คานิ ไซโซ

คานิ ไซโซ (ญี่ปุ่น: 可児才蔵, ค.ศ. 1554 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1613) มีอีกชื่อหนึ่งว่า คานิ โยชินากะ (ญี่ปุ่น: 可児吉長) เขาเป็นขุนศึกชาวญี่ปุ่นในช่วงยุคเซ็นโกคุและมีผลงานเด่นในศึกเซกิงาฮาระ

ภาพของ คานิ ไซโซ ในช่วงศึกเซกิงาฮาระ

ช่วงต้น

[แก้]

เขาเกิดที่อำเภอคานิในแคว้นมิโนะ มีน้องชาย ชื่อ ซากาเบ (作兵衛) ตามทางบันทึกของทางวัด ได้กล่าวไว้ว่า เขาได้ศึกษาวิชาหอก (槍術) กับโฮโซอิน อินเอ ที่วัดกันโคจิ (願興寺)

เมื่อเขามีอายุได้ 13 ปี ได้รับใช้ไซโตะ ทัตสึโอกิ ในตำแหน่งพลทหารเดินเท้า ต่อมาเขาได้แปรพักตร์มาอยู่กับตระกูลโอดะ และได้รับใช้ขุนพลที่มีชื่อเสียงของตระกูลโอดะหลายคน ได้แก่ ชิบาตะ คัตสึอิเอะ มาเอดะ โทชิอิเอะ อะเกจิ มิตสึฮิเดะ และ โอดะ โนบุตากะ

สาเหตุที่เขาได้ฉายาว่า ไซโซคนใบไผ่ (笹の才蔵, Sasa no Saizō) เป็นเพราะในนิทานพื้นบ้านได้เล่าไว้ว่า เขาได้ใช้ใบไผ่เพื่ออำพรางตัวในระหว่างการโจมตีกองทัพทาเคดะ เมื่อ โอดะ โนบุตากะ ได้พ่ายแพ้ต่อกองทัพโทโยโตมิในยุทธการชิสุงาตาเกะ เขาจึงได้เป็นขุนพลในสังกัดของฮาชิบะ ฮิเดะสึกุ แต่ในช่วงการรบที่โคมากิและนางากุเตะ มีเรื่องเล่าว่าเขาได้ขัดแย้งกับฮิเดะสึกุ เมื่อสถานการณ์การรบเริ่มเสียเปรียบ เขาจึงคิดที่จะหลบหนีออกจากสนามรบทันทีและปฏิเสธที่จะให้ฮิเดะสึกุยืมม้าของตน ในระหว่างการถอยทัพ เขาได้กลายเป็นโรนินอยู่ช่วงหนึ่ง ก็ได้มารับใช้ซะสะ นะริมาสะ เนื่องด้วยทางนะริมาสะ ได้รู้ถึงความสามารถของเขา

หลังจากที่ ซะสะ นะริมาสะ เสียชีวิต ในปี ค.ศ.1588 เขาก็ได้รับใช้ฟุกุชิมะ มาซาโนริ และได้รับที่ดินจำนวน 750 โคกุ และได้เข้าร่วมในการโอบล้อมปราสาทโอดะวาระ โดยที่กองทัพของเขา ได้เข้าปะทะกับ กองทัพของโฮโจ อุจิโนริ

ช่วงหลังของชีวิต

[แก้]

หลังการเสียชีวิตของฮิเดโยชิ เขาได้เป็นหนึ่งในขุนพลของกองทัพบูรพาที่นำโดยโทกุงาวะ อิเอยาสุ โดยมีเรื่องเล่าว่า เขาสามารถสังหารขุนพลฝ่ายประจิมของอิชิดะ มิตสึนาริ ได้ประมาณ 17 คน เขาได้รับคำชื่นชมจากอิเอยาสุพร้อมกับได้รับที่ดินประมาณ 1,250 โคกุ แต่หลังจากนั้น สุขภาพของเขาก็เริ่มแย่ลง มีเรื่องเล่าว่าเขามักจะขี่ม้าพร้อมกับง้าวนากินาตะอยู่เสมอ เขามักจะอารมณ์ร่าเริงเมื่อตอนลาดตระเวน แต่ก็กลายเป็นคนอารมณ์โมโห ถ้าหากมีใครคิดขโมยของไปจากเขา เขาได้ย้ายไปอยู่ที่แคว้นฮิโรชิมะในจังหวัดอากิ และมีเรื่องเล่าต่อจากนั้นว่า เขาเป็นผู้ที่ศรัทธาในองค์เทพอะตาโงะ กอนเก็น (愛宕権現) เป็นอย่างมาก และเขาเชื่อว่าตนเองอาจจะตายในวันหยุดขององค์เทพอะตาโงะ เขาเสียชีวิตในวัย 59 ปี โดยที่เขาได้ใส่ชุดเกราะเต็มยศก่อนตาย