พายุไต้ฝุ่นหมาอ๊อน (พ.ศ. 2554)

พายุไต้ฝุ่นหมาอ๊อน (Ineng)
พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก (JMA)
พายุไต้ฝุ่นระดับ 4 (SSHWS)
ไต้ฝุ่นหมาง้อนขณะกำลังพัดเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น
ไต้ฝุ่นหมาง้อนขณะกำลังพัดเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น
ไต้ฝุ่นหมาง้อนขณะกำลังพัดเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น
ก่อตัว 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
สลายตัว 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ความเร็วลม
สูงสุด
เฉลี่ยลมใน 10 นาที:
175 กม./ชม. (110 ไมล์/ชม.)
เฉลี่ยลมใน 1 นาที:
215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด 935 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.61 นิ้วปรอท)
ผู้เสียชีวิต เสียชีวิต 5 คน สูญหาย 3 คน
ความเสียหาย 27.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี 2011)
พื้นที่ได้รับ
ผลกระทบ
หมู่เกาะมาเรียนาเหนือ, ญี่ปุ่น
ส่วนหนึ่งของ
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2554

พายุไต้ฝุ่นหมาง้อน เป็นพายุไต้ฝุ่นรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายแก่ตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เป็นพายุลูกที่หกที่ได้รับการตั้งชื่อและพายุไต้ฝุ่นลูกที่สองในฤดูไต้ฝุ่นของมหาสมุทรแปซิฟิก 2554

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา

[แก้]
แผนที่แสดงเส้นทาง และความรุนแรงของพายุตามมาตราส่วนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน
ความรุนแรงของพายุ
  พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.)
  พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
  พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม
ประเภทของพายุ
■ พายุหมุนกึ่งเขตร้อน
▲ พายุหมุนนอกเขตร้อน / หย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือ / รบกวนของเขตร้อน / ลมมรสุมพายุดีเปรสชั่นเขตร้อน

พายุไต้ฝุ่นหมาง้อนมีจุดกำเนิดมาจากบริเวณการพาความร้อนซึ่งเกิดขึ้นเหนือเกาะเวกในวันที่ 9 กรกฎาคม[1] ระบบค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่ก่อตัวขึ้นเป็นการหมุนเวียนของบรรยากาศในระดับต่ำ ด้วยลมเฉือนต่ำและสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเอื้ออำนวย แบบจำลองพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อนจึงคาดว่าจะมีพายุเกิดขึ้นจากระบบดังกล่าว[2] วันที่ 11 กรกฎาคม ศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (JTWC) ออกคำเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน[3] และอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานการก่อตัวของดีเปรสชันกึ่งทางระหว่างเกาะเวกกับหมู่เกาะมาเรียนาเหนือ JTWC ติดตามโดยเริ่มรายงานดีเปรสชัน 08W[4]

เมื่อก่อตัวขึ้น บริเวณความกดอากาศต่ำเคลื่อนไปทางตะวันตกเนื่องจากร่องความกดอากาศสูงที่อยู่ทางเหนือ[5] การหมุนเวียนในช่วงแรกนั้นกว้างและกำหนดอย่างคร่าว ๆ ขณะที่การพาความร้อนนั้นไม่เป็นระเบียบเนื่องจากอากาศแห้ง พายุดังกล่าวสามารถทวีความรุนแรงขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย[6] และ JMA ยกระดับพายุดีเปรสชันเป็นพายุหมุนเขตร้อนหมาง้อนเมื่อเวลา 06:00 UTC ของวันที่ 12 กรกฎาคม[7] พายุฟ้าคะนองค่อย ๆ เริ่มกระจุกตัวบริเวณรอบใจกลางพายุ แม้ว่าจะมีการไหลออกอย่างจำกัดไปทางเหนือและตะวันตก พายุไต้ฝุ่นหมาง้อนทวีความรุนแรงขึ้นช้ากว่าอัตราภูมิอากาศ แม้ว่าลักษณะตาจะปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อถึงวันที่ 13 กรกฎาคม[8] เมื่อถึงเวลา 00.00 UTC ในวันนั้น JMA ยกระดับหมาง้อนเป็นพายุหมุนเขตร้อนกำลังแรง[9] และอีก 18 ชั่วโมงให้หลัง ก็ได้ยกระดับต่อเป็นพายุไต้ฝุ่น[10] เมื่อถึงเวลานั้น พายุอยู่ห่างจากอิโวะจิมะไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 970 กิโลเมตร ตาหยาบเริ่มปรากฏให้เห็นบนภาพถ่ายดาวเทียม และหลังจากก่อตัวเป็นลมบ้าหมูขึ้นในอากาศ การไหลออกของอากาศก็เริ่มระบุได้ดียิ่งขึ้น[11]

เมื่อถึงวันที่ 15 กรกฎาคม พายุไต้ฝุ่นหมาง้อนมีตาพายุที่ระบุได้ชัดเจนและมีการพาความร้อนรุนแรงที่สุดในเส้นรอบวงด้านใต้ พายุยังคงทวีความรุนแรงขึ้น และ JTWC ประเมินความเร็วลมที่รอบศูนย์กลางพายุที่ค่าเฉลี่ย 1 นาทีไว้ที่ 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง[12] วันเดียวกัน หมาง้อนลดระดับความรุนแรงลงเล็กน้อยเนื่องจากลมเฉือนที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้กำแพงตาพายุในจตุภาคตะวันตกเฉียงเหนือสลายลง[13] ก่อนจะกลับทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นหลังมีวัฏจักรทดแทนกำแพงตาพายุขึ้น[14] เมื่อเวลา 06.00 UTC ของวันที่ 16 กรกฎาคม JMA ประเมินความเร็วลมที่รอบศูนย์กลางพายุที่สูงสุด 10 นาทีไว้ที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่พายุไต้ฝุ่นลูกนี้อยู่ห่างจากเกาะโอะกินะวะไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 1,185 กิโลเมตร[15] ในเวลานั้น หมาง้อนเริ่มเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจากการอ่อนกำลังลงของร่องความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อน[16] และเข้าสู่พื้นที่เตือนภัยโดยสำนักงานด้านบรรยากาศ ภูมิฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ของฟิลิปปินส์ (PAGASA) เป็นเวลาสั้น ๆ และหน่วยงานดังกล่าวตั้งชื่อท้องถินให้ว่า Ineng[17]

ไต้ฝุ่นหมาง้อนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

วันที่ 17 กรกฎาคม หมาง้อนมีวัฏจักรทดแทนกำแพงตาพายุอีกครั้งและอ่อนกำลังลง แม้ว่าจะมีการไหลออกของอากาศและการพาความร้อนเพิ่มขึ้นในจตุภาคเหนือ[18] ด้วยขนาดที่ใหญ่ของพายุไต้ฝุ่นทำให้มันไม่สามารถกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกได้ ลมกำลังแรงขยายออกไป 370 กิโลเมตรทางตะวันออกจากศูนย์กลาง นอกเหนือจากนั้น การผลักดันของอากาศแห้งทำให้ฝนคะนองลดลงในขอบด้านตะวันตก เมื่อถึงวันที่ 18 กรกฎาคม หมาง้อนมาถึงขอบด้านตะวันตกของร่องความกดอากาศสูงและเริ่มเคลื่อนที่ขึ้นไปทางเหนือมุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่น[19] วันรุ่งขึ้น มันเปลี่ยนทิศทางไปเป็นตะวันออกเฉียงเหนือขณะที่พัดขนานไปกับแนวชายฝั่งญี่ปุ่นไม่ห่างจากฝั่งมากนัก ตามข้อมูลของ JTWC หมาง้อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุหมุนเขตร้อนขณะหนึ่งก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้ง และขึ้นฝั่งที่คาบสมุทรคิอิในฮอนชู[20][21] JMA ยังคงระบุสถานะของระบบเป็นไต้ฝุ่นจนกระทั่ง 00.00 UTC เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เมื่อหมาง้อนพัดขึ้นฝั่ง[22] และเมื่อพายุพัดพาข้ามประเทศญี่ปุ่น พายุกำลังเคลื่อนไปทางตะวันออก และเปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ลมเฉือนที่เพิ่มขึ้นเข้าไปแทนที่การพาความร้อนทางตะวันออก แม้จะมีการคาดการณ์ว่าพายุจะทวีความรุนแรงขึ้นเล็กน้อย[23] อย่างไรก็ตาม JTWC ลดระดับของพายุหมาง้อนลงเหลือดีเปรสชันเขตร้อนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม หลังพายุสูญเสียการพาความร้อนส่วนใหญ่ไป[24] อย่างไรก็ตาม JMA ยังคงระบุสถานะของหมาง้อนเป็นพายุหมุนเขตร้อนกำลังแรงจนถึงวันที่ 23 กรกฎาคม ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น พายุได้เปลี่ยนทิศทางขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ[25] หน่วยงานเลิกการเฝ้าระวังติดตามเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม[26]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-09. สืบค้นเมื่อ 2011-07-09.
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-10. สืบค้นเมื่อ 2011-07-10.
  3. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-11. สืบค้นเมื่อ 2011-07-11.
  4. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-11. สืบค้นเมื่อ 2011-07-11.
  5. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-11. สืบค้นเมื่อ 2011-07-11.
  6. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-12. สืบค้นเมื่อ 2011-07-12.
  7. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-14. สืบค้นเมื่อ 2011-08-04.
  8. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-13. สืบค้นเมื่อ 2011-07-13.
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-13. สืบค้นเมื่อ 2011-07-13.
  10. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-14. สืบค้นเมื่อ 2011-07-14.
  11. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-14. สืบค้นเมื่อ 2011-07-14.
  12. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-07-16.
  13. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-07-16.
  14. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-07-16.
  15. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-07-16.
  16. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-17. สืบค้นเมื่อ 2011-07-17.
  17. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-17. สืบค้นเมื่อ 2011-07-17.
  18. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-18. สืบค้นเมื่อ 2011-07-18.
  19. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-18. สืบค้นเมื่อ 2011-07-18.
  20. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-19. สืบค้นเมื่อ 2011-07-19.
  21. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-20. สืบค้นเมื่อ 2011-07-20.
  22. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-20. สืบค้นเมื่อ 2011-07-20.
  23. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-20. สืบค้นเมื่อ 2011-07-20.
  24. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-21. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.
  25. "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-23. สืบค้นเมื่อ 2011-07-23.
  26. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-14. สืบค้นเมื่อ 2011-08-04.