ทากาโนะ โนะ นีงาซะ

ทากาโนะ โนะ นีงาซะ (ญี่ปุ่น: 高野新笠โรมาจิTakano no Niigasa; เกิดราว: พ.ศ. 1263 — ตาย: พ.ศ. 1333) หรือ ทากาโนะ โนะ อาโซมิ (ญี่ปุ่น: 高野朝臣โรมาจิTakano no Asomi) เป็นพระสนมในจักรพรรดิโคนิง และเป็นพระราชชนนีในจักรพรรดิคัมมุ[1]

ประวัติ

[แก้]

ทากาโนะ โนะ นีงาซะ เป็นธิดาของยามาโตะ โนะ โอโตสึงุ (ญี่ปุ่น: 和乙継โรมาจิYamato no Ototsugu) ที่ต่อมาได้เข้าเป็นนางห้ามในเจ้าชายชิรากาเบะ (ญี่ปุ่น: 白壁王โรมาจิShirakabe-ō)[2] พระราชนัดดาในจักรพรรดิเท็งจิ มีพระโอรส-ธิดาสามพระองค์คือ

  1. เจ้าหญิงโนโตะ (ญี่ปุ่น: 能登内親王โรมาจิNoto Naishinnō; พ.ศ. 1276—1324) เสกสมรสกับเจ้าชายอิชิฮาระ (ญี่ปุ่น: 市原王โรมาจิIchihara-ō)
  2. เจ้าชายยามาเบะ (ญี่ปุ่น: 山部王โรมาจิYamabe-ō; พ.ศ. 1280 — 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1349) ต่อมาได้เถลิงราชสมบัติเป็น จักรพรรดิคัมมุ (ญี่ปุ่น: 桓武天皇โรมาจิKanmu-tennō)
  3. เจ้าชายซาวาระ (ญี่ปุ่น: 早良親王โรมาจิSawara Shinnō; พ.ศ. 1293 — 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 1328) หลังสิ้นพระชนม์ได้รับการสถาปนาเป็น จักรพรรดิซูโด (ญี่ปุ่น: 崇道天皇โรมาจิSudō-tennō)

แต่เจ้าชายชิรากาเบะ มีพระชายาเอกคือเจ้าหญิงอิโนเอะ (井上内親王) พระราชธิดาในจักรพรรดิโชมุ ที่เสกสมรสเมื่อปี พ.ศ. 1287 ครั้นจักรพรรดินีโคเก็งสวรรคตในปี พ.ศ. 1313 เจ้าชายชิรากาเบะจึงสืบราชสมบัติเป็น จักรพรรดิโคนิง และตั้งเจ้าชายโอซาเบะ (他戸親王) พระราชโอรสที่ประสูติแต่พระชายาเอกรั้งตำแหน่งรัชทายาท เจ้าหญิงอิโนเอะจึงเป็นอัครมเหสีด้วยเป็นพระมารดาองค์ยุพราช

สองปีต่อมาหลังการตั้งองค์รัชทายาท พระสนมนีงาซะถูกกล่าวหาว่าสาปแช่งองค์พระจักรพรรดิ ส่งผลให้ผู้สืบสันดานของเธอถูกตัดออกจากการสืบราชบัลลังก์ แต่การกลับกันหลังการทิวงคตขององค์ยุพราช เจ้าชายยามาเบะพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระสนมนีงาซะได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท[3] และขึ้นครองราชบัลลังก์เป็น จักรพรรดิคัมมุ ในเวลาต่อมา[4]

การกล่าวถึง

[แก้]

ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงตรัสว่า "ในส่วนตัวของข้าพเจ้าได้มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับเกาหลี ซึ่งได้บันทึกไว้ในพงศาวดารญี่ปุ่นที่ว่าพระราชชนนีในจักรพรรดิคัมมุ [คือ พระสนมนีงาซะ] เป็นว่านเครือของกษัตริย์มูรย็องแห่งแพ็กเจ" ถือเป็นครั้งแรกที่องค์จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นทรงมีพระราชดำรัสต่อสาธารณชนว่ามีเชื้อสายเกาหลีในพระราชวงศ์[5] ตามที่ปรากฏในโชกุ นิฮงงิ (続日本紀) ระบุไว้ว่า พระสนมนีงาซะเป็นผู้สืบสันดานชั้นที่ 10 ของเจ้าชายจุนดา พระราชโอรสในพระเจ้ามูรย็องแห่งแพ็กเจ (เกาหลี무령왕; ฮันจา武寧王) ที่สิ้นพระชนม์ในญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 1056[6]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Watts, Jonathan. "The emperor's new roots: The Japanese emperor has finally laid to rest rumours that he has Korean blood, by admitting that it is true," The Guardian (London). December 28, 2001.
  2. Titsingh, p. 86, p. 86, ที่กูเกิล หนังสือ; Varley, p. 149.
  3. Brown, p. 277.
  4. Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du Japon, pp. 86–95, p. 86, ที่กูเกิล หนังสือ; Brown, Delmer et al. Gukanshō, pp. 277–279; Varley, H. Paul. Jinnō Shōtōki, pp. 148–150.
  5. Jonathan Watts (28 ธันวาคม 2544). "The emperor's new roots". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. Yamato (和) and Takano (高野) clans : the descendant of prince Junda, son of Muryeong of Paekche เก็บถาวร 2012-02-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ญี่ปุ่น)