มงคล สุระสัจจะ | |
---|---|
รองประธานรัฐสภาไทย และ ประธานวุฒิสภา | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 (0 ปี 197 วัน) | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
นายกรัฐมนตรี | เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร |
รอง | พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ บุญส่ง น้อยโสภณ |
ก่อนหน้า | พรเพชร วิชิตชลชัย |
สมาชิกวุฒิสภาไทย จากกลุ่มการบริหารรัฐกิจ | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 (0 ปี 213 วัน) | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 9 สิงหาคม พ.ศ. 2495 อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | อิสระ |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองอาสารักษาดินแดน |
ประจำการ | พ.ศ. 2522 – พ.ศ. 2555 |
ยศ | นายกองเอก[1] |
บังคับบัญชา | กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดบุรีรัมย์ |
มงคล สุระสัจจะ ม.ว.ม. ป.ช. (เกิด 9 สิงหาคม พ.ศ. 2495) ชื่อเล่น จ้อน เป็นรองประธานรัฐสภาไทยและประธานวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 13 อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง
มงคลเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2495 ที่ตำบลบ้านกลับ อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เข้าศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่โรงเรียนการช่างนครนายกในปี พ.ศ. 2511 ก่อนย้ายมาจบการศึกษาที่โรงเรียนพานิชยการพระนครศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2512 - 2515
เดิมที่มงคลไม่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เนื่องจากเกิดในครอบครัวฐานะยากจน แต่เมื่อปี พ.ศ. 2514 มีการเปิดมหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา จึงตัดสินใจเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2516 ซึ่งในขณะนั้นคิดค่าหน่วยกิต 18 บาท โดยหวังว่าหลังจากจบการศึกษาแล้วจะสมัครเป็นปลัดอำเภอหนองโดนต่อไป โดยระหว่างศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น ในปี พ.ศ. 2517 มงคลได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่มพัฒนาการศึกษาชนบท และเดินเข้าค่ายฝึกกำลังคน ในหมู่บ้านชาวปกาเกอะญอ (ชาวกะเหรี่ยง) ที่บ้านแม่แฮใต้ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีแกนนำคือ ธงชัย สุวรรณวิหค หรือ สหายช่วง ทิวเขาบรรทัด
ต่อมาในเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 นักศึกษาจำนวนมากในขณะนั้นได้หลบเขาไปใช้ชีวิตในเขตป่าเขา เพื่อร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมถึงมงคลที่ลี้ภัยไปอยู่ที่ภูบรรทัด จังหวัดสตูลด้วยเช่นกัน เป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี หลังจากเหตุการณ์สงบลงจึงกลับมาศึกษาต่อจนจบ
ภายหลังจบการศึกษา มงคลเข้ารับราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2522 ในตำแหน่งปลัดอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย[2]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 มงคลย้ายมาเป็นปลัดอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จึงได้พบกับเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ที่เวลานั้นเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ต่อมาเสริมศักดิ์ได้สนับสนุนให้มงคลเข้าศึกษาที่วิทยาลัยการปกครอง เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำรงตำแหน่งนายอำเภอ หลังเรียนจบแล้ว มงคลเป็นนายอำเภอครั้งแรกที่อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ต่อมาเสริมศักดิ์ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มงคลจึงตามไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอศรีสงคราม ก่อนย้ายมาที่อำเภอธาตุพนม, อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดศรีสะเกษตามลำดับ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 มงคลย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้รู้จักกับ เนวิน ชิดชอบ ซึ่งเวลานั้นสังกัดพรรคพลังประชาชน ก่อนที่ภายหลังพรรคถูกยุบ จะแยกตัวออกมาก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2552 ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้โยกย้ายมงคลจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มาเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 59 มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งมงคลเป็นอธิบดีกรมการปกครอง และปลายปีเดียวกัน มีการเสนอชื่อมงคลเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากได้รับการแต่งตั้ง จะเป็นศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง[3][2] แต่ภายหลังมีประชาชนจากสมาคมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้านการแต่งตั้ง[4] จากกรณีทุจริตการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์[5] มงคลจึงแถลงถอนตัวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553[6] และเกษียณอายุในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย[7]
ภายหลังเกษียณอายุ มงคลได้กลับไปใช้ชีวิตเกษตรกร โดยก่อตั้งไร่เพื่อนคุณ ที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2558[8]
มงคลได้ลงสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาไทย พ.ศ. 2567 ในกลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง โดยได้รับเลือกมาเป็นลำดับที่ 3[9] และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม สว.สายสีน้ำเงิน จำนวน 150 คน ให้เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภา[10]
ในการประชุมครั้งแรกของวุฒิสภาชุดที่ 13 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 มงคลได้รับการเสนอชื่อจาก พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ ให้เป็นประธานวุฒิสภา โดยมี นายแพทย์ เปรมศักดิ์ เพียยุระ และรองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา นันทวโรภาส เป็นคู่ชิงตำแหน่ง ผลการลงมติปรากฎว่ามงคลชนะด้วยคะแนนเสียง 159–13–19 (งดออกเสียง 4 บัตรเสีย 5)[11]
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์){{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์){{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์){{cite journal}}
: CS1 maint: date format (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
ก่อนหน้า | มงคล สุระสัจจะ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พรเพชร วิชิตชลชัย | รองประธานรัฐสภา (ประธานวุฒิสภา) (26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 - ปัจจุบัน) |
อยู่ในวาระ |