![]() ตัวหนังวายังรูปบาตารากาลา | |
กลุ่ม | สิ่งมีชีวิตในตำนาน |
---|---|
กลุ่มย่อย | อันเดด |
ผู้ให้กำเนิด | ศิวะ, ทุรคา |
ประเทศ | อินโดนีเซีย |
ภูมิภาค | ศาสนาฮินดูแบบชวา ศาสนาฮินดูแบบบาหลี |
บาตารากาลา (อินโดนีเซีย: Batara Kala) ในวรรณคดีอิเหนาของไทยเรียก ปะตาระกาหลา เป็นเทพเจ้าประจำยมโลกตามเทวตำนานของฮินดูแบบชวาและบาหลี โดยปกครองอยู่ภายในถ้ำร่วมกันกับเทพีเซเตซูยารา (Setesuyara)[1][2] ได้รับการนับถือว่าเป็นเทพเจ้าผู้สร้างแสงสว่างและโลก เป็นเทพเจ้าแห่งกาลเวลา และเทพแห่งการทำลาย มีอำนาจในการก่อให้เกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา หรือแม้แต่ผลาญคนที่อัปโชค
ในวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนา บาตารากาลา หรือ ปะตาระกาหลา เป็นเทพบรรพชนของอสัญแดหวาหรือสกุลของเจ้าผู้ครองเมืองซึ่งสืบเชื้อสายจากเทวดา มีอยู่ทั้งหมดสี่เมือง ได้แก่ เมืองกุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี ถือเป็นเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยกำหนดชะตาชีวิตของตัวละคร[3]
ตำนานเบื้องกำเนิดของบาตารากาลา หรือ ปะตาระกาหลา สำนวนหนึ่งอธิบายไว้ว่า บาตารากูรู (Batara Guru; คือพระศิวะในคติชวา)[4] มีพระชายาผู้ทรงสิริโฉมนามว่าเดวีอูมา (Batara Uma; คือพระปารวตีในคติชวา) ทว่าวันหนึ่งบาตารากูรูไม่สามารถควบคุมกามารมณ์ของตนเองได้ จึงไปสังวาสกับเดวีอูมาบนหลังโคนนทิ ซึ่งเป็นพาหนะศักดิ์สิทธิ์ สร้างความอับอายขายหน้าแก่เดวีอูมายิ่งนัก เดวีอูมาที่โกรธเกรี้ยว (คือกลายเป็นนางทุรคา) ได้สาปสรรให้ทั้งบาตารากูรู และบุตรที่เกิดขึ้นมาคือบาตารากาลา มีหน้าตาอัปลักษณ์เหมือนยักษ์[4]
ส่วนอีกสำนวนหนึ่งอธิบายว่า บาตารากูรูทำน้ำอสุจิตกลงไปหยดหนึ่ง แต่มีปลากลืนอสุจินั้นลงไปจนตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบาตารากาลา[5]
เชื่อกันว่าบาตารากาลามีความต้องการด้านการบริโภคไม่มีมีสิ้นสุด และมีพฤติกรรมหยาบคาย เหล่าเทวดาจึงส่งบาตารากาลาลงไปกำจัดมนุษย์ที่ชั่วช้า แต่บาตารากาลากลืนกินมนุษย์ลงไป ก็เพียงเพื่อสนองความต้องการด้านการบริโภคเท่านั้น หาใช่การลงทัณฑ์คนเลว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น เหล่าเทวดาจึงเรียกตัวบาตารากาลากลับขึ้นมาบนสวรรค์อีกครั้ง และถูกส่งไปปกครองยมโลกร่วมกันกับเทพีเซเตซูยารา[1][2][6]
ชาวชวามีธรรมเนียมในการบูชาบาตารากาลาในฐานะเทพเจ้าแห่งกาลเวลา และเทพเจ้าแห่งการทำลาย เพื่อป้องกันเหตุร้ายโดยเฉพาะกับเยาวชน[7] มีพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ เรียกว่า รูวาตัน (ruwatan) สำหรับเด็กในช่วงสถานการณ์ที่เลวร้าย อย่างเช่น การคลอดท่าก้น เพื่อมิให้เด็กคนนั้นถูกบาตารากาลากลืนกิน ในพิธีดังกล่าวจะจัดการแสดงวายัง (หนังตะลุงอย่างชวา) และการจัดเลี้ยงเซอลามาตัน (selamatan)[8]
นอกจากนี้ในความเชื่อของชาวชวาระบุว่า บาตารากาลาเป็นสาเหตุของการเกิดุสุริยุปราคา และจันทรุปราคา[9] ด้วยเป็นเทพเจ้าแห่งความมืดและนรก ทั้งยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของเทพบาตาราจันดรา (Batara Candra; คือพระจันทร์ในคติชวา) และบาตาราซูรียา (Batara Surya; คือพระอาทิตย์ในคติชวา) บางครั้งบาตารากาลาจะพยายามกลืนกินดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ทำให้เกิดคราส ชาวชวาจะทำการเซ่นสรวงสังเวย ใช้ไม้ตีพริกเคาะเลซุง (ครกไม้ใหญ่คล้ายครกกระเดื่องของไทย) หรือตีกลอง เพื่อให้เกิดเสียงดัง ด้วยมุ่งหวังให้บาตารากาลาคายดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพื่อหยุดคราส[10]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)