เขตโอเชียเนียเป็นพื้นที่ทีมีการแข่งขันทางการทูตอย่างต่อเนื่องระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน (People's Republic of China; "จีน") กับสาธารณรัฐจีน (Republic of China; "ไต้หวัน") จีนกำหนดว่าไม่มีรัฐใดสามารถมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนและไต้หวันพร้อมกันได้ ณ ค.ศ. 2019 รัฐเอกราชมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนจำนวน 10 รัฐ ขณะที่มีเพียง 4 รัฐที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน จำนวนตัวเลขดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เนื่องจากชาติเกาะแปซิฟิกจะประเมินนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่ และมักจะเปลี่ยนการให้การรับรองทางการทูตระหว่างปักกิ่งกับไทเป ประเด็นเกี่ยวกับว่าจะให้การรับรองรัฐบาล "จีน" ใด มักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อกลางในการเลือกตั้งของชาติเกาะแปซิฟิก และประเด็นนี้มักนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายครั้ง
แม้ว่าทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่างให้การรับรองทางการทูตกับจีนเป็นเวลานาน และมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและเป็นมิตร แต่ทั้งจีนและไต้หวันต่างพยายามโน้มน้าวให้ชาติเกาะแปซิฟิกขนาดเล็กมีความสัมพันธ์กับประเทศของตน นักวิจารณ์มักกล่าวถึงการทูตลักษณะนี้ว่า "การทูตสมุดเช็ค" ซึ่งมักอยู่ในรูปของความช่วยเหลือทางการพัฒนา หรือในกรณีของจีน จะให้การสนับสนุนการก่อสร้างที่ทำการรัฐบาลขนาดใหญ่ สนามกีฬา หรือโครงสร้างพื้นฐาน[1] หนังสือพิมพ์ไต้หวัน เดอะไชนาโพสต์ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "ไต้หวันและจีนต่างแข่งขันอย่างดุเดือดเพื่อความสัมพันธ์ทางการทูต และทั้งสองประเทศต่างจ่ายเงินให้เปล่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตหรือแย่งชิงพันธมิตรของอีกฝ่าย[2]
รัฐเกาะแปซิฟิกหลายแห่งได้รับเงินช่วยเหลือการพัฒนาจากไต้หวันและจีน เฮมิช แมกดอนัลด์จากหนังสือพิมพ์ ดิเอจ ได้รายงานใน ค.ศ. 2003 ความว่า "การใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งเรื่องการรับรองทางการทูตระหว่างจีนกับไต้หวันเป็นรายรับที่สร้างรายได้เป็นอย่างมากให้กับชาติแปซิฟิกขนาดเล็ก"[3] พันธมิตรของไต้หวันรับปากในการส่งเสริมผลประโยชน์ของไต้หวันในสหประชาชาติอย่างแข็งขัน
นอกจากนี้ ประเทศแปซิฟิกหลายประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตองงา ฟีจี วานูอาตู และซามัวมีประชาชนที่มีเชื้อสายจีนเป็นประชากรกลุ่มน้อย ซึ่งมีชาวจีนโพ้นทะเลรวมกันประมาณ 80,000 คน โดยในฟีจีและปาปัวนิวกินีต่างมีประชากรเชื้อสายจีนชาติละประมาณ 20,000 คน ประเทศอย่างออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และวานูอาตูเป็นประเทศที่น่าดึงดูดสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนชาวจีน[1]