บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ฯพณฯ[1] สมเด็จพิชัยเสนา[2] เตีย บัญ | |
---|---|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง 27 มิถุนายน พ.ศ. 2549[3] – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 | |
นายกรัฐมนตรี | ฮุน เซน |
ถัดไป | เตีย เซ็ยฮา |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2530 – 2547 | |
นายกรัฐมนตรี | ฮุน เซน นโรดม รณฤทธิ์ อึง ฮวด ฮุน เซน |
รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 | |
กษัตริย์ | นโรดม สีหนุ นโรดม สีหมุนี |
นายกรัฐมนตรี | ฮุน เซน |
รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง รัฐมนตรีกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2527 – 2530 | |
นายกรัฐมนตรี | จัน ซี ฮุน เซน |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเสียมราฐ | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 14 มิถุนายน พ.ศ. 2536 | |
คะแนนเสียง | 52,356 (13.24%) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | เตีย สังวาลย์ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 เกาะกง จังหวัดกำปอด กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส |
ศาสนา | ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท |
พรรคการเมือง | พรรคประชาชนกัมพูชา |
คู่สมรส | เตา เตือน (สมรส พ.ศ. 2518) |
บุตร | เตีย เซียม เตีย เซ็ยฮา เตีย กาญา |
วิชาชีพ | นักการเมือง |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | กัมพูชา |
สังกัด | กองทัพกัมพูชา |
ประจำการ | 2505– |
ยศ | นายอุดมเสนีย์ (นายพล) |
บังคับบัญชา | National Committee for Maritime Security |
ผ่านศึก | สงครามกลางเมืองกัมพูชา |
พลเอก สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ[2] (เขมร: សម្តេចពិជ័យសេនា ទៀ បាញ់ เทีย บาญ่; เกิด 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488)[4] หรือชื่อในภาษาไทยว่า สังวาลย์ หินกลิ้ง[5] เป็นนักการเมืองกัมพูชาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และเป็นสมาชิกพรรคประชาชนกัมพูชา
สมเด็จพิชัยเสนา มีนามเดิมว่า สังวาลย์ (ขณะนั้นกัมพูชายังไม่บัญญัติการใช้นามสกุล)[5] เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 ที่จังหวัดเกาะกง กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส[1][6] ในครอบครัวชาวนาผู้มีรายได้น้อย[7] เป็นบุตรลำดับที่สามจากทั้งหมดห้าคนของเตีย ตึก (มีชื่อไทยว่า เต็ก) เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน กับนู เป็งจันดา (ชื่อไทยว่า หนู เพ่งจินดา) หญิงชาวไทยเกาะกง[8][9] เขามีพี่น้องคือ เตีย สวัสดิ์, เตีย สังเวียน, เตีย วน และเตีย วิญ ซึ่งคนหลังนี้เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือของประเทศกัมพูชา[10]
ครอบครัวของเขาสื่อสารกันด้วยภาษาไทยถิ่นตราด อันเป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเกาะกง และมีสำเนียงแปร่งเป็นเอกลักษณ์[1][11] ในวัยเยาว์ สมเด็จพิชัยเสนาดำรงชีพด้วยความยากลำบาก เพราะบิดาตายตั้งแต่เขายังเด็ก มารดาจึงกลายเป็นเสาหลักเดียวของบ้าน ที่ต้องทำนาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว[7][12] เดิมครอบครัวของเขาไม่มีนามสกุลใช้ กระทั่งมีการบัญญัติการใช้นามสกุล จึงนำชื่อของก๋ง (ปู่) คือเตีย มาตั้งเป็นนามสกุล[5] บางแห่งว่าใช้แซ่ของก๋งมาตั้งเป็นนามสกุล[12] แต่ส่วนตัวของสมเด็จพิชัยเสนาเคยใช้นามสกุล หินกลิ้ง เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด จึงใช้นามสกุลดังกล่าวอยู่ช่วงหนึ่ง[5] นอกจากนี้ยังมีสมญานามว่า เยื่อ เพราะหัวเราะเสียงดังอย่างคนชื่อตาเยื่อ[5] อย่างไรก็ตามสมเด็จพิชัยเสนาสำเร็จการศึกษาเพียงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เกาะกง เพราะฐานะทางบ้านไม่อำนวย[12]
สมเด็จพิชัยเสนาสมรสกับเตา เตือน (ชื่อไทยว่า เตือนใจ ธรรมเกษร) ซึ่งเป็นชาวไทยเกาะกงเช่นกัน เมื่อ พ.ศ. 2518 ครอบครัวของเตือนใจเป็นครอบครัวใหญ่ เธอเป็นบุตรสาวของแช่ม ธรรมเกษร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของใส่ ภู่ทอง และรุ่ง พราหมณ์เกษร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง เมื่อนับจากฝ่ายมารดา รวมทั้งเป็นญาติฝ่ายภรรยาของขุนประนอมธนากิจ (จ๊วน แซ่เฮ้ง) นายกองกรมทหารเรือ ประจำเมืองปัจจันตคิรีเขตร[13] สมเด็จพิชัยเสนากับเตือนใจมีบุตรด้วยกันสามคน เป็นชายสองคน และหญิงหนึ่งคน คือ เตีย เซียม (สยาม), เตีย เซ็ยฮา (สิงหา) และเตีย กาญา (กัญญา) โดยเตีย เซ็ยฮา บุตรคนที่สอง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ[10]
ในวัยเยาว์ ครอบครัวของสมเด็จพิชัยเสนาถูกกดขี่จากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องการสมรสกับน้องสาวของเขา ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 13 ปี สมเด็จพิชัยเสนาปฏิเสธไป และกล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นความกดดันแรกที่ทำให้เขาอยากเป็นทหาร[12]
เมื่อสมเด็จพิชัยเสนาจำเริญวัยขึ้น ก็เข้าร่วมกับอดีตคณะอิสระ จนกลายเป็นนักปฏิวัติอาชีพ เพราะได้รับอิทธิพลทางการเมืองจากจีนและเวียดนามผ่านวิทยุปักกิ่ง[14] ในเวลาต่อมาก็มีทหารมาจับกุมตัว โดยยัดเยียดข้อหากระด้างกระเดื่องและซ่องโจร ลงโทษด้วยการจับตากแดดและอดอาหารเป็นเวลาสี่วันสี่คืน[12] ครั้นมีอายุได้ 16 ปี สมเด็จพิชัยเสนาได้เป็นครูอาสาในหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่มีการศึกษาซึ่งถูกกดขี่ข่มเหง จากการกระทำนั้นเขาก็ถูกทหารจับกุมตัวอีกครั้ง พระสงฆ์ที่เห็นเหตุการณ์เข้าก็ขอบิณฑบาตชีวิตไว้ได้ทัน สมเด็จพิชัยเสนาจึงรอดชีวิตมาได้[12]
ต่อมาเมื่อสมเด็จพิชัยเสนาอายุราว 17-18 ปี ทหารเขมรทราบว่าสมเด็จพิชัยเสนาและพรรคพวกซ่องสุมผู้คน ทหารเขมรเจ็ดนายจึงนำตัวเขาและเพื่อนอีกสองคนเข้าไปในป่าเพื่อยิงทิ้งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 ขณะทหารลั่นไกปืน สมเด็จพิชัยเสนาคิดว่าอย่างไรเสียตนก็คงต้องตาย จึงหลับตาและล้มลงไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนโดยมีเลือดของเพื่อน ๆ ไหลเปื้อนตัว แต่สมเด็จพิชัยเสนายังได้ยินเสียงทหารคุยกัน ก็รู้ตัวว่าตนยังไม่ตาย จึงขยับตัว แต่มีทหารนายหนึ่งเห็นเข้าก็รีบหยิบปืนมายิงซ้ำ แต่ปรากฏว่ากระสุนด้าน สมเด็จพิชัยเสนาสบโอกาสหนีเข้าไปในป่าเพื่อเอาตัวรอดมาได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ "บัญ" ในภาษาเขมร แปลว่า "ยิง"[12]
สมเด็จพิชัยเสนาดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการคณะกรรมการการฝึกอบรม และผู้บัญชาการทหารพลพรรคไทยเกาะกง ช่วง พ.ศ. 2516–2522 กระทั่งเขมรแดงยึดครองดินแดนกัมพูชาส่วนใหญ่ได้สำเร็จ ก็ได้กระทำการอุกอาจและป่าเถื่อนต่อผู้คน สมเด็จพิชัยเสนาพร้อมด้วยพลพรรคไทยเกาะกงส่วนหนึ่งอพยพข้ามแดนมายังบ้านไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด จึงมีโอกาสได้พบกับหน่วย 315 ซึ่งเป็นกำลังพลที่ขึ้นตรงต่อศูนย์อำนวยการกองทัพบก ในความรับผิดชอบของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้สมเด็จพิชัยเสนาและพลพรรคไทยเกาะกง มีสัมพันธภาพอันดีต่อพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และพลเอก วิชิต ยาทิพย์ ซึ่งถูกส่งไปปฏิบัติราชการลับในกัมพูชา[14]
เตีย บัญ มีความสามารถทางการทหาร มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับใส่ ภู่ทอง และนายทหารระดับสูงของไทยจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ได้ แม้ว่าสื่อมวลชนต่างประเทศจะมองว่าใส่ ภูทองถูกลดความสำคัญลง ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 ที่ใส่ ภูทองถูกย้ายเป็นคณะกรรมการตรวจสอบของพรรคประชาชนกัมพูชา อีกทั้งสุขภาพก็ทรุดโทรม และใช้เวลาส่วนใหญ่ในไทย ขณะที่เส้นสายของฮุน เซน และเจีย ซีมมีมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อเตีย บัญ แต่ในเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ เตีย บัญยังคงรักษาสถานะของตัวเองได้เป็นอย่างดี
สำหรับตำแหน่งหลังสุด เตีย บัญ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[15] และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเสียมราฐ สังกัดพรรคประชาชนกัมพูชา[16]ในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานบรรดาศักดิ์แก่พลเอกเตีย บัญ เป็นขุนนางชั้นสมเด็จ ที่ "สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560[2]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)