เฮ่งเสียง (หวาง เสียง) | |
---|---|
王祥 | |
![]() เฮ่งเสียงนอนแนบกับสระน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งเพื่อใช้อุณหภูมิร่างกายละลายน้ำแข็งแล้วจึงจับปลา ปรากฏในภาพอูกิโยะโดยอูตางาวะ คูนิโยชิ | |
มหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 266 – ค.ศ. 268 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ซื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 264 – ค.ศ. 266 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
เสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง 30 เมษายน ค.ศ. 264 – ค.ศ. 266 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
ก่อนหน้า | เตงงาย |
เสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) | |
ดำรงตำแหน่ง 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 261 – 30 เมษายน ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
ก่อนหน้า | อองก๋วน |
ถัดไป | สฺวิน อี่ |
เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 255 – 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 261 | |
กษัตริย์ | โจมอ / โจฮวน |
นายกองพันผู้กำกับการมณฑลนครหลวง (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 254 – ค.ศ. 255 | |
กษัตริย์ | โจมอ |
เสนาบดีกรมวัง (光祿勳 กวางลู่ซฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 254 – ค.ศ. 255 | |
กษัตริย์ | โจมอ |
เสนาบดีพระคลัง (大司農 ต้าซือหนาง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. ? | |
นายอำเภอเวิน (溫令 เวินลิ่ง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. ? | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ค.ศ. 184 นครหลินอี๋ มณฑลชานตง |
เสียชีวิต | 30 เมษายน ค.ศ. 268 (84 ปี) |
บุตร |
|
บุพการี |
|
ญาติ |
|
อาชีพ | ขุนนาง |
ชื่อรอง | ซิวเจิง (休徵) |
สมัญญานาม | ยฺเหวียนกง (元公) |
บรรดาศักดิ์ | ซุยหลิงกง (睢陵公) |
เฮ่งเสียง[1] (ค.ศ. 184[a] – 30 เมษายน ค.ศ. 268[b]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หวาง เสียง (จีน: 王祥; พินอิน: Wáng Xiáng) ชื่อรอง ซิวเจิง (จีน: 休徵; พินอิน: Xiūzhēng) เป็นขุนนางชาวจีนในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ. 25–220), ยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220–280) และต้นยุคราชวงศ์จิ้นตะวันตก (ค.ศ. 266–316) ของจีน เฮ่งเสียงรับราชการในตำแหน่งขุนนางระดับสูงสุดของราชสำนัก ได้แก่ตำแหน่งเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) และเสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) ในรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน และตำแหน่งมหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) ในยุคราชวงศ์จิ้นตะวันตก เฮ่งเสียงยังเป็นหนึ่งในยี่จับสี่เห่าหรือยี่สิบสี่ยอดกตัญญู
บรรพบุรษของเฮ่งเสียงคือหวาง จี๋ (王吉) ผู้รับราชการเป็นขุนนางเสนอและทัดทาน (諫議大夫 เจี้ยนอี้ต้าฟู) ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก[2] ปู่ของเฮ่งเสียงคือหวาง เหริน (王仁) รับราชการเป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลเฉงจิ๋วในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก[3] ลุงของเฮ่งเสียงคือหวาง รุ่ย (王叡; เสียชีวิต ค.ศ. 189) รับราชการเป็นข้าหลวงมณฑลของมณฑลเกงจิ๋วและถูกขุนศึกซุนเกี๋ยนสังหาร
หวาง หรง (王融) บิดาของเฮ่งเสียงปฏิเสธที่จะรับราชการในราชสำนักและใช้ชีวิตเป็นสามัญชนตลอดชีวิต[4] มารดาของเฮ่งเสียงคือเซฺวชื่อ (薛氏) เป็นชาวอำเภอเกาผิง (高平縣 เกาผิงเซี่ยน; อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเวย์ชาน มณฑลชานตงในปัจจุบัน) สันนิษฐานว่าเซฺวชื่ออาจจะเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร เนื่องจากหวาง หรงมีภรรยาคนที่สองคือจูสี[5] (朱氏 จูชื่อ) ซึ่งให้กำเนิดบุตรชายอีกคนคือหวาง หล่าน (王覽)
เฮ่งเสียงเกิดในยุคสมัยแห่งความโกลาหลในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เมื่อขุนศึกต่าง ๆ กำลังรบกันเพื่อแย่งชิงอำนาจทั่วทั้งจักรวรรดิฮั่น ในช่วงเวลานั้น สมาชิกในครอบครัวของเฮ่งเสียงที่หลงเหลืออยู่มีเพียงจูสีผู้เป็นมารดาบุญธรรมและหวาง หล่านผู้เป็นน้องชายต่างมารดา ทั้งสามอพยพจากบ้านเกิดในเมืองลองเอี๋ย (琅邪郡 หลางหยาจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครหลินอี๋ มณฑลชานตงในปัจจุบัน) และมุ่งลงใต้ไปยังเมืองโลกั๋ง (廬江郡 หลูเจียงจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครลู่อาน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ทั้งสามใช้ชีวิตในเมืองโลกั๋งอย่างสันโดษเป็นเวลามากกวา 20 ปี ในช่วงเวลานั้น เฮ่งเสียงได้รับคำเชิญให้รับราชการในที่ว่าการเมืองท้องถิ่นแต่เฮงเสียงปฏิเสธ
ในยุคสามก๊ก ลิยอย[c] (呂虔 ลฺหวี่ เฉียน) ขุนนางของรัฐวุยก๊กผู้ดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑลของมณฑลชีจิ๋ว[d] (徐州 สฺวีโจว) ต้องการรับเฮ่งเสียงมารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย[e] (別駕 เปี๋ยเจี้ย) ของตน ตอนแรกเฮ่งเสียงปฏิเสธ แต่ก็เปลี่ยนใจหลังหวาง หล่านน้องชายโน้มน้ามให้เฮ่งเสียงรับตำแหน่ง ลิยอยมอบหมายให้เฮ่งเสียงดูแลราชการพลเรือนและครัวเรือนในมณฑลชีจิ๋ว ในช่วงเวลาที่เฮ่งเสียงดำรงตำหน่ง เฮ่งเสียงได้ดำเนินนโยบายการศึกษาและส่งทหารไปจัดการกับกลุ่มโจรในภูมิภาค นโยบายที่ประสบความสำเร็จของเฮ่งเสียงทำให้เฮ่งเสียงได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนในมณฑลชีจิ๋ว
จากความสำเร็จของเฮ่งเสียง เฮ่งเสียงจึงได้รับการเสนอชื่อเป็นเม่าไฉ (茂才; ผู้สมัครรับราชการพลเรือยนที่ความโดดเด่น) และได้รับการแต่งตั้งเป็นนายอำเภอ (令 ลิ่ง) ของอำเภอเวิน (溫縣; ทางตะวันออกของนครเมิ่งโจว มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) ต่อมาเฮ่งเสียงได้เลื่อนขึ้นมามีตำแหน่งเป็นเสนาบดีพระคลัง (大司農 ต้าซือหนง) ในราชสำนัก
ในปี ค.ศ. 254 เฮ่งเสียงสนับสนุนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาสูในการปลดโจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของวุยก๊ก และตั้งโจมอขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน สุมาสูมอบบำเหน็จตอบแทนการสนับสนุนของเฮ่งเสียงโดยการตั้งให้เฮ่งเสียงมีบรรดาศักดิ์เป็นกวนไล่เหา (關內侯 กวานเน่ย์โหว) และตั้งให้มีตำแหน่งเป็นนายกองพันผู้กำกับการมณฑลนครหลวง (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์)
ในปี ค.ศ. 255 เมื่อขุนพลบู๊ขิวเขียมและบุนขิมเริ่มก่อกบฏในฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย) เฮ่งเสียงติดตามสุมาสูที่นำทัพหลวงไปปราบกบฏ หลังกบฏถูกปราบปราม สุมาสูแต่งตั้งให้เฮ่งเสียงเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) และเลื่อนบรรดาศักดิ์จากกวนไล่เหาเป็นเฮา (侯 โหว) ระดับหมู่บ้านในชื่อบรรดาศักดิ์ว่า "ว่านซุ่ยถิงโหว" (萬歲亭侯) เฮ่งเสียงในฐานะเสนาบดีพิธีการทำหน้าที่เป็นพระอาจารย์ให้กับโจมอจักรพรรดิผู้เยาว์และถวายการสอนวิถีแห่งผู้ปกครองแก่พระองค์
ในปี ค.ศ. 260 โจมอทรงไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดอีกต่อไป จึงทรงพยายามก่อก่อรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจคืนจากผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาเจียว[f] (น้องชายของสุมาสู) แต่โจมอกลับถูกปลงพระชนม์โดยเซงเจ (成濟 เฉิง จี้) นายทหารใต้บังคับบัญชาของกาอุ้นผู้ช่วยคนสนิทของสุมาเจียว ระหว่างพระราชพิธีพระศพของโจมอ เฮ่งเสียงในวัย 75 ปีร้องไห้ด้วยความขมขื่นและพูดว่า "ข้าผู้เป็นเสนาบดีชราช่างไร้ค่านัก!" คำพูดของเฮ่งเสียงทำให้ข้าราชการบางคนที่เข้าร่วมในพระราชพิธีพระศพของโจมอรู้สึกละอายใจ
ในปี ค.ศ. 261 ในรัชสมัยของโจฮวน[g]จักรพรรดิลำดับที่ 5 ของวุยก๊ก เฮ่งเสียงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง)
ในปี ค.ศ. 264 เฮ่งเสียงได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกลาโหม[h] (太尉 ไท่เว่ย์) และได้รับตำแหน่งเพิ่มเติมเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) ในปีเดียวกันนั้น สุมาเจียวฟื้นฟูระบบบรรดาศักดิ์ห้าขั้นซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกยกเลิกไป และตั้งให้เฮ่งเสียงเป็นซุยหลิงโหว (睢陵侯) มีศักดินา 1,600 ครัวเรือน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 266 (หลังการเสียชีวิตของสุมาเจียวในเดือนกันยายน ค.ศ. 265) สุมาเอี๋ยน[i]บุตรชายของสุมาเจียวชิงราชบัลลังก์จากโจฮวน เป็นการสิ้นสุดของรัฐวุยก๊กและเป็นการก่อตั้งของราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยนเป็นจักรพรรดิ หลังการขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงแต่งตั้งให้เฮ่งเสียงเป็นมหาองครักษ์[j] (太保 ไท่เป่า) และเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นซุยหลิงกง (睢陵公)
ในช่วงเวลานั้น เฮ่งเสียง, โฮเจ้ง (何曾 เหอ เจิง), เจิ้ง ชง (鄭沖) และอดีตขุนนางของวุยก๊กบางคนก็ถึงวัยชราแล้ว จึงไม่สะดวกที่จะไปเข้าร่วมการประชุมในราชสำนักเป็นประจำได้อีก จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนจึงส่งเริ่น ข่าย (任愷) ซึ่งเวลานั้นเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) ให้ไปเยี่ยมเยียนพวกเขาและขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนโยบาย
ในช่วงเวลานั้นเฮ่งเสียงมีอายุในช่วงแปดสิบปีแล้ว ได้ทูลขอพระราชานุญาตจากจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนหลายครั้งเพื่อขอลาออกจากราชการ แต่จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงปฏิเสธ โหว ฉื่อกวาง (侯史光) ผู้ช่วยขุนนางตรวจสอบ (御史中丞 ยฺหวี่ฉื่อจงเฉิง) เคยทูลเสนอให้ปลดเฮ่งเสียงจากราชการเพราะเฮ่งเสียงขาดการเข้าประชุมในราชสำนักเป็นเวลานานจากปัญหาสุขภาพ แต่จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงเคารพและโปรดปรานเฮ่งเสียง จึงทรงมีรับสั่งถึงกรมตรวจสอบของราชสำนัก (御史台 ยฺวี่ฉื่อไถ; รับผิดชอบในการติดตามผลการปฏิบัติงานของข้าราชการในสำนัก) ให้ละเว้นการตรวจสอบเฮ่งเสียง พระองค์ยังทรงอนุญาตให้เฮ่งเสียงยังอยู่ในตำแหน่งและรับเบี้ยหวัดต่อไป แม้ว่าเฮ่งเสียงจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน
เฮ่งเสียงเสียชีวิตในเดือนเมษายน ค.ศ. 268 ขณะอายุ 85 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) และได้รับสมัญญานามว่า "ยฺเหวียนกง" (元公) ด้วยเหตุนี้เฮ่งเสียงจึงมีสมัญญานามเต็มว่า "ซุยหลิง-ยฺเหวียนกง" (睢陵元公)
หวาง หล่าน (王覽) น้องชายต่างมารดาของเฮ่งเสียง รับราชการเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ราชสำนัก (光祿大夫 กวางลู่ต้าฟู) ของราชวงศ์จิ้น หวาง หล่านยังเป็นบรรพบุรุษรุ่นที่ 4 ของหวาง ซีจือ (王羲之) นักอักษรวิจิตรที่มีชื่อเสียง
ผู้สืบเชื้อสายของเฮ่งเสียงบางคนที่เป็นที่รู้จัก มีดังต่อไปนี้: