วัดซางตาครู้ส | |
---|---|
Santa Cruz Church | |
บริเวณด้านหน้าโบสถ์ซึ่งหันออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 | |
ที่ตั้ง | 112 ซอยกุฎีจีน แยกซอยอรุณอมรินทร์ 4 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
ประวัติ | |
สถานะ | เปิดใช้งาน |
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2313 |
ผู้ก่อตั้ง | คณะนักบวชชาวโปรตุเกส และคุณพ่อกูเลียลโม กิ๊น ดา ครู้ส |
สถาปัตยกรรม | |
สถาปนิก | คุณพ่อแปร์โร คุณพ่อกูเลียลโม[1] |
ประเภทสถาปัตย์ | ผังรูปทรงกางเขนโรมัน โครงสร้างผนังรับน้ำหนักและเสาลอย |
รูปแบบสถาปัตย์ | เรเนอซองส์ นีโอคลาสสิก[2][3] |
ปีสร้าง | 17 กันยายน พ.ศ. 2459[4] |
โครงสร้าง | |
พื้นที่ใช้สอย | 1,166.46 ตร.ม. |
การปกครอง | |
อัครมุขมณฑล | กรุงเทพฯ[5] |
นักบวช | |
อัครมุขนายก | พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช |
อธิการโบสถ์ | บาทหลวงสมพร เส็งเจริญ |
ผู้ช่วยอธิการ | บาทหลวงเทิดศักดิ์ กิจสวัสดิ์ บาทหลวงสมชาย อัญชลีพรสันต์ |
วัดซางตาครู้ส, โบสถ์ซางตาครู้ส หรือ วัดกุฎีจีน (อังกฤษ: Santa Cruz Church) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในซอยกุฎีจีน แยกซอยอรุณอมรินทร์ 4 (ถนนเทศบาล สาย 1) ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โบสถ์ในปัจจุบันนี้เป็นอาคารหลังที่สามซึ่งสร้างขึ้นเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเดิมที่คับแคบและชำรุดทรุดโทรมมาก โดยมีคุณพ่อกูเลียลโม กิ๊น ดา ครู้ส เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2459 (ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2539 โดยมีคุณพ่อศวง ศุระศรางค์ เป็นผู้ริเริ่มเพื่อการอนุรักษ์ต่อไป[4] ปัจจุบันวัดหลังนี้มีอายุรวมแล้ว 108 ปี
อาคารวัดซางตาครู้สเป็นอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิกเช่นเดียวกับอาสนวิหารอัสสัมชัญ มีจุดเด่นที่ยอดโดมแบบอิตาลีซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับโดมแห่งมหาวิหารฟลอเรนซ์หรือโดมของพระที่นั่งอนันตสมาคม[3] ภายในเป็นอาคารชั้นเดียว มีจุดเด่นอีกประการคือ การใช้เสาลอยรับน้ำหนักของฝ้าเพดานแบบโค้ง รวมถึงกระจกสีที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกับคริสต์ศาสนา[1]
วัดซางตาครู้สเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่อยู่คู่กับชุมชนกุฎีจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ใกล้กับพระราชวังเดิม สมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานที่ดินให้แก่ชาวโปรตุเกสซึ่งร่วมทำการศึกต่อต้านพม่าจนได้รับชัยชนะ นักบวชชาวโปรตุเกสจึงได้เริ่มก่อสร้างอาคารวัดหลังแรกที่สร้างด้วยไม้ทั้งหมดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2313 ต่อมาได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในชุมชนในปี พ.ศ. 2376 ทำให้อาคารวัดพังเสียหายทั้งหมด จึงต้องก่อสร้างใหม่ด้วยอิฐถือปูน และได้ก่อสร้างใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2459 ซึ่งคืออาคารวัดหลังที่เห็นในปัจจุบัน[4]
นอกจากอาคารวัดที่สำคัญแล้ว ยังมีศาลาซางตาครู้สซึ่งสร้างเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกันคือประมาณปี พ.ศ. 2453 เป็นศาลาทรงวิกตอเรีย ขนมปังขิง มีจตุรมุข 4 ด้าน แต่ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องเครนที่ใช้ก่อสร้างทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเคลื่อนไปชนตัวศาลาจนเสียหายหนัก[6][7]