การขนส่งระบบรางในประเทศไทย | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตามเข็มนาฬิกาจากด้านบน: คิฮะ 183 ที่สถานีทุ่งสองห้อง, รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน, รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง, อัลสตอม AD24C ที่ป้ายหยุดรถไฟสะพานแควใหญ่ | |||||||
การดำเนินการ | |||||||
บริษัทรถไฟประจำชาติ | การรถไฟแห่งประเทศไทย | ||||||
ผู้ดำเนินการหลัก |
| ||||||
สถิติ | |||||||
ผู้โดยสาร | 488.74 ล้านคนต่อปี (2023) [1] | ||||||
โครงข่ายเส้นทาง | |||||||
ระยะทางทั้งหมด | 4,845.1 km (3,010.6 mi) (2023)[2] | ||||||
ติดตั้งไฟฟ้า | 211.94 km (131.69 mi) (2022)[3] | ||||||
ขนาดความกว้างราง | |||||||
ขนาดความกว้างราง | 1,000 mm (3 ft 3 3⁄8 in) 1,435 mm (4 ft 8 1⁄2 in) | ||||||
โครงสร้างโดยทั่วไป | |||||||
อุโมงค์ที่ยาวที่สุด | อุโมงค์รถไฟดงพญาเย็น 5.850 km (3.635 mi)[4] | ||||||
|
การขนส่งระบบรางในประเทศไทย คือ การขนส่งระบบรางที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งรถไฟระหว่างเมือง และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
รถไฟทางไกลในปัจจุบัน ให้บริการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ปัจจุบันการรถไฟฯ มีเส้นทางเดินรถที่เปิดการเดินรถแล้ว รวมทั้งสิ้น 4,346 กิโลเมตร โดยเป็นทางคู่ช่วง - รังสิต ระยะทาง 31 กิโลเมตร และเป็นทางสามช่วง รังสิต - ชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง 59 กิโลเมตร เส้นทางหลักที่สำคัญ มีดังนี้
นอกจากนั้นยังมีการสร้างทางอีกหลายเส้นทาง อาทิ สถานีรถไฟชุมทางคลองสิบเก้า - สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี - สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย - สถานีรถไฟศรีราชา - สถานีรถไฟแหลมฉบัง - สถานีรถไฟชุมทางเขาชีจรรย์ - สถานีรถไฟมาบตาพุด และโครงการรถไฟฟ้าอีกสองเส้นทางคือ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน (ศาลายา - หัวหมาก) และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต - มหาชัย) หรือเรียกรวม ๆ ได้ว่า โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
นอกจากนี้ยังมีโครงการปรับปรุงรางที่สำคัญมาก ๆ ต่อการพัฒนารางคือ ขยายทางให้เป็นทางคู่เพื่อให้สามารถทำความเร็วได้มากขึ้น ลดเวลาการเดินทาง จุผู้โดยสารและโบกี้สินค้าได้มากขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้นเนื่องจากการขนส่งเที่ยวหนึ่งสามารถบรรทุกคนและสินค้าได้มากกว่ารถยนต์ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาและปรับปรุงการขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ โครงการที่สำคัญที่จะสร้าง คือ
รวมโครงการระยะแรก 767 กิโลเมตร
ประเภทของขบวนรถโดยสารจะแตกต่างกันโดยจำนวนสถานีที่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร และชนิดของรถโดยสารที่ให้บริการ ดังตารางต่อไปนี้
ประเภท | เลขขบวน | จำนวนสถานีที่หยุด | ชั้น 1 | ชั้น 2 | ชั้น 3 | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
นั่ง/นอน ป. | นั่ง/นอน ป. | นั่ง/นอน | นั่ง ป. | นั่ง | นั่ง | |||
ด่วนพิเศษ | 1–50 | น้อย | มี | มี | - | - | มี[a] | มี[a] |
ด่วน | 51–100 | น้อย | มี[b] | มี | มี | มี[c] | มี | มี |
เร็ว | 1xx | ปานกลาง | - | มี | มี | มี[d] | มี | มี |
ธรรมดา | 2xx | เกือบทุกสถานี (เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับภูมิภาค) |
- | - | - | - | - | มี |
ชานเมือง | 3xx[e] | เกือบทุกสถานี (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) |
- | - | - | - | - | มี |
ท้องถิ่น | 4xx | เกือบทุกสถานี (ภูมิภาค) |
- | - | - | - | - | มี |
นำเที่ยว/พิเศษ | 9xx | ขึ้นอยู่กับภารกิจของแต่ละขบวน |
หมายเหตุ
ขบวนรถสินค้า ประกอบด้วยรถสินค้าเท่านั้น ให้บริการด้านการขนส่งสินค้าประเภทเหมาคันทั้งภายในประเทศ และเพื่อส่งออกประเทศมาเลเซีย ที่สถานีรถไฟชายแดนอย่าง สุไหงโก-ลก และปาดังเบซาร์
ประเภทของขบวนรถสินค้า ได้แก่
ในปัจจุบัน รถจักรดีเซลไฟฟ้า ถือเป็นรถจักรที่มีส่วนช่วยในการทำขบวนรถโดยสารและรถสินค้ามากที่สุด โดยรถจักรดีเซลไฟฟ้าที่ใช้งานบ่อย ๆ ได้แก่ จีอี อัลสธอม (มี 4 รุ่นย่อย ได้แก่ เอแอลเอส เอเอชเค เอแอลดี และเอดีดี) ฮิตาชิ จีอีเอ และซีเอสอาร์ นอกจากนี้ยังมีรถจักรดีเซลไฮดรอลิก ซึ่งมีบทบาทในการทำขบวนรถโดยสารน้อยลงกว่าในอดีต แต่จะทำขบวนรถโดยสารหรือรถสินค้าในกรณีพิเศษ เช่น กรุปป์ทำขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารในช่วงอุทกภัย และเฮนเชล ทำขบวนรถบำรุงทางเพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เป็นต้น
นอกจากรถจักรแล้ว ยังมีรถดีเซลราง ซึ่งมีทั้งห้องโดยสารและห้องขับภายในคันเดียวกัน โดยมีเครื่องยนต์อยู่ข้างใต้ ทำให้ขบวนรถออกตัวได้ดีกว่าการใช้รถจักรลาก รถดีเซลรางหลัก ๆ ที่ยังคงใช้งานในปัจจุบัน ได้แก่
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองเดียวที่มีระบบรถไฟฟ้า ปัจจุบันประกอบด้วย 4 ระบบ คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้ามหานคร รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ในอนาคต อาจมีความยาวเกือบ 400 กิโลเมตร ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล นอกจากนี้ ยังมีโครงรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนตามหัวเมืองในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบโครงการ
รายชื่อจังหวัดที่มีทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน |
รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เป็นชื่อทางการของรถไฟฟ้าบีทีเอส ดำเนินการโดย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี (BTSC) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที (KT) เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 เปิดบริการตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกาถึง 24 นาฬิกา
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ในโอกาสที่เปิดบริการมาครบ 9 ปี ปรากฏว่า มียอดมีผู้ใช้บริการตั้งแต่เปิดให้บริการ 972,034,298 เที่ยว มีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าเฉลี่ยวันทำการ 424,369 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.6 โดยในปี พ.ศ. 2551 นี้มีผู้ใช้บริการสูงสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 จำนวน 497,390 เที่ยว [5] และในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 มีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าเฉลี่ยในวันทำการสร้างสถิติใหม่สูงสุดเท่ากับ 509,106 เที่ยวต่อคน [6]
และผลดำเนินงานบริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในรอบบัญชีเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 มียอดผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 176,028,556 เที่ยวคน เพิ่มขึ้นจากงวดปีที่ผ่านมาร้อยละ 21.24 และเมื่อพิจารณาจากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 18.26 เป็น 480,952 เที่ยวคน ซึ่งวันที่ 30 มีนาคม 2555 นับว่าเป็นวันที่ทุบสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา มีผู้มาใช้บริการถึง 714,575 เที่ยวคน[7]
ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 สถานีสำโรงได้เปิดใช้บริการและเป็นวันที่ รถไฟฟ้าบีทีเอส ให้บริการผู้โดยสารเชื่อมต่อระหว่าง กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวันแรก ปัจจุบันให้บริการครอบคลุม 3 จังหวัดคือ จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางรวม 68.25 กิโลเมตร จำนวน 60 สถานี
รถไฟฟ้ามหานครที่เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบันได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ดำเนินการโดยบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) โดยได้รับสัมปทานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2542 และหลังจากที่เกิดความล่าช้าขึ้นหลายครั้ง ในที่สุดได้เปิดให้สาธารณชนทดลองใช้งานในวงจำกัดเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2547 และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ปัจจุบันให้บริการครอบคลุม 2 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี ระยะทางรวม 70.6 กิโลเมตร จำนวน 53 สถานี
เป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าในระบบรถไฟฟ้าชานเมือง โดยรัฐบาลได้นำโครงการนี้มาเป็นโครงการเร่งด่วนและแยกการก่อสร้างต่างหากจากระบบรถไฟฟ้าชานเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดำเนินการก่อสร้างโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โดย บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด
สำหรับยอดผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เต็มรูปแบบวันแรกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553 มีผู้โดยสารใช้บริการในระบบซิตี้ไลน์ 26,149 คน จากเป้าที่ตั้งไว้ 15,000 คน ส่วนรถด่วนมีผู้ใช้บริการ 633 คน ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้บริการประมาณ 5-7 หมื่นคน[8]
รถไฟฟ้าที่ใช้ในโครงการทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้าประเภทความเร็วสูง ซึ่งมีความเร็วปกติอยู่ที่ 160-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่มีความเร็วขณะเข้าประแจที่ 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความเร็วขณะเข้าประแจลงศูนย์ซ่อมบำรุงที่ย่านคลองตันที่ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบันให้บริการครอบคลุม 2 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางรวม 28.6 กิโลเมตร จำนวน 8 สถานี
เป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตลอดจนพื้นที่ต่อเนื่องคือ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดราชบุรี ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพในการให้บริการของรถไฟชานเมืองซึ่งทำหน้าที่ในการบริการขนส่งผู้โดยสารที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองตลอดจนพื้นที่ต่อเนื่องสามารถเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบรางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการป้อนผู้โดยสารเข้าสู่โครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอื่นในเขตกรุงเทพมหานครอันได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รถไฟฟ้าบีทีเอส ของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปัจจุบันมี 2 สาย ระยะทางรวม 37.6 กิโลเมตร จำนวน 13 สถานี
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานเดียวที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในท่าอากาศยาน ปัจจุบันมี 1 ระบบ คือ ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 1 กิโลเมตร รับส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารผู้โดยสารรองที่ 1 (SAT-1)
โครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย เป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ของประเทศไทยในการก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูง มีเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจและเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอินโดจีน มีเป้าหมายในการก่อสร้าง 4 สาย ได้แก่ สายเหนือ, สายตะวันออก (เชื่อม 3 สนามบิน), สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างในสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา