ฉู่ ซ่วนจื่อ (จีน: 褚蒜子, 324[1] – 5 กรกฎาคม 384[2]) หรือที่รู้จักกันในพระนาม จักรพรรดินีคังเซี่ยน (康獻皇后) และ ฉงเต๋อไทเฮา (崇德太后) เป็นจักรพรรดินีในสมัยราชวงศ์จิ้น พระสวามีคือจักรพรรดิจิ้นคัง เป็นพระพันปีหลวงผู้ทรงอำนาจสูงสุดนานถึง 40 ปี หลังจากที่พระสวามีสวรรคต พระนางเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ถึง 3 พระองค์ ได้แก่จักรพรรดิจิ้นมู่ พระราชโอรส, จักรพรรดิจิ้นอาย พระราชนัดดา และจักรพรรดิจิ้นเสี้ยวอู่ แม้จะมีพระราชอำนาจในมือ แต่ฉู่ไทเฮากลับมักจะให้ความสำคัญกับความเห็นของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่คอยให้คำแนะนำ และแทบจะไม่เคยตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง
ฉู่ โพ (褚裒) บิดาของ ฉู่ ซ่วนจื่อ เป็นขุนนางชั้นกลางในรัชสมัยของจักรพรรดิจิ้นเฉิง พระเชษฐาของจักรพรรดิจิ้นคัง เคยรับราชการเป็นผู้ช่วยของเจ้าชายซือหม่าหยาง ซีหยางหวัง และต่อมาได้ย้ายไปรับราชการกับเจ้าชายซือหม่าเยว่ อู๋หวัง ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิจิ้นคัง เขาเป็นบุคคลที่มีวาจาไพเราะและสุภาพอ่อนน้อม
ฉู่ ซ่วนจื่อ เป็นสตรีที่มีสติปัญญาและไหวพริบเฉียบแหลม เธอได้อภิเษกสมรสกับซือหม่าเยว่ ซึ่งต่อมาได้ขึ้นเป็นเจ้าชายแห่งหลางเย่ ทำให้เธอได้รับตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายา ในปี ค.ศ. 342 เมื่อจักรพรรดิจิ้นเฉิงใกล้สวรรคตพระองค์ตัดสินพระทัยส่งมอบบัลลังก์ให้แก่พระอนุชาแทนที่จะเป็นพระโอรส ซือหม่าเยว่จึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิจิ้นคัง และพระองค์ได้สถาปนาเจ้าหญิงพระชายาของพระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดินีในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 343[3] ขณะนั้นพระองค์พระชนมายุ 21 พรรษาส่วนฉู่ฮองเฮาพระชนมายุ 18 พรรษา พร้อมกันนั้น เซี่ยฮูหยิน พระมารดาของฉู่ฮองเฮา ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "ซุนหยางเซี่ยงจฺวิน" (寻阳乡君)[4] ปีนั้น ฉู่ฮองเฮาประสูติพระราชโอรสพระองค์เดียวพระนามว่าเจ้าชายซือหม่าตัน อย่างไรก็ตาม พระองค์เสด็จสวรรคตลงเพียงปีเดียวหลังจากขึ้นครองราชย์ และเจ้าชายซือหม่าตันพระโอรสของพระองค์ซึ่งทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทก่อนสวรรคต ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อเป็นจักรพรรดิจิ้นมู่
ในฐานะพระพันปีหลวง ฉู่ไทเฮาได้รับฎีกาขอให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้กับซุนฮูหยินและเปียนฮูหยิน ภรรยาที่สิ้นชีวิตไปแล้วของพระบิดา เนื่องจากพระราชมารดาของพระนางคือเซี่ยฮูหยิน ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์มาแล้ว ฉู่ไทเฮาปฏิเสธฎีกาฉบับนี้[5]
เนื่องจากจักรพรรดิจิ้นมู่ยังทรงพระเยาว์ ฉู่ไทเฮาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยเร็ว เหอ ชง เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของพระนาง เหอ ชง ขุนนางผู้ทรงอิทธิพลในราชสำนัก ขอให้ ฉู่ โพ บิดาของฉู่ไทเฮา เข้าร่วมบริหารราชการด้วยกัน แต่ ฉู่ โพ ปฏิเสธ เนื่องจากเห็นว่าการที่บิดาของจักรพรรดินีผู้เป็นพระพันปีหลวงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงนั้น อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งและเป็นการฝ่าฝืนขนบธรรมเนียมอันดีงาม ฉู่ โพ จึงยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการอยู่ตามเดิม ในที่สุด ในปี ค.ศ. 345 ตำแหน่งนี้ก็ตกเป็นของ ซือหม่ายฺวี่ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของจักรพรรดิจิ้นมู่