คอแลน | |
---|---|
คอแลน | |
ขนาดผลคอแลน | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Sapindales |
วงศ์: | Sapindaceae |
สกุล: | Nephelium |
สปีชีส์: | N. hypoleucum |
ชื่อทวินาม | |
Nephelium hypoleucum Kurz |
คอแลน ชื่ออื่นๆคือ บักแงว (ภาษาอีสาน) , คอลัง (ภาษาใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์: Nephelium hypoleucum อยู่ในวงศ์ Sapindaceae (วงศ์เดียวกับลิ้นจี่ ลำไย เงาะ รวมทั้งมามอนซีโย) มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบตามธรรมชาติบริเวณป่าฝนในภูมิภาค และพบมีการเพาะปลูกบ้างในบางประเทศเช่น มาเลเซีย และไทย[1] เป็นไม้ยืนต้นสูง เปลือกสีน้ำตาลคล้ำ เรียบ ใบเดี่ยวเรียงสลับ ออกเป็นช่อ ดอกออกปลายกิ่งหรือตามซอกใบ ไม่มีกลีบดอก ผลมีปุ่มปมหนาแน่น สีแดง เปลือกภายนอกมีลักษณะคล้ายกับลิ้นจี่แต่เนื้อข้างในคล้ายเงาะมีรสเปรี้ยว รับประทานได้ เมล็ดไม่สามารถรับประทานได้เนื่องจากแข็งและมีพิษ
คอแลน (N. hypoleucum) ชื่ออื่น: กะเบน คอรั้ง สังเครียดขอน (ภาคใต้) ขาวลาง มะแงว หมากแงว หมักแงว หมักงาน (ภาคอีสาน) คอแลน (ภาคกลาง ภาคเหนือ) คอแลนตัวผู้ ลิ้นจี่ป่า (ตะวันออกเฉียงใต้) มะแงะ หมักแงว (ภาคกลาง ภาคตะวันออก) [2] เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูง 10 - 20 เมตร ลำต้นเปลา (สูงชะลูด ไม่มีกิ่งที่ลำต้น) โคนต้นอาจมีพูพอน เปลือกสีน้ำตาลคล้ำ เรียบ เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างทึบ [2]
ใบเดี่ยวเรียงสลับ ออกเป็นช่อ ติดเรียงสลับยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบย่อยรูปขอบขนาน แกมรูปไข่ ติดตรงข้าม 1-3 คู่ โคนใบมนและเบี้ยว ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนา หลังใบเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนท้องใบสีจาง [3]
ดอก ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว ออกรวมกันเป็นช่อขนาดใหญ่ ที่ปลายกิ่ง ทุกส่วนของช่อมีขนสีเทาทั่วไป โคนกลีบรองดอกจะติดกันเป็นรูปถ้วยปากกว้าง ปลายแยกเป็น 5 แฉก ส่วนกลีบดอกไม่มี มีเกสรตัวผู้ 5 เส้น มีรังไข่กลมและมีขนปกคลุม [3]
ผลมีรูปรีหรือค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ผิวขรุขระเป็นปมเล็กๆ กระจายทั่วไป เปลือกภายนอกมีลักษณะคล้ายกับลิ้นจี่ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีแดงเข้ม แต่ละผลมีเมล็ดเดียว มีเนื้อเยื่อในใสและชุ่มน้ำ หุ้มเมล็ด เนื้อคล้ายเงาะมีรสเปรี้ยว ผลสุกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม [3]
คอแลน (ชื่อวิทยาศาสตร์ Nephelium hypoleucum Kurz) เป็นผลไม้อยู่ในวงศ์ SAPINDACEAE ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับลิ้นจี่ ลำไย เงาะ และมามอนซีโย คอแลนยังไม่เป็นที่ยอมรับในฐานข้อมูลในระดับสากลใน The Plant List [4] แต่เป็นที่ยอมรับในฐานข้อมูลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ของไทย [5] ปัจจุบันยังหาข้อยุติในด้านการจำแนกพืชไม่ได้แน่ชัด [2][4]
คอแลน เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป เป็นพรรณไม้ป่าดงดิบ และพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณที่ชื้นๆ ได้บ้าง เช่น ตามที่ใกล้แหล่งน้ำ เป็นพืชที่ขึ้นได้ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 100-800 เมตร [2][3] จากรายงานพบพืชชนิดนี้ในพม่า มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และประเทศไทย [6] และภูมิภาคใกล้เคียงในทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย เช่น ในประเทศภูฏาน ทางตอนใต้ของประเทศจีน [6][7] ในประเทศไทยพบด้ทุกภาคของประเทศไทย พบมากในภาคอีสานและภาคเหนือ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด [8]
เนื้อไม้ต้นคอแลนมีสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง เนื้อละเอียด มีความเหนียวและแข็ง ในประเทศไทยมักนำมาทำเครื่องใช้ทางการเกษตร เช่น คันไถ และด้ามจับเครื่องใช้ต่างๆ เนื้อไม้รสฝาด ยังใช้ปรุงเป็นยาห้ามเลือด ผลใช้เป็นยาช่วยการกระจายเลือด เปลือกใช้เป็นยาบำรุงเลือด [2][3]
ผลแก่ ใช้รับประทาน มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยทำให้ชุ่มคอ ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไข้หวัด [2]
ดอกจากไม้คอแลน ยังใช้เลี้ยงผึ้งได้ให้น้ำผึ้งแบบธรรมชาติ [2]