บทความนี้อาจขยายความได้โดยการแปลบทความที่ตรงกันในภาษาอังกฤษ คลิกที่ [ขยาย] เพื่อศึกษาแนวทางการแปล
|
ซอยกัปตันบุช หรือ ตรอกกัปตันบุช หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ซอยเจริญกรุง 30 เป็นซอยแยกจากถนนเจริญกรุงในพื้นที่แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ใกล้กับถนนสี่พระยาและท่าน้ำสี่พระยา ติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ชื่อซอยกัปตันบุชมีที่มาจากจอห์น บุช นักเดินเรือชาวอังกฤษ ผู้เข้ามาอาศัยและรับราชการในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 จนมีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมเจ้าท่า และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิฐ ซึ่งเคยมีบ้านพำนักอยู่บริเวณแถบนี้ โดยในซอยเป็นที่ตั้งของบ้านเลขที่ 1 ของถนนเจริญกรุง[1] เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามแบบยุโรปนีโอคลาสสิก ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น หลังคาทรงปั้นหยา และออกแบบเป็นหน้าจั่วตรงกลางด้านหน้าอาคาร ผนังทาสีเหลือง หน้าต่างทาสีเขียวมะกอกตัดขอบขาว ประตูหน้าต่างเป็นทรงโค้งแบบโรมัน
บ้านหลังนี้มักมีความเข้าใจผิดว่าเป็นบ้านของกัปตันบุช[1] แต่ตามหลักฐานชื่อของเจ้าบ้านเลขที่ 1 ถนนเจริญกรุงของกรมไปรษณีย์โทรเลข พบว่าในปี พ.ศ. 2454 เป็นบ้านของขุนราชพิมาน บุตรชายของพระยาพิทักษ์ภูบาล ขึ้นกรมรักษาพระองค์ปืนทองปลายซ้าย เคยเป็นอาคารที่ทำการของกรมพระคลังข้างที่ (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในปัจจุบัน) และเคยเป็นที่ทำการของบริษัทสุราฝรั่งเศส [1]รวมถึงเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย คือ โรงเรียนอาชีพช่างกล (สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ในปัจจุบัน) ซึ่งในระยะแรกดำเนินกิจการและทำการสอนโดยทหารเรือ[2] ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาบูรณะ ถือเป็นอาคารอนุรักษ์และโบราณสถานแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และด้านข้างทางขวา เป็นอาคารคลังสินค้าเก่า ซึ่งครั้งหนึ่ง หลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ บุตรชายของแอนนา ลีโอโนเวนส์ หรือแหม่มแอนนา เคยมาเช่าประกอบกิจการอยู่[3]
ในอดีต ย่านซอยกัปตันบุชตลอดจนถนนเจริญกรุง รวมถึงถนนสี่พระยา เป็นย่านแห่งหนึ่งที่มีความคึกคักและเจริญที่สุดของกรุงเทพมหานคร นอกเหนือจากย่านเยาวราช, สำเพ็ง หรือตลาดน้อย เป็นแหล่งที่อาศัยและประกอบกิจการรวมถึงเป็นที่ทำการทางราชการของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตก ซึ่งยังคงปรากฏหลักฐานมาจนถึงปัจจุบันด้วยอาคารเก่าแก่ที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมหลายแห่ง เช่น สถานทูตโปรตุเกส อันเป็นสถานทูตต่างประเทศแห่งแรกที่มีขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสร้างมาตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 2 ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลโปรตุเกส[4], อาคารศุลกสถาน หรือโรงภาษีร้อยชักสาม โรงภาษีเก็บค่าภาษีจากเรือสินค้าต่างชาติ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบปัลลาดีโอ, ที่ทำการของฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ธาคารสัญชาติฮ่องกง ที่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 เป็นต้น
13°43′45″N 100°30′55″E / 13.729265°N 100.515416°E