วัดราชนัดดารามวรวิหาร | |
---|---|
ทัศนียภาพบริเวณหน้าทางเข้าวัด ซึ่งจะเห็น โลหะปราสาทและอุโบสถ | |
ที่ตั้ง | แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
ประเภท | พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร |
นิกาย | มหานิกาย |
เว็บไซต์ | www.watratchanaddaram.com |
หมายเหตุ | |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | วัดราชนัดดาราม |
ขึ้นเมื่อ | 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | โบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร |
เลขอ้างอิง | 0000039 |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดราชนัดดารามวรวิหาร หรือ "วัดราชนัดดา" เป็นวัดตั้งอยู่ที่สี่แยกระหว่างถนนราชดำเนินกลางกับถนนมหาไชย ในเขตพระนคร แปลว่า “วัดของพระราชนัดดา” วัดนี้สร้างขึ้นตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 3)เพื่อเป็นพระเกียรติแก่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาในปี 2389[1][2]
วัดราชนัดดารามวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2389 ตรงกับปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว บนสวนผลไม้เก่าเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ พระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างโลหะปราสาท แทนการสร้างเจดีย์ นับเป็นโลหะปราสาทแห่งแรกของไทย โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด หมายถึงโพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา 37 ประการ ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง มีบันไดเวียน 67 ขั้น ให้เดินขึ้นไปดูทิวทัศน์ข้างบนได้
สำหรับสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ในวัดราชนัดดารามนี้ก็ยังเป็นแบบไทย พระอุโบสถเป็นมีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจกงดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานพระนามว่า "พระเสฏฐตมมุนี" ส่วนพระวิหารก็เป็นศิลปะแบบไทยเช่นกัน ภายในมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นประธาน พระนามว่า "พระพุทธชุติธรรมนราสพ"
แต่เดิมโลหะปราสาทไม่ได้ตั้งเด่นเป็นสง่าเมื่อผ่านมาทางถนนราชดำเนินเหมือนในปัจจุบัน เพราะมีการก่อสร้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย หัวมุมถนนราชดำเนิน ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกของไทย ต่อมาใน พ.ศ. 2532 จึงได้มีการรื้อศาลาเฉลิมไทย โดยอ้างว่าตัวอาคารที่บดบังทัศนียภาพของโลหะปราสาท และวัดราชนัดดา ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายในตอนนั้นที่เริ่มทำลายทิ้งมรดกของคณะราษฎร[3] เพราะตัวอาคารเฉลิมไทยนั้นถือได้ว่าเป็นมรดกคณะราษฎรที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งบนถนนราชดำเนิน ทั้งนี่การทำลายมรดกคณะราฎรถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจยิ่งขึ้น เมื่อที่ตั้งของโรงหนังเดิมถูกกลายเป็นลานพลับพลาเจษฎษบดินทร์ สัญลักษณ์ของกลุ่มกษัตริย์นิยมไปแทน