บาตูลันจัง Batu Lanchang | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรอื่น ๆ | |
• ยาวี | باتو لنچڠ |
• จีน | 峇都兰樟 (ตัวย่อ)
峇都蘭樟 (ตัวเต็ม) |
• ฮกเกี้ยน | Bâ-too-lân-tsiang (Tâi-lô) |
![]() | |
![]() | |
พิกัด: 5°23′0″N 100°18′0″E / 5.38333°N 100.30000°E | |
ประเทศ | มาเลเซีย |
รัฐ | ปีนัง |
อำเภอ | เกาะปีนังตะวันออกเฉียงเหนือ |
เมือง | จอร์จทาวน์ |
การปกครอง | |
• การปกครองท้องถิ่น | สภานครเกาะปีนัง |
• นายกเทศมนตรีเกาะปีนัง | ยู ตุง เซียง |
• สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบาตูลันจัง | อง อา ตอง (DAP) |
• สมาชิกรัฐสภาเจอลูตง | RSN Rayer (DAP) |
เขตเวลา | UTC+8 (เวลามาตรฐานมาเลเซีย) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | ไม่สังเกต |
รหัสไปรษณีย์ | 11600 |
เว็บไซต์ | mbpp |
บาตูลันจัง (มลายู: Batu Lanchang) หรือปรากฏในเอกสารไทยว่า ประตูลันจัง[1] หรือ ปาลูจันตัง[2] เป็นย่านหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ถูกขนาบด้วยย่านไอร์อีตัมทางตะวันตกและย่านเจอลูตงทางตะวันออก โดยชื่อ "บาตูลันจัง" เป็นคำมลายู แปลว่า "ถมอเรียง"[3]
เดิมบาตูลันจังเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ก่อนพัฒนาเป็นแหล่งอาศัยและเป็นส่วนหนึ่งของชานเมืองจอร์จทาวน์ที่มีอาคารสูงอยู่ประปราย โดยเฉพาะย่านกรีนเลน ทั้งนี้บาตูลันจังเป็นทางผ่านที่เชื่อมระหว่างจอร์จทาวน์กับย่านเกอลูโกร์
ในอดีตบาตูลันจังเป็นพื้นที่เกษตรกรรมรกครึ้ม[4] มีชุมชนสยามเข้าไปตั้งถิ่นฐานมาช้านาน จนถึงขั้นก่อสร้างวัดชื่อวัดบาตูลันจัง ซึ่งขอพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2337[5] ที่ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ได้ประทานนามใหม่ว่าวัดปิ่นบังอร โดยทรงตั้งตามความฝันของนางสาวสนาน อมาตยกุล ที่ฝันถึงมารดาหลังทำบุญแก่วัดดังกล่าว[6] นอกจากนี้ยังมีวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันแต่สร้างภายหลังคือวัดจันทาราม[1] และวัดในหรือปิ่นบังอรใน[7]
หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 มีเจ้านายและข้าราชการจากสยามจำนวนมากลี้ภัยไปเกาะปีนัง ในจำนวนนี้มีผู้พำนักในย่านบาตูลันจังได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี รวมทั้งพระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีคนแรกของสยาม ครั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2478 จึงมีการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพอย่างอัตคัต ณ ลานข้างพระอุโบสถวัดปิ่นบังอร โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบพระเมรุอย่างเรียบง่ายแต่สง่างาม และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นผู้พระราชทานเพลิงพระศพ[3] หลายปีต่อมาพระยามโนปกรณนิติธาดาถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2491 จึงมีการบรรจุศพอย่างชั่วคราวที่ป่าช้าวัดปิ่นบังอร หกเดือนต่อมาจอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ส่งเรือหลวงไปรับร่างพระยามโนปกรณนิติธาดาเพื่อฌาปนกิจในไทย[8]
ปัจจุบันยังหลงเหลือร่องรอยการอยู่อาศัยของคนสยามในอดีต เช่น หลุมศพของพระยามโนปกรณนิติธาดาที่วัดปิ่นบังอร[9] รวมทั้งชื่อถนนมโน และซอยมโน ที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีของสยามที่เคยพำนักในย่านดังกล่าว[4]
จากการพัฒนาของเมือง ทำให้ย่านกรีนเลนแถบไอแลนด์พาร์ดและไอแลนด์เกลดส์กลายเป็นชานเมือง แล้วแพร่ขยายในรูปแบบคอนโดมิเนียมทั่วบาตูลันจัง
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)