![]() | บทความนี้จำเป็นต้องปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน |
จักรภพ เพ็ญแข | |
---|---|
![]() จักรภพ ใน พ.ศ. 2561 | |
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 – 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 (0 ปี 113 วัน) ดำรงตำแหน่งร่วมกับ ชูศักดิ์ ศิรินิล | |
นายกรัฐมนตรี | สมัคร สุนทรเวช |
ก่อนหน้า | ทิพาวดี เมฆสวรรค์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ |
ถัดไป | สุขุมพงศ์ โง่นคำ สุพล ฟองงาม |
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 9 ธันวาคม พ.ศ. 2546 – 14 มีนาคม พ.ศ. 2548 (1 ปี 96 วัน) | |
นายกรัฐมนตรี | ทักษิณ ชินวัตร |
ก่อนหน้า | ศิธา ทิวารี |
ถัดไป | เฉลิมเดช ชมพูนุท |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 21 ตุลาคม พ.ศ. 2510 เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | ไทยรักไทย (2541–2549) พลังประชาชน (2549–2551) |
คู่สมรส | สุไพรพล ช่วยชู[1] (สมรส 2568[2]) |
จักรภพ เพ็ญแข (เกิด 21 ตุลาคม พ.ศ. 2510) ชื่อเล่น เอก อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร บุตรนางณัฐวรรณ เพ็ญแข อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ อดีตนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้เปลี่ยนแปลงการบริหารงานสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จากเดิมคือ Television of Thailand (Channel 11) ไปสู่ National Broadcasting Services of Thailand
ดร.จักรภพ เพ็ญแข เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2510[3] ศึกษาชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้น เข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว จึงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่วิทยาลัยระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูงพอล เอช. นิทซ์ (SAIS) มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา[4]
เริ่มการทำงานครั้งแรกกับเครือเจริญโภคภัณฑ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาออกไปเข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาได้ลาออกมาทำงานสื่อมวลชนเต็มตัว โดยเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์หลายรายการ เป็นระยะเวลากว่าสิบปี ภายหลังเข้าสู่วงการเมือง ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ นาย สุไพรพล ช่วยชู
ดร.จักรภพ เพ็ญแข ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลดร.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาไม่นาน ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในนามพรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2548 จักรภพลงเลือกตั้งที่กรุงเทพฯ เขต 30 แทนจักรพันธุ์ ยมจินดา แพ้ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ คือ องอาจ คล้ามไพบูลย์ ต่อมาครั้งที่สองใน การเลือกตั้งทั่วไป 2 เมษายน 2549 จักรภพเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวในเขต 5 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เพราะได้คะแนนไม่ถึง 20% โดยที่มีผู้ไม่ลงคะแนนถึง 55,141 คะแนน [5][6] อย่างไรก็ตาม ต่อมา จักรภพได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 2
หลังจากคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 จักรภพ พร้อมด้วยกลุ่มผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี และองค์กรต่อต้านเผด็จการ เป็นแกนนำจัดเวทีปราศรัยต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ใช้ชื่อว่า “แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” (นปก.)
หลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี 2550 โดยมีสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จักรภพดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับดูแลสื่อมวลชนภาครัฐ ในวันที่ 1 เมษายน ปีเดียวกัน จักรภพ เป็นประธานในการเปลี่ยนแปลงสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)
ต่อมาเมื่อมีรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งที่ 49/2557 เรียกให้จักรภพไปรายงานตัว แต่เขามิได้ไปตามคำสั่งดังกล่าว ศาลทหารจึงออกหมายข้อหาฝ่าฝืนการไปรายงานตัว ในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 1 หมายจับ [7] และวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558 1 หมายจับ ข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง[8] รวมแล้วเขาถูกศาลทหารออกหมายจับ 2 หมายจับ และในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ศาลอาญาได้ออกหมายจับ เลขที่ 2692/60 ใน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่[9]
ล่าสุด 27 มี.ค. 2567 จักรภพ เพ็ญแข ประกาศเตรียมกลับประเทศไทยหลังลี้ภัยทางการเมืองกว่า 10 ปี เผยต้องการกลับมารับใช้ชาติ
จักรภพถูกตั้งข้อสงสัยถึงทัศนคติเกี่ยวกับสังคมไทย สืบเนื่องจากการปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อเรื่อง “ระบบอุปถัมภ์ ในฐานะที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเป็นประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (เอฟซีซีที) หลังจากที่เขาถูกจับกุมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และการบรรยายเป็นภาษาไทยต่อเครือข่ายคนรักทักษิณที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ดูคลิปวันที่ 10 พฤศจิกายน [10]
จากกรณีดังกล่าว พ.ต.ท. วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางมด แจ้งความต่อกองปราบปรามว่า เนื้อหาการปาฐกถาของจักรภพเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[11]
นอกจากนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาเนื้อหาของคำกล่าวทั้งสองครั้ง โดยเห็นว่าเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อระบบการปกครอง พร้อมกับเรียกร้องให้สมัครพิจารณาปลดนายจักรภพออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ มีการเผยแพร่โดยเอฟซีซีที ขายดีวีดีแผ่นละ 600 บาท และการแปลรายละเอียดคำบรรยายเป็นภาษาไทยออกไปอย่างกว้างขวางในแวดวงข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร โดยเชื่อว่ามีภรรยาของนายทหารคนหนึ่งเป็นผู้เผยแพร่[12] ระหว่างนั้น จักรภพได้ให้สัมภาษณ์ว่าคำแปลที่ออกมาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ตนมิได้มีเจตนาเช่นนั้น รวมทั้งยืนยันในความจงรักภักดีและความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม จักรภพมิได้เข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมิได้แจ้งลาราชการ
แต่ทั้งนี้ ในวันที่ 22 พฤษภาคม ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก. แถลงข่าวที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ว่าจักรภพจะเปิดแถลงข่าวในวันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 14.00 น. เพื่อชี้แจงถึงคำปาฐกถาและคำบรรยายต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาทั้งหมด พร้อมเปิดให้สื่อมวลชนสอบถามประเด็นที่สงสัยทุกเรื่องด้วย ต่อมา ค่ำวันที่ 23 พฤษภาคม จักรภพปรากฏตัวในงานฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปี ของวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปก. พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ยืนยันการแถลงข่าวในวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้รอฟังการตัดสินใจถึงอนาคตทางการเมืองของตน
วันที่ 26 พฤษภาคม จักรภพแถลงว่ามีการแปลบิดเบือน และขอลากิจ 7 วัน แต่ไม่ลาออกจากรัฐมนตรี ขอให้สังคมตัดสินจากเอกสารคำแปลที่แจก[13] ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม คณะกรรมการสอบสวนแถลงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่า คดีที่จักรภพถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ประชุมสรุปความเห็นเบื้องต้นว่า จักรภพมีพฤติกรรมความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112[14]
วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 เวลา 12.10 น. จักรภพ ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งต่อไป[15]
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาว่าจักรภพกระทำการส่อไปในทางจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมายและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รวมถึงอาจเข้าข่ายมีการแทรกแซงสื่อ[16] รายละเอียดของข้อกล่าวหาดังกล่าว มีดังนี้
ก่อนหน้า | จักรภพ เพ็ญแข | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ |
![]() |
![]() รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551) |
![]() |
สุขุมพงศ์ โง่นคำ สุพล ฟองงาม |
นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี | ![]() |
![]() โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (9 ธันวาคม พ.ศ. 2546 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2548) |
![]() |
พลตำรวจเอก เฉลิมเดช ชมพูนุท |