ထိုင်းနိုင်ငံရှိမြန်မာမျာ | |
---|---|
ประชากรทั้งหมด | |
1,418,472 (พ.ศ. 2557)[1] | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
ภาษา | |
ภาษาพม่า, ภาษามอญ, ภาษาไทใหญ่, ภาษาไทยถิ่นเหนือและภาษาพื้นเมืองต่างๆ ของประเทศพม่า ภาษาไทย | |
ศาสนา | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
ชาวพม่าพลัดถิ่น พม่า กะเหรี่ยง มอญ ไทใหญ่ |
ชาวพม่าในไทย (พม่า: ထိုင်းနိုင်ငံရှိမြန်မာများ) เป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากที่สุด จากการสำรวจใน พ.ศ. 2557 พบว่ามีชาวพม่ากว่า 1,418,472 ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แบ่งเป็น ชาย 812,798 คน และหญิง 605,674 คน หรือคิดเป็น 70% ของชาวพม่าที่อาศัยอยู่นอกประเทศ[1] ชาวพม่าในไทยส่วนใหญ่แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ แรงงานมีฝีมือ แรงงานไร้ฝีมือ และ ผู้อพยพหนีความขัดแย้ง
ชาวพม่าส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานไร้ฝีมือในอุตสหกรรมการประมง โรงงานอาหารทะเลแปรรูป แรงงานก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และงานบริการต่าง ๆ ในประเทศไทย[2] มหาวิทยาลัยแมคควอรี่ประเมินว่ามีการส่งเงินจากไทยไปพม่าเฉลี่ยมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี[3][4] การย้ายถิ่นฐานเข้ามาในไทยของชาวพม่าเริ่มขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 หลังการรัฐประหารของนายพลเนวี่นที่ทำให้พม่ากลายเป็นสังคมนิยมและการพัฒนาเศรษฐกิจหยุดชะงัก[5] แรงงานชาวพม่ามีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก โดยมีส่วนร่วมประมาณ 5 ถึง 6.2% ของจีดีพีประเทศไทย[6]
จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่ชาวพม่าเข้ามาอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทย คาดว่ามีชาวพม่าราว 200,000 คนในจังหวัด[7][8] ส่วนพื้นที่ ๆ มีชาวพม่าอาศัยอยู่มากที่สุดรองลงมาคือ แม่สอด[9] และ ระนอง[10]
ใน พ.ศ. 2546 รัฐบาลไทยและพม่าได้ร่วมลงนามในหนังสือบันทึกข้อตกลง เพื่อให้แรงงานที่หลั่งไหลเข้ามานี้เป็นแรงงานถูกกฎหมายและแก้ปัญหาการลักลองเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีการใช้กระบวนการพิสูจน์สัญชาติโดยแรงงานข้ามชาติจะได้รับหนังสือเดินทางชั่วคราวและใบรับรองให้ทำงานในประเทศไทยได้เป็นเวลา 2 ปี พร้อมสิทธิคุ้มครองแรงงาน[2][11]
ชาวพม่าอพยพราว 150,000 คน อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยทางการ 9 แห่งบริเวณชายแดนไทย–พม่า[12] ค่ายที่ใหญ่ที่สุดคือค่ายผู้ลี้ภัยแม่ลาที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ใน พ.ศ. 2557 รัฐบาลไทยประกาศแผนการส่งกลับผู้ลี้ภัย ที่อาศัยอยู่ในค่ายลี้ภัยช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมากลับประเทศ[13]