พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ | |
---|---|
เกิด | สุภาพ หาญวิชาชัย 15 มกราคม พ.ศ. 2509 |
พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ มีชื่อจริงว่า สุภาพ หาญวิชาชัย ชื่อเล่น เตี้ย , ชิด เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2509 ที่บ้านหนองกระเทือง อำเภอเนินสง่า (เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอเมือง) จังหวัดชัยภูมิ มีสถิติการชกทั้งหมด 24 ครั้ง ชนะ 24 (น็อก 18 ชนะคะแนน 6) เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพิชิต ช.ศิริวัฒน์ และถือเป็นแชมป์โลกคู่พี่น้องที่ไม่ใช่ฝาแฝดคู่หนึ่งของประเทศไทย
พิชิตจบชั้นป.6 จากโรงเรียนร่วมราษฎร์วิทยา เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 13 ปี ขึ้นชกครั้งแรกใช้ชื่อว่า วิชิตชัย สิงห์หนองกะเทือง ต่อมาจึงย้ายมาอยู่ค่ายศิษย์บางพระจันทร์ ของเซียนโหงว ศิษย์บางพระจันทร์ และเปลี่ยนชื่อเป็น พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์
ด้วยเหตุที่พิชิตเป็นมวยหมัดหนัก จนได้รับฉายาว่า ไอ้หมัดผีสิง ทรงชัย รัตนสุบรรณ เห็นว่าน่าจะเอาดีในทางมวยสากลได้จึงนำมาสร้างสรรค์ในแบบมวยสากล มี สุดใจ สัพพะเลข เป็นเทรนเนอร์ ชกชนะรวด 12 ครั้ง มีชื่อติดอันดับสหพันธ์มวยนานาชาติในฐานะรองแชมป์โลก IBF อันดับ 4 ในรุ่นฟลายเวท ทรงชัยจึงจัดให้พิชิตขึ้นชิงแชมป์โลก สหพันธ์มวยนานาชาติ รุ่นฟลายเวท เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สำโรง ซึ่งในครั้งนั้นเป็นยุคที่เมืองไทยปลอดแชมป์โลก หลังจากที่ ฟ้าลั่น ลูกมิ่งขวัญ เสียแชมป์โลกให้ แมนนี่ เมลชอร์ ไปแล้วราว 2 เดือนก่อนหน้านี้ ผลการชกปรากฏว่า พิชิตชนะน็อก โรโดลโฟ บลังโก ยก 3 ทำให้ประเทศไทยกลับมามีแชมป์โลกอีกครั้งหนึ่ง พิชิตจึงกลายเป็นแชมป์โลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานั้น
หลังจากได้แชมป์โลก พิชิตย้ายมาอยู่ค่ายส.เพลินจิต มี อิสมาเอล ซาลัส เป็นเทรนเนอร์ พิชิตป้องกันตำแหน่งได้ 5 ครั้งติดต่อกันอย่างสวยสดงดงาม โดยในการป้องกันครั้งที่ 4 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีกับ อาร์เธอร์ จอห์นสัน นักมวยชาวอเมริกันซึ่งมีเทรนเนอร์ระดับโลกคือ แองเจโล่ ดันดี พิชิตกลับทำได้ไม่ดีแต่กลับเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างค้านสายตา และในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 5 ในไฟท์บังคับกับ โฆเซ ลุยส์ เซเปดา รองแชมป์โลก IBF อันดับ 1 รุ่นฟลายเวท และแชมป์ USBA ในรุ่นเดียวกัน ชาวเม็กซิกัน ที่จังหวัดราชบุรี พิชิตชนะคะแนนไม่เอกฉันท์แบบค้านสายตา เพราะพิชิตถูกเซเปดาถลุงเจียนอยู่เจียนไปในยกท้ายๆ แต่รวมคะแนนออกมาปรากฏว่าพิชิตชนะคะแนนอย่างเหลือเชื่อ ทาง IBF จึงสั่งให้ชกใหม่
ระหว่างที่รอการชกแก้มือนี้เอง มีข่าวออกมาตลอดว่าสภาพร่างกายและจิตใจของพิชิตไม่สมบูรณ์ จนกลายเป็นข่าวลือว่าพิชิตถูกคุณไสยหรือเป็นโรคเมาหมัด มีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น จากเป็นคนเงียบขรึมก็กลายมาเป็นคนพูดมาก และชอบเก็บสุนัขข้างถนนมาเลี้ยงไว้เต็มไปหมด
จนในที่สุดทรงชัยจึงตัดสินใจให้พิชิตสละแชมป์โลก โดยประกาศแถลงข่าวการแขวนนวมที่อาคารรัฐสภาไทยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 โดยที่หลังการแถลงข่าวจบ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นยังได้เข้ามาสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่า "ยังปวดศีรษะอยู่หรือเปล่า", "เลิกชกมวยแล้วจะไปทำอะไร" เป็นต้น[1]
หลังการแขวนนวมแล้ว พิชิตหันไปทำกิจการปั๊มน้ำมันและซูเปอร์มาร์เก็ตของตัวเองที่บ้านเกิด และต่อมาได้เดินทางไปเป็นเทรนเนอร์มวยสากลที่ประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกับ พิชิต ช.ศิริวัฒน์ น้องชาย[2]
พิชิตเลิกชกไปประมาณสองปี กลับมาชกอีกครั้งใน พ.ศ. 2539 ในรุ่นที่ใหญ่ขึ้นคือ ซูเปอร์ฟลายเวท โดยยืนยันว่าได้รักษาสภาพจิตใจหายดีแล้ว ผลการชกปรากฏว่า พิชิตชนะทีเคโอ แซมมี ซอร์ดิยา ยก 9 จากนั้น พิชิตหยุดชกไปอีก กลับมาชกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2543 ชนะคะแนน มาร์ลอน อาร์ลอส และชนะน็อก โอสการ์ บาร์กัส ยก 5 จากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นชกอีกเลย แขวนนวมไปโดยปริยาย สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกชาวไทยเพียงคนเดียวที่ไม่เคยแพ้ใครเลยจนแขวนนวม[2] [1]