ผู้วินิจฉัย 12 | |
---|---|
หน้าของหนังสือผู้วินิจฉัยในฉบับเลนินกราด (ค.ศ. 1008) | |
หนังสือ | หนังสือผู้วินิจฉัย |
ภาคในคัมภีร์ฮีบรู | เนวีอีม |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ฮีบรู | 2 |
หมวดหมู่ | ผู้เผยพระวจนะยุคต้น |
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | พันธสัญญาเดิม (สัตตบรรณ) |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | 7 |
ผู้วินิจฉัย 12 (อังกฤษ: Judges 12) เป็นบทที่ 12 ของหนังสือผู้วินิจฉัยในพันธสัญญาเดิมหรือคัมภีร์ฮีบรู[1] ตามธรรมเนียมของศาสนายูดาห์เชื่อว่าหนังสือผู้วินิจฉัยเขียนโดยผู้เผยพระวจนะซามูเอล[2][3] แต่นักวิชาการสมัยใหม่มองว่าหนังสือผู้วินิจฉัยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สายเฉลยธรรมบัญญัติซึ่งครอบคลุมเรื่องราวตั้งแต่หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติถึงหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 2 เชื่อว่าเขียนโดย เขียนโดยผู้เขียนศาสนายาห์เวห์ผู้รักชาติและศรัทธาในสมัยของโยสิยาห์กษัตริย์ยูดาห์นักปฏิรูปในศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล[3][4] บทที่ 10 ของหนังสือผู้วินิจฉัยบันทึกถึงกิจกรรมของผู้วินิจฉัยเยฟธาห์, อิบซาน, เอโลน และอับโดน[5] อยู่ในส่วนที่ประกอบด้วยวินิจฉัย 6:1 ถึง 16:31[6]
บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู แบ่งออกเป็น 15 วรรค
บางสำเนาต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรูมีลักษณะเป็นต้นฉบับเมโซเรติก (Masoretic Text) ได้แก่ ได้แก่ ฉบับไคโร (Codex Cairensis; ค.ศ. 895), ฉบับอะเลปโป (Aleppo Codex; ศตวรรษที่ 10) และฉบับเลนินกราด (Leningrad Codex; ค.ศ. 1008)[7]
สำเนาต้นฉบับโบราณที่หลงเหลืออยู่ของคำแปลเป็นภาษากรีกคอยนีที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) ได้แก่ ฉบับวาติกัน (Codex Vaticanus; B; B; ศตวรรษที่ 4) และฉบับอะเล็กซานเดรีย (Codex Alexandrinus; A; A; ศตวรรษที่ 5)[8][a]
การศึกษาด้านภาษาศาสตร์โดยชิสโฮล์มเผยให้เห็นว่าเนื้อหาส่วนกลางของหนังสือผู้วินิจฉัย (ผู้วินิจฉัย 3:7–16:31) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ช่วงตาม 6 คำสร้อยที่กล่าวว่าชาวอิสราเอลทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์:[10]
ช่วงที่ 1
ช่วงที่ 2
นอกจากนี้จากหลักฐานทางภาษา คำกริยาที่ใช้อธิบายการที่พระเจ้าทรงตอบสนองต่อบาปของชาวอิสราเอลก็มีรูปแบบซ้ำ ๆ และสามารถจัดกลุ่มให้เข้ากับการแบ่งส่วนข้างต้น:[12]
ช่วงที่ 1
ช่วงที่ 2
บทนี้เป็นเรื่องราวของเยฟธาห์ ซึ่งแบ่งได้เป็น 5 ตอน แต่ละตอนมีบทสนทนาระหว่างบุคคลที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้:[13][14]
ตอน | วรรค | บทสนทนาระหว่าง | วรรค |
---|---|---|---|
A. | 10:6–16 | อิสราเอลกับพระยาห์เวห์ | 10–15 |
B. ชาวอัมโมนเข้าคุกคาม | 10:17–11:11 | พวกผู้ใหญ่กับเยฟธาห์ | 5–11 |
C. | 11:12–28 | เยฟธาห์และกษัตริย์ชาวอัมโมน | 12–28 |
B'. ชาวอัมโมนถูกปราบ | 11:29–40 | เยฟธาห์และบุตรหญิง | 34–38 |
A'. | 12:1–7 | เยฟธาห์และชาวเอฟราอิม | 1–4a |
ส่วนนี้ประกอบด้วยตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย) ของเรื่องเล่าเกี่ยวกับเยฟธาห์[13][14] เรื่องราวมีลักษณะเช่นเดียวกับเรื่องราวของกิเดโอนในผู้วินิจฉัย 8:1–3 คือคนเอฟราอิมต่อว่าเยฟธาห์ที่พวกตนไม่ได้ถูกเรียกให้ร่วมในการรบ (เพื่อที่พวกตนจะได้ของริบด้วย) แต่ครั้งนี้จบลงด้วยสงครามกลางเมือง เมื่อเยฟธาห์รวมคนกิเลอาดเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ[5] คนกิเลอาดใช้การออกเสียงคำภาษาฮีบรูว่า "ชิบโบเลท" ในการแยกแยะคนเอฟราอิม เพื่อจะสังหารคนเอฟราอิมได้[15]
อิบซานได้ขึ้นเป็นผู้วินิจฉัยของอิสราเอลต่อจากเยฟธาห์เป็นเวลา 7 ปี ท่านมีบุตรชาย 30 คนและบุตรหญิง 30 คน เมื่อท่านเสียชีวิตได้ถูกฝังที่เมืองบ้านเกิดคือ "เบธเลเฮม" ซึ่งไม่มีการตามด้วยความว่า "ของเอฟราธาห์" หรือ "ของยูดาห์" จึงน่าจะเป็นเบธเลเฮมในอาณาเขตของเผ่าเศบูลุน (โยชูวา 19:15).[16]
เอโลนได้ขึ้นเป็นผู้วินิจฉัยคนที่ 10 ต่อจากอิบซาน มีบันทึกเกี่ยวกับเอโลนน้อยมาก ไม่มีประวัติใด ๆ ของท่านนอกจากว่าท่านมาจากเผ่าเศบูลุน เอโลนวินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลา 10 ปี เมื่อท่านเสียชีวิตได้ถูกฝังในอัยยาโลนในอาณาเขตของเผ่าเศบูลุน[17]
อับโดนบุตรฮิลเลลชาวปิราโธนแห่งเผ่าเอฟราอิมได้ขึ้นเป็นผู้วินิจฉัยถัดจากเอโลน อับโดนมีบุตรชาย 40 คนและหลานชาย 30 คน ท่านวินิจฉัยอิสราเอลเป็นเวลา 8 ปี ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตอนกลางของอิสราเอลภายหลังสงครามกลางเมืองที่เกี่ยวข้องกับเยฟธาห์และคนกิเลอาด[18]