พระโพธิสัตว์ชัมภละ | |
---|---|
เทวรูปพระชัมภละ ศิลปะปาละ พุทธศตวรรษที่สิบหก จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินิวเดลี นครนิวเดลี ประเทศอินเดีย | |
สันสกฤต | जम्भला Jambhalā |
จีน | 五姓财神 (Pinyin: Wǔ xìng cáishén) 藏巴拉 (Pinyin: Cáng bā lā) |
ไทย | พระโพธิสัตว์ชัมภละ |
ข้อมูล | |
นับถือใน | มหายาน วัชรยาน ตันตระ |
พระลักษณะ | พระวรกายอวบอ้วนทรงมะงั่วในหัตถ์ขวาและพังพอนในหัตถ์ซ้าย |
ศักติ | พระวสุธรา |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
ชัมภละ (IAST: Jambhalā, สันสกฤต: जम्भला) เป็นพระโพธิสัตว์ในคติพระพุทธศาสนาแบบวัชรยานและตันตระ เป็นผู้ประทานโชคลาภทรัพย์สมบัติเงินทองแก่ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบและเป็นสัญญาลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์[1]
ในคติศาสนาพุทธแบบทิเบตคติที่มาของพระองค์มีการผสานความเชื่อเป็นเทพเจ้าที่ชาวทิเบตให้ความเคารพนับถือมาก่อนจะนับถือพระพุทธศาสนา โดยมีฐานะเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งเช่นเดียวกัน เมื่อหันมานับถือพระพุทธศาสนาแล้ว พระชัมภละจึงมีฐานะกลายเป็นยิดัมสังกัดรัตนโคตรในตระกูลของพระรัตนสัมภวพุทธเจ้า ซึ่งประติมานวิทยารูปบูชาของพระองค์เป็นเทวบุรุษ กายสีน้ำเงิน มีสองถึงหกกร ทรงเทวลักษณะอ้วนถ้วนบริบูรณ์ ทรงมะงั่วในหัตถ์ขวาและพังพอนอันคลายเพชรนิลจินดาหรือถุงเงินในหัตถ์ซ้ายบางแห่งกำหนดให้เป็นภาคสำแดงของพระกุเวระหรือพระมหากาฬ
อิตถีภาวะของพระชัมภละคือพระวสุธารา อันเป็นเทวีแห่งแผ่นดิน กายสีเหลือง มีสองถึงหกกร ตามแต่ประติมานวิทยาของคตินิกายนั้น ๆ ในหัตถ์ทรงรวงข้าวและอุ้มแจกันใส่เพชรพลอย ในเนปาลมีกายสีขาว ถือรวงข้าว ปีกนกยูงและลูกศร ซึ่งนางคือเป็นเทพีแห่งโลกที่เป็นประจักษ์พยานในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและบิดน้ำออกจากมวยผมเพื่อขับไล่พวกมาร คือองค์เดียวกับแม่พระธรณีในคติพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท
ตามคัมภีร์ที่ว่าด้วยประติมานวิทยา ประติมากรรมรูปเคารพพระโพธิสัตว์ชัมภลมีลักษณะรูปกายเป็นบุรุษรูปร่างอ้วน ท้องพลุ้ย สวมมงกุฎ และเครื่องประดับตกแต่งกายมากมายเช่นเดียวกับท้าวกุเวร แต่จะแตกต่างกันตรงที่ พระโพธิสัตว์ชัมภลจะทรงผลมะงั่ว (หรือมะนาว) ในพระหัตถ์ขวา และทรงพังพอนในหัตถ์ซ้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย[2][3]
ในคติวัชรยาน ประติมานวิทยาเทวประติมากรของพระชัมภละทั้งห้าภาคเป็นบุคลาธิษฐานการแสดงความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เพื่อนำทางสรรพสัตว์ไปตามเส้นทางไปสู่การบำเพ็ญเพียร อันมีแก่นแท้ของความเอื้ออาทรและเป็นตัวแทนของกิจกรรมที่เพิ่มผลประโยชน์แต่การบำเพ็ญภาวนา ซึ่งเป็นตัวแทนความปรารถนาของพระองค์คือการช่วยเหลือบรรดาผู้ทุกข์ยากและผู้ที่ทุกข์ทรมานจากเคราะห์ร้าย[4]
พระชัมภลเขียว ถือเป็นประมุขของพระชัมภลทั้งหมดในบรรดาห้าภาคของพระองค์และเป็นพลังของพระอโมฆสิทธิพุทธเจ้า ประติมานวิทยาทรงมีสีวรกายเขียว ประทับเหนือกเฬวรากทรงกปาละในหัตถ์ขวาและพังพอนอันคลายสินทรัพย์ในหัตถ์ซ้าย[1] ในคติตันตระจะปรากฏองค์ในลักษณะยับ-ยุมพร้อมด้วยฑากินี ทรงประทับนั่งในเทวลักษณะวัชรปรยังกะ (Vajraparyaṅka - ท่านั่งขัดสมาธิเพชร) โดยบาทของพระองค์ประทับเหนือหอยสังข์และดอกบัว [5] หัตถ์ขวาทรงผลมะงั่วหัตถ์ซ้ายทรงพังพอนอันคลายสินทรัพย์ออกมา มนตร์สำหรับภาวนาในภาคพระชัมภลเขียว คือ[6]
พระชัมภลขาว เป็นพลังของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์กวนอิม) ภาคปรากฏทรงสามารถขจัดความยากจนและความเจ็บไข้ ชำระล้างกรรมและอุปสรรคทางกรรมให้บริสุทธิ์ คุ้มครองภัยพิบัติและความเจ็บป่วย และพัฒนาจิตใจสู่โพธิจิต[1][4]
ในฐานะพลังจากพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในเทพปกรณัมอธิบายว่าทรงมาจากเนตรขวาของพระองค์ โดยประติมานวิทยาทรงประทับบนเทพพาหนะคือสิงโตหิมะ ในขณะที่บางพื้นที่ทรงประทับบนเทพพาหนะคือมังกร บางที่หัตถ์ซ้ายทรงพังพอนอันคลายสินทรัพย์ออกมา[1] วรกายสีขาว ในหัตถ์ขวาทรงธงชัยและหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ มนตร์สำหรับ
ที่มาของพระชัมภละขาว ตามประวัติเล่าว่า พระชัมภละสีขาว กำเนิดขึ้นเมื่อพระอตีศะทีปังกระ พระสงฆ์ชาวอินเดีย ผู้แปลคัมภีร์พุทธศาสนาสู่ทิเบต ท่าน ได้โศกเศร้าเสียใจจากการได้พบชายขอทานที่ไม่มีอาหารกิน ถึงแม้จะ ยอมเฉือนเนื้อของท่าน เพื่อให้เป็นทานเขาก็ไม่ยอมทานอยู่ดี ด้วย ความเสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ได้ ชายขอทานได้กลาย เป็นพระอวโลกิเตศวระโพธิสัตว์ และตรัสว่า ต่อไปนี้สรรพสัตว์จะไม่ต้อง ทนต่อความทุกข์ยากอีกต่อไป และทรงบันดาลให้เกิดพระชัมภละสีขาว ประทับอยู่บนมังกร มีพังพอนเนเล่ในมือซ้ายที่พ้นเพชรและเครื่อง ประดับออกมา พระหัตถ์ขวาชูดาบทองคำ
ภาวนาในภาคพระชัมภลขาว คือ[6]
พระชัมภลเหลือง เป็นภาคในฐานะผู้ทรงทรัพย์มั่งคั่งมากที่สุดและทรงอานุภาพและได้รับความนิยมมากที่สุดของพระชัมภล[7] พระองค์ถือพลังของพระรัตนสัมภวพุทธเจ้า เพื่อนำพาสรรพสัตว์ข้ามพ้นสังสารวัฏทั้งหกภูมิ และคุ้มครองคุณธรรม อายุ และปัญญา[4] และในภาคนี้ทรงได้รับการยกย่องว่าคือท้าวเวสวัณ หนึ่งใน"จาตุมหาราชิกา "[8]
ทรงประทับนั่งในเทวลักษณะวัชรปรยังกะ (Vajraparyaṅka - ท่านั่งขัดสมาธิเพชร) หัตถ์ซ้ายทรงพังพอนอันคลายสินทรัพย์ออกมาหัตถ์ขวาทรงผลมะงั่ว[6]โดยทั่วไปท้าวเวสวัณในคติมหายานทรงมีสัญญาลักษณ์ในหัตถ์คือ เจดีย์อันเป็นสัญญาลักษณ์แห่งโชคลาภทรัพย์สินเงินทองโชคลาภ แต่ในวัฒนธรรมแบบทิเบต คือ พังพอน[8]และประทับเหนือสัญญาลักษณ์ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์[1] มนตร์สำหรับภาวนาในภาคพระชัมภลเหลืองคือ:[6]
พระชัมภลแดง ถือเป็นพลังของพระวัชรสัตว์ โดยประติมานวิทยาทรงมีสองพักตร์และสี่กร ทรงพังพอนในหัตถ์ซ้าย ทรงนามในภาษาทิเบตคือ Dzambhala Mapo.[1] ในบางท้องที่ถือเป็นองค์เดียวกับพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู[5] คือ พระคเณศแดง [1]ทรงทรงมีพักต์เป็นช้าง[7] มนตร์สำหรับภาวนาในภาคพระชัมภลแดง:[6]โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน ธะนัม เมธิ หะรี ทากินี ชัมภาลา สะมะภารา สวาหะ - Om Jambhala Jalendraye Dhanam Medehi Hrih Dakini Jambhala Sambhara Svaha
พระชัมภลดำ ทรงมาจากคติท้าวกุเวร[7]โดยประติมานวิทยาทรงสองกร ทรงพังพอนในหัตถ์ซ้าย และ กปาละในหัตถ์ขวา ถือเป็นพลังของพระอโมฆสิทธิพุทธะ มนตร์สำหรับภาวนาในภาคพระชัมภลดำ:[6]
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ john
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ tbs