ท่าช้างวังหลวง

ท่าช้างวังหลวง
ท่าช้างในปี พ.ศ. 2550
ประเภทท่าเรือโดยสาร
ประเภทเรือเรือด่วน, เรือข้ามฟาก, เรือหางยาว
โครงสร้างท่าสะพานเหล็กปรับระดับพร้อมทางเดินเชื่อม 6 ชุด
ที่ตั้งเขตพระนคร, กรุงเทพมหานคร
ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ชื่อทางการท่าช้าง (โดยกรมเจ้าท่า)
เจ้าของกรมเจ้าท่า
ผู้ดำเนินงาน • เรือด่วนเจ้าพระยา
 • เรือโดยสารไมน์สมาร์ทเฟอร์รี่
ค่าโดยสาร • เรือด่วนเจ้าพระยา

ธงส้ม16 บาทตลอดสาย
ธงเหลือง 21 บาทตลอดสาย
ธงเขียวเหลือง 14-33 บาท
 • เรือไมน์สมาร์ทเฟอร์รี่

 สายสีเขียว  20 บาทตลอดสาย
ข้อมูลเฉพาะ
รหัสท่า น9 (N9) 
โครงสร้างหลักโป๊ะลอยน้ำ 6 โป๊ะ
(ด้านเหนือ 2 โป๊ะ ด้านใต้ 4 โป๊ะ)
ความยาว10 เมตร (ด้านเหนือ)
12 เมตร (ด้านใต้)
ความกว้าง5 เมตร (ด้านเหนือ)
6 เมตร (ด้านใต้)
ท่าก่อนหน้า เรือด่วนเจ้าพระยา ท่าต่อไป
ท่าวังหลัง ธงส้ม ท่าเตียน
มุ่งหน้า วัดราชสิงขร
ประจำทาง

ท่าช้างวังหลวง หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า ท่าช้าง (อังกฤษ: Tha Chang Pier; รหัส: น9, N9) เป็นท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่บริเวณสุดถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ประวัติ

[แก้]

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พื้นที่แถบนี้ถูกเรียกว่า "ท่าพระ" หรือ "ประตูท่าพระ" เนื่องจากเป็นประตูที่ใช้อัญเชิญพระศรีศากยมุนี มาเพื่อประดิษฐานไว้ ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร แต่ทว่าไม่สามารถอัญเชิญเข้าได้ จึงมีการรื้อประตูและกำแพงวังบางส่วนออก แต่ทว่าชื่อนี้ไม่ใคร่เป็นที่เรียกติดปากของผู้คนมากเท่า "ท่าช้าง" ซึ่งเป็นจุดเดียวกับบริเวณประตูเมืองที่นำช้างซึ่งเลี้ยงไว้ในพระบรมมหาราชวัง หรือพระราชวังหลวง เพื่อลงอาบน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเรียกกันว่า "ท่าช้างวังหลวง" ต่อมาใน พ.ศ. 2351 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระศรีศากยมุนีจากสุโขทัยมาทางแพเพื่อมาประดิษฐานที่วัดสุทัศนเทพวราราม และพักแพที่ท่าช้างวังหลวงเพื่อประกอบพระราชพิธีสมโภชเป็นเวลา 3 วัน แต่พระพุทธรูปไม่สามารถผ่านประตูเมืองบริเวณนี้ได้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อประตูและกำแพงบางส่วนออก แล้วสร้างประตูใหม่พระราชทานนามว่า "ประตูท่าพระ" แต่ประชาชนยังคงนิยมเรียกกันว่า ท่าช้าง หรือท่าช้างวังหลวง ปัจจุบันเป็นท่าเรือข้ามฟากซึ่งเอกชนได้เช่าจากกรุงเทพมหานครมาดำเนินการ ส่วนท่าพระปัจจุบันใช้เรียกท่าเรือบริเวณใกล้เคียงท่าช้างวังหลวง และยังเป็นชื่อวังท่าพระที่ตั้งอยู่บริเวณท่าช้างวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยศิลปากร

บ้านเรือนและอาคารพาณิชย์แถบท่าช้างวังหลวง เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก หลังคาชั้นบนทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องว่าวซีเมนต์ ชั้นล่างด้านหน้า อาคารมีกันสาดมุงด้วยสังกะสีลอนลูกฟูก โดยมีค้ำยันเหล็กและแปไม้รับน้ำหนัก ผนังและเสาอิงภายนอกทั้งสองชั้น มีลวดบัวปูนปั้นตกแต่งและเซาะร่องผนังเป็นเส้นตามแนวนอน ทั้งหมด ประตูและหน้าต่างทำจากไม้สัก โดยประตูหน้าของชั้นล่างเป็นชุดบานเฟี้ยม ตอนบนมีช่องลม ส่วนด้านหลังเป็นบานลูกฟักทึบแบบเปิดคู่หน้าต่างชั้นบนด้านหน้าเป็นบานลูกฟักทึบแบบเปิดคู่ตอนบนมีช่องลมไม้ฉลุลายรูปโค้ง ส่วนหน้าต่างด้านหลังเป็นบานเปิดคู่รูปสี่เหลี่ยม ไม่มีช่องลม บริเวณห้องริมสุดของอาคารแต่ละด้านรวมทั้งห้องมุมถนนมหาราชจะมีลักษณะพิเศษ คือ รูปด้านอาคารทำเป็นมุขยื่น มุขชั้นล่างมีเสาลอยขึ้นไปรับระเบียงชั้นบน กันสาดชั้นล่างเป็นรูปโค้ง ส่วนแผงหน้าจั่วประดับลวดลายปูนปั้น หรือซุ้มสกัดตอน และกรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อาคารพาณิชย์ริมถนนมหาราชบริเวณท่าช้างวังหลวงจำนวน 34 คูหา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2544 และได้มีการบูรณะปรับปรุงใหม่ให้ดูแลสวยงามและใหม่ หลังจากที่ได้เสื่อมทรุดไปกับกาลเวลา พร้อมกับได้ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบ ๆ ด้วย [1]

สถานที่สำคัญใกล้เคียง

[แก้]

ท่าเรือด่วนเจ้าพระยา

[แก้]

ท่าช้าง, รหัส: น9 (อังกฤษ: Tha Chang Pier, code: N9)[2]

ท่าเรือข้ามฟาก

[แก้]

ท่าช้าง ประกอบด้วย 2 โป๊ะ แยกกันให้บริการในเส้นทางท่าช้าง-วังหลัง และท่าช้าง-วัดระฆัง[2]

ท่าเรือหางยาว

[แก้]

ให้บริการเรือโดยสารในเส้นทางท่าช้าง-บางใหญ่ ผ่านคลองบางกอกน้อย, เส้นทางคลองมอญ และให้บริการเรือนำเที่ยวในเส้นทางคลองฝั่งธนบุรี และเกาะเกร็ด ของเรือด่วนเจ้าพระยา[2]

การเชื่อมต่อรถโดยสารประจำทาง

[แก้]
  • ถนนมหาราช หน้าราชนาวีสโมสร สาย 32, 44, 47, 53, 64, 82, 503, 524[2]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ""ท่าช้างวังหลวง" ตึกใหม่ไฉไลกว่าเดิม!! หอมหวนอวลไออดีต". ผู้จัดการออนไลน์. 2016-06-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-10. สืบค้นเมื่อ 2018-02-17.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 "10 ท่าเรือด่วนพิเศษธงเขียว น9 ท่าน้ำท่าช้าง ตั้งอยู่บริเวณสุดถนนหน้าพระลาน". สวัสดีดอตคอม. สืบค้นเมื่อ 2018-02-20.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

13°45′08″N 100°29′19″E / 13.752314°N 100.488542°E / 13.752314; 100.488542