | |||
---|---|---|---|
พายุไต้ฝุ่น (TMD) | |||
พายุไต้ฝุ่นระดับ 4 (SSHWS) | |||
พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้าขณะเคลื่อนตัวผ่านเกาะลูซอน
| |||
ก่อตัว | 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ||
สลายตัว | 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ||
ความเร็วลม สูงสุด |
| ||
ความกดอากาศต่ำสุด | 950 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 28.05 นิ้วปรอท) | ||
ผู้เสียชีวิต | ผู้เสียชีวิต 68 คนในฟิลิปปินส์ 40 คนในเวียดนาม และ 1 คนในประเทศไทย | ||
ความเสียหาย | ไม่ทราบ | ||
พื้นที่ได้รับ ผลกระทบ |
ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย | ||
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2547 |
พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้า (Typhoon Muifa) เป็นชื่อพายุที่ตั้งขึ้นโดยมาเก๊า มีความหมายว่า ดอกเหมย เป็นพายุหมุนเขตร้อนลูกที่ 2 ที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยในปีพ.ศ. 2547 โดยก่อนหน้านั้น พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้าได้พัดถล่มประเทศฟิลิปปินส์และเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักในทั้งสองประเทศ และคาดการณ์กันว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทย เนื่องจากเป็นพายุที่เคลื่อนตัวเข้ามาในอ่าวไทย ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตามพายุหมุ่ยฟ้าได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นก่อนเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย
พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้าได้เริ่มก่อตัวจากพายุดีเปรสชันเมื่อ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2547 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ทะเลฟิลิปปินส์ หลังจากนั้นได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลา 14.00 ของวันที่ 14 และทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นเมื่อเวลา 06.00 ของวันที่ 17 โดยทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจนมีความเร็วลมสูงสุดที่ 213 กิโลเมตร/ชั่วโมง [1] ต่อจากนั้นพายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าสู่ทะเลจีนใต้ แล้วอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลา 12.00 ของวันที 20 ก่อนจะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้งเมื่อเวลา 24.00 ของวันที่ 21 และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนตามเดิมเมื่อเวลา 12.00 ของวันที่ 24 ในวันเดียวกันนี้พายุได้เคลื่อนตัวเข้ามาในอ่าวไทย ก่อนจะอ่อนกำลังลงอีกเป็นพายุดีเปรสชั่นเมื่อเวลา 12.00 ของวันที่ 25 พายุหมุ่ยฟ้าเคลื่อนขึ้นสู่ชายฝั่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 22.30 น. ที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนไปทางตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง [2] โดยท้ายที่สุดพายุหมุ่ยฟ้าก็อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวไปในบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้าส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 68 ราย บาดเจ็บ 160 ราย สูญหาย 69 ราย ในฟิลิปปินส์ และเสียชีวิต 40 ราย สูญหาย 42 รายในเวียดนาม สำหรับในประเทศไทย พายุไม่ได้ก่อความเสียหายอย่างหนักหน่วงตามที่วิตกกังวลกัน เนื่องจากมีบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปะทะ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง มีจังหวัดที่ได้รับความเสียหาย 5 จังหวัด 21 อำเภอ คือจังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 คน บ้านพังทั้งหลัง 3 หลัง เสียหายบางส่วน 224 หลัง เรือประมงอับปาง 58 ลำ ถนนชำรุด 5 เส้น สะพานชำรุด 2 แห่ง ฝายน้ำล้นพัง 8 แห่ง มีผู้ได้รับผลกะทบ 1,269 ครัวเรือน 22,609 คน และมีการอพยพประชาชนไปยังที่พักพิงชั่วคราว 20,411 คน[3] พายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้ายังทำให้เกิดฝนตกหนักใน 5 จังหวัดดังกล่าว โดยปริมาณน้ำฝนสูงสุดวัดได้ 251.5 มิลลิเมตร ที่อ.เมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 250.4 มิลลิเมตร ที่อ.ปะทิว จังหวัดชุมพร [4] นอกจากนี้ยังมีรายงานคลื่นลมแรงในบริเวณอ่าวไทย โดยมีคลื่นสูง 2.4 เมตร ในวันที่ 25 และ 3.4 เมตรในวันที่ 26 พฤศจิกายน [5]