ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: The Siam Commercial Bank Public Company Limited ชื่อย่อ: SCB)[3] (จีนตัวย่อ: 泰国汇商银行) เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของไทยซึ่งก่อตั้งโดยพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ. 2449 เดิมชื่อ แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์ถือเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ปัจจุบันธนาคารมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ย่านรัชโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 643 สาขา[4] และมีเครื่องเอทีเอ็มกว่า 10,000 เครื่อง เป็นธนาคารที่มีจำนวนเครื่องเอทีเอ็มมากที่สุดในประเทศ ธนาคารไทยพาณิชย์จัดเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ นอกจากนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ยังถูกจัดให้เป็นธนาคารอันดับ 1 ของประเทศไทย จากการจัดอันดับธนาคารแห่งปี (Bank of the year) ประจำปี พ.ศ. 2566 และ พ.ศ. 2567
กิจการของธนาคารเริ่มต้นขึ้นในนาม บุคคลัภย์ (Book Club) ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2447 ก่อตั้งโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เนื่องจากขณะนั้นทรงเชื่อว่า สยามประเทศมีความจำเป็นต้องมีระบบการเงินธนาคารเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศ หลังจากบุคคลัภย์ขยายตัวทางธุรกิจขึ้นเป็นลำดับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอำนาจพิเศษให้จัดตั้ง บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด เพื่อประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการตั้งแต่แต่วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2449[5]
ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศประจำปี 2560[6] ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 17/2560
- พ.ศ. 2449 - ธนาคารเปิดทำการในที่ทำการเดิมของบุคคลัภย์ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร
- พ.ศ. 2453 - ธนาคารย้ายสำนักงานไปยังอาคารตลาดน้อย ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร
- พ.ศ. 2455 - ธนาคารเปิดสาขาแห่งแรกย่านท่าน้ำราชวงศ์ ตำบลสำเพ็ง อำเภอสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม
- พ.ศ. 2463 - ธนาคารเปิดสาขาแห่งแรกในส่วนภูมิภาค คือ สาขาทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ปัจจุบันเป็นอาคารคลังพัสดุ ในย่านสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง) เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม
- พ.ศ. 2470 - ธนาคารเปิดสาขาในส่วนภูมิภาคแห่งที่สอง คือ สาขาเชียงใหม่ ข้างโรงแรมรถไฟเชียงใหม่ ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม
- พ.ศ. 2473 - ธนาคารเปิดสาขาในส่วนภูมิภาคแห่งที่สาม คือ สาขาลำปาง จังหวัดลำปาง นับเป็นสาขาภูมิภาคที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงให้บริการในที่ทำการเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
- พ.ศ. 2476 - ธนาคารย้ายที่ทำการสาขาเชียงใหม่เข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่
- พ.ศ. 2482 - ธนาคารเปลี่ยนชื่อภาษาไทยจาก "แบงก์สยามกัมมาจล" เป็น "ธนาคารไทยพาณิชย์" และเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก "The Siam Commercial Bank, Limited" เป็น "The Thai Commercial Bank, Limited" ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม เป็นต้นไป
- พ.ศ. 2485 - ธนาคารแต่งตั้งนายเล้ง ศรีสมวงศ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ชาวไทยคนแรก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
- พ.ศ. 2486 - ธนาคารเปิดสาขาในส่วนภูมิภาคแห่งที่สี่ คือสาขานครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้บริการพ่อค้าและประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- พ.ศ. 2489 - ธนาคารเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษกลับมาเป็น "The Siam Commercial Bank, Limited"
- พ.ศ. 2505 - ธนาคารเริ่มใช้เครื่องลงบัญชีเดินสะพัด โพสต์-โทรนิก ซึ่งเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่นับว่าทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
- พ.ศ. 2514 - ธนาคารได้เปิดอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ถนนเพชรบุรี (ปัจจุบันปรับฐานะเป็นสาขาชิดลม และได้ยกอาคารดังกล่าวไปให้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จากนั้นจึงได้ย้ายไปอยู่ที่อาคารหลังใหม่ติดกับหลังเดิม ซึ่งเปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2525)
- พ.ศ. 2516 - ธนาคารเริ่มรับพนักงานสตรีเข้าปฏิบัติงานเป็นครั้งแรก
- พ.ศ. 2525 - ธนาคารเริ่มให้บริการฝากและถอนต่างสาขากับบัญชีเงินฝากครบทุกประเภท เป็นแห่งแรกในประเทศไทย
- พ.ศ. 2526 - ธนาคารเริ่มให้บริการเงินด่วนด้วยเครื่องเอทีเอ็มเป็นครั้งแรก และแห่งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม
- พ.ศ. 2531 - ธนาคารมีปริมาณสินทรัพย์รวม 103,298.1 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นปีดังกล่าว
- พ.ศ. 2532–2535 - ธนาคารได้รับรางวัล "ธนาคารแห่งปี" (Bank of the Year) จากนิตยสารการเงินธนาคาร เป็นเวลา 4 ปีซ้อน ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ไทย ที่มีผลงานโดดเด่นอย่างรอบด้าน รวมทั้งการขยายตัวของธนาคารฯ และการเตรียมพร้อมรองรับความเจริญในอนาคต
- พ.ศ. 2536 - ธนาคารเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า "ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)" และชื่อภาษาอังกฤษว่า "Siam Commercial Bank Public Company Limited"
- พ.ศ. 2539 - ธนาคารย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่จากถนนเพชรบุรีไปยังอาคาร SCB Park Plaza บนถนนรัชดาภิเษก ย่านรัชโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม เป็นต้นมา
- พ.ศ. 2541–2542 - สืบเนื่องจากวิกฤตทางการเงินในเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2540 ส่งผลต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่ซบเซาลงอย่างหนักและการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดตามกรอบนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธนาคารจึงต้องรับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับเป็นยุควิกฤตของธนาคารเนื่องจากมีปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทางธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ด้วยความพยายามรักษาระดับของเงินกองทุนให้เพียงพอ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างของธนาคารตลอดจนตัดทอนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ร่วมกับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วยการเพิ่มทุน ซึ่งล้วนแต่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทั้งการเสนอขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้ลงทุนในต่างประเทศ และการออกหุ้นกู้ซึ่งถือเป็นการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยวารสารการเงินหลายฉบับกล่าวว่าเป็นข้อตกลงที่ควรพิจารณาแห่งปีของเอเชีย ซึ่งมาตรการทั้งหมดนั้น ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานของธนาคารเป็นอย่างดียิ่ง
- พ.ศ. 2549 - ธนาคารมีปริมาณสินทรัพย์เป็นอันดับที่สาม มูลค่าเกินหนึ่งล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าตลาดรวม เพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ตลอดจนมีจำนวนสาขา และเครื่องเอทีเอ็มทั่วประเทศ มากที่สุดในประเทศไทย
- พ.ศ. 2553 - ธนาคารปรับปรุงอัตลักษณ์และตราสัญลักษณ์ของธนาคาร ให้มีความเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น และขยายจำนวนสาขาจนครบ 1,000 สาขา โดยสาขาที่ 1,000 ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดที่ทำการสาขาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม[7]
- พ.ศ. 2555 - บริษัท เงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ได้โอนบรรดากิจการทั้งหมดไปเป็นส่วนหนึ่งของธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม[8]
- พ.ศ. 2558 - ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่รัชโยธิน เขตจตุจักร เกิดอัคคีภัย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้แก่ นายเดชา ด้วงชนะ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเขตหลักสี่[9]
- พ.ศ. 2559 - ธนาคารเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากแบบไม่มีสมุดคู่ฝาก (SCB E PASSBOOK) เป็นธนาคารแรกในประเทศไทย[10] โดยบัญชีแบบไม่มีสมุดนี้จะใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนในการติดต่อธนาคาร และมีการส่งรายการเดินบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ให้ทางอีเมลแอดเดรสที่ลูกค้าได้ให้ไว้กับธนาคาร ทุกวันที่ 1 ของเดือน บัญชีแบบไม่มีสมุดคู่ฝากจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีแบบมีสมุดคู่ฝาก[11] แต่จะไม่สามารถใช้เป็นบัญชีรับเงินจากการขายกองทุนได้ เนื่องจากการรับเงินจากการขายกองทุนต้องใช้บัญชีออมทรัพย์แบบมีเล่มสมุดเท่านั้น[12]
- พ.ศ. 2560 - ธนาคารเปิดตัวแอปพลิเคชัน SCB Easy เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงอินเตอร์เฟซให้สวยงามทันสมัย และเพิ่มการทำธุรกรรมกดเงินไม่ใช้บัตรผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นธนาคารแรกในประเทศไทย[13]
- พ.ศ. 2561 - ธนาคารประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการฝาก ถอน โอน เติม จ่าย ที่ดำเนินการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เป็นต้นมา โดยเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว[14]
- พ.ศ. 2564 - ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศโอนกิจการธนาคาร และกิจการในเครือทั้งหมดให้ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแปรสภาพมาจาก บริษัท ไทยพาณิชย์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
- พ.ศ. 2565 - ธนาคารเริ่มดำเนินการแลกหุ้นเข้าสู่ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน หลังจากนั้น เอสซีบี เอกซ์ จะเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การถอนหุ้นธนาคารออกจากตลาดหลักทรัพย์ และให้ซื้อขายหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งแทน โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เดิมของธนาคาร คือ SCB โดยการดำเนินการนี้เสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน[15] ทั้งนี้ หลังการแลกหุ้นดังกล่าว สัดส่วนการถือครองหุ้นของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงถือผ่านสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพิ่มขึ้น 0.20% เป็น 23.58% จากเดิม 23.38%
- พ.ศ. 2560–2566 - ธนาคารทยอยลดจำนวนสาขาลง จากเดิมที่เคยเป็นธนาคารที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศ ลดเหลือเพียงราว ๆ 700 สาขาในปัจจุบัน[4] บางสาขาเปลี่ยนไปให้บริการในรูปแบบ SCB Express[16] คือการทำรายการผ่านเครื่อง VTM (Virtual Machine) ทั้งนี้สาขาในรูปแบบ SCB Express อาจมีพนักงานประจำหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับกรณี
กรรมการและผู้บริหารระดับสูง
[แก้]
ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
- พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล - ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการและกรรมการ
- พันตำรวจเอก ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม - ประธานกรรมการ บมจ. เอสซีบี เอกซ์
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ - นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์
- นายอาทิตย์ นันทวิทยา - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสซีบี เอกซ์
- นายกฤษณ์ จันทโนทก - ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารไทยพาณิชย์
ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567[17]
ลำดับที่ |
รายชื่อผู้ถือหุ้น |
จำนวนหุ้นสามัญ |
สัดส่วนการถือหุ้น
|
1 |
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
793,832,359 |
23.58%
|
2 |
กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง |
549,600,000 |
16.32%
|
3 |
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด |
215,604,931 |
6.40%
|
4 |
SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED |
148,934,061 |
4.42%
|
5 |
STATE STREET EUROPE LIMITED |
132,341,967 |
3.93%
|
6 |
กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) |
117,849,100 |
3.50%
|
7 |
กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) |
117,849,100 |
3.50%
|
8 |
สำนักงานประกันสังคม |
81,114,300 |
2.41%
|
9 |
THE BANK OF NEW YORK MELLON |
47,394,327 |
1.41%
|
10 |
BNY MELLON NOMINEES LIMITED |
44,112,765 |
1.31%
|
ปี
|
รางวัล
|
สาขา
|
ผล
|
2566
|
Thailand Zocial Awards 2023[18]
|
Best Brand Performance on Social Media กลุ่มธุรกิจธนาคาร
|
ชนะ
|
|
---|
ธนาคาร | |
---|
เงินทุนและหลักทรัพย์ | |
---|
ประกันภัยและประกันชีวิต | |
---|
|
---|
เกษตรและ อุตสาหกรรมอาหาร | ธุรกิจการเกษตร | |
---|
อาหารและเครื่องดื่ม | |
---|
|
---|
สินค้าอุปโภคบริโภค | แฟชั่น | |
---|
ของใช้ในครัวเรือน และสำนักงาน | |
---|
ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ | |
---|
|
---|
ธุรกิจการเงิน | ธนาคาร | |
---|
เงินทุนและหลักทรัพย์ | |
---|
ประกันภัยและประกันชีวิต | |
---|
|
---|
วัตถุดิบและ สินค้าอุตสาหกรรม | ยานยนต์ | |
---|
วัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร | |
---|
กระดาษและวัสดุการพิมพ์ | |
---|
ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ | |
---|
บรรจุภัณฑ์ | |
---|
เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ | |
---|
|
---|
อสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง | วัสดุก่อสร้าง | |
---|
พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ | |
---|
บริการรับเหมาก่อสร้าง | |
---|
|
---|
ทรัพยากร | พลังงานและสาธารณูปโภค | |
---|
เหมืองแร่ | |
---|
|
---|
บริการ | พาณิชย์ | |
---|
การแพทย์ | |
---|
สื่อและสิ่งพิมพ์ | |
---|
การท่องเที่ยวและสันทนาการ | |
---|
บริการเฉพาะกิจ | |
---|
ขนส่งและโลจิสติกส์ | |
---|
|
---|
เทคโนโลยี | เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร | |
---|
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ | |
---|
|
---|
|