Ubon Ratchathani University | |
เจดีย์ทรงล้านช้าง สัญลักษณ์มหาวิทยาลัย | |
ชื่อเดิม | วิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
---|---|
ชื่อย่อ | มอบ.[1] / UBU |
คติพจน์ | พัฒนาความรู้ มุ่งสู่ปัญญา พร้อมคุณค่าคุณธรรม |
ประเภท | สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ |
สถาปนา | 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 |
สังกัดการศึกษา | กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม |
สังกัดวิชาการ |
|
งบประมาณ | 795,645,700 บาท (พ.ศ. 2568)[2] |
นายกสภาฯ | ศาสตราจารย์พิเศษ จอมจิน จันทรสกุล |
อธิการบดี | รองศาสตราจารย์ ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา |
อาจารย์ | 708 คน (พ.ศ. 2566)[3] |
บุคลากรทั้งหมด | 1,538 คน (พ.ศ. 2566)[3] |
ผู้ศึกษา | 17,302 คน (พ.ศ. 2566)[4] |
ปริญญาตรี | 16,982 คน (พ.ศ. 2566)[5] |
บัณฑิตศึกษา | 241 คน (พ.ศ. 2566)[6] |
79 คน (พ.ศ. 2566)[7] | |
ที่ตั้ง | |
ต้นไม้ | ต้นกันเกรา |
สี | สีเหลือง |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย |
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เดิมชื่อ วิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (อังกฤษ: Ubon Ratchathani University; อักษรย่อ: มอบ. – UBU) เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่จัดตั้งในพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางของการศึกษาและการค้นคว้าวิจัยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2530 โดยจัดตั้งเป็น วิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น และยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2533 จากความพยายามที่จะให้มีมหาวิทยาลัยในจังหวัดอุบลราชธานีของทุกฝ่าย กลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 4 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือถัดจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม (ต่อมาคือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดการศึกษาครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมทั้งสิ้น 11 คณะ 1 วิทยาลัย แบ่งได้เป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมีนักศึกษาอยู่ในคณะและวิทยาลัยต่างๆ รวมแล้วประมาณ 17,302 คน (ข้อมูลภาคการศึกษา 2/2566) ทำการเรียนการสอนทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นมหาวิทยาลัยที่ยกฐานะมาจาก วิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามมติคณะรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2533 ในรัฐบาลของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ด้วยความมุ่งหมายให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการจัดการศึกษาเน้นหนักทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพัฒนา กำลังคนของประเทศ ซึ่งกำลังมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นประเทศ กึ่งอุตสาหกรรม และเพื่อเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษา ให้แก่ประชาชนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งให้มหาวิทยาลัย เป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นสามารถนำความรู้ ที่ได้ไปปรับปรุงการประกอบวิชาชีพของตนเองเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นต่อไป
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2531 ภายใต้ชื่อ "วิทยาลัยอุบลราชธานี" โดยเปิดทำการสอน ในสาขาเกษตรศาสตร์ และสาขาวิศวกรรมศาสตร์ มีนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 67 คน ซึ่งฝากเรียนไว้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นต่อมาในปีการศึกษา 2533 วิทยาลัยอุบลราชธานีได้ยกฐานะมาเป็น มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2533 ได้ย้ายสถานที่จัดการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นมาประจำ ณ สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยบริเวณกิโลเมตรที่ 10 - 11 ถนนวารินเดชอุดม ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บนเนื้อที่ประมาณ 5,228 ไร่ และเริ่มจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งได้ถือเอาวันที่ 30 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยแล้วในปี พ.ศ. 2534 คณาจารย์และนักศึกษาทั้งหมด ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาประจำ ณ สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ โดยสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้แต่งตั้งให้ รองศาสตราจารย์ ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี ดำรงตำแหน่งอธิการบดีเป็นคนแรก ในส่วนของการก่อสร้าง เริ่มต้นด้วยงบประมาณเพียง 16 ล้าน ในปี 2531 อาคารหลังแรก ที่ก่อสร้างคือ อาคารเอนกประสงค์
ต่อมาในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบันการศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ[8]
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้จัดตั้งวิทยาเขตมุกดาหาร โดยตั้งอยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2550 เปิดรับนักศึกษาครั้งแรก พ.ศ. 2552 สืบเนื่องจากที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ครั้งที่ 6/2550 วันที่ 15 กันยายน 2550 ได้เห็นชอบโครงการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติลุ่มน้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษา ให้กับนักศึกษาไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้จบอาชีวศึกษาได้ต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งจังหวัดมุกดาหารได้มอบอาคารเรียนหลังเก่าของโรงเรียนมุกดาลัย เพื่อใช้ในการเรียนการสอน และเป็นสำนักงานวิทยาเขต
ต่อมาวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551 สภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งวิทยาเขตมุกดาหาร และได้ขอความเห็นชอบในการใช้พื้นที่ป่าไม้บริเวณภูผาเจี้ย ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อจัดตั้งวิทยาเขตมุกดาหาร[9] มีพื้นที่ดำเนินการ 3 พื้นที่ คือ พื้นที่พืชไร่ตำบลคำอาอวน พื้นที่ทหารตำบลคำอาอวน และพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลมุกดาหาร (ภูผาเจี้ย) โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษามหาราชา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562[10]
ในปี 2559 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ยุติโครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษามหาราชา หรืออาคารเรียนถาวร บริเวณภูผาเจียและยุติการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ที่วิทยาเขตมุกดาหาร รวมทั้งเรียกบุคลากรทางศึกษาและนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่กลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ปัจจุบันไม่มีการเรียนการสอน และการใช้อาคารสถานที่ดังกล่าว[11][12]
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประกอบไปด้วย 11 คณะ 1 วิทยาลัย ครอบคลุมทั้งระดับปริญญาบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต ประกอบไปด้วยหน่วยงานทางด้านวิชาการดังนี้
กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ[แก้]กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี[แก้]
|
กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์[แก้]บัณฑิตศึกษา[แก้]
|
พุทธศักราช | คณะ, วิทยาลัย |
---|---|
2531 |
คณะเกษตรศาสตร์ • คณะวิศวกรรมศาสตร์ • คณะวิทยาศาสตร์ |
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยโดยที่มุ่งที่จะเป็น Research University จึงมีหน่วยงานหลักที่สนับสนุนการวิจัยคือ งานส่งเสริมการวิจัยและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม เก็บถาวร 2013-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ซึ่งทุกคณะจะมีหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัย
การจัดอันดับโดย Nature Index โดยวารสารในเครือ Nature Publishing Group เป็นวารสารทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยนับจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ต่อปีในวารสารในเครือ Nature Publishing Group ปี 2016 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อยู่ในอันดับที่ 7 ของประเทศไทย
การจัดอันดับโดย เว็บโอเมตริกซ์ (Webometrics) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บไซต์ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก โดยบ่งบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ของสถาบัน เพื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ในการประเมินผลงานวิจัยของสถาบัน ซึ่งทางเว็บโอเมตริกซ์ได้จัดอันดับปีละ 2 ครั้งในเดือนมกราคม และกรกฎาคม ล่าสุดเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อยู่ในอันดับที่ 2,470 ของโลก อันดับที่ 19 ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย[13]
การจัดระดับมหาวิทยาลัยไทยด้านการวิจัย (Research Ranking Indicators) และด้านการเรียนการสอน (Teaching Ranking Indicators) และข้อมูลการจัด 50 อันดับของคณะในสาขาต่าง ๆ 7 สาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยี สาขาชีวการแพทย์ สาขามานุษยวิทยาและศิลปกรรมศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์ สาขาเกษตร และสาขาศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ ภายใต้ "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย" ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา "มติชน" เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจทั่วไป[14] โดยอันดับแรกของแต่ละด้าน คือ
เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีที่จัดการเรียนการสอนและการวิจัยในปัจจุบันโดยมีพื้นที่โดยประมาณจำนวน 5,228 ไร่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีประมาณ 15 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ 10 - 11 บนถนนสถลมาร์ค ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นดังนี้
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้จัดการเรียนการสอนแตกต่างกันออกไปตามหลักสูตรของแต่ละคณะและสาขาวิชาที่มีการจัดการศึกษาตั้งแต่ 4 ปี ไปจนถึง 6 ปี และมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาในแต่ละคณะวิชาได้ทำความรู้จักในฐานะนักศึกษาสถาบันเดียวกันและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิกและเพื่อนในแต่ละคณะวิชา โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ส่งเสริมในด้านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้บัณฑิตที่จบออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นผู้ทีมีความรับผิดชอบ และมีความรอบรู้ในด้านต่าง ๆ และการรู้จักการช่วยเหลือสังคม โดยมีกิจกรรมนักศึกษาที่เด่น ๆ ดังนี้
สำหรับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้นเป็นสถาบันการศึกษาที่ให้การศึกษากับกลุ่มนักศึกษาในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและนักศึกษาจากทั่วทั้งประเทศ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้มีการจัดสร้างหอพักนักศึกษาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาที่ต่างภูมิลำเนาเข้าพักอาศัย และเป็นการสร้างความรู้จักกันให้กับนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ ต่างคณะและเป็นการสร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับผู้ปกครองที่มีนักศึกษาจากต่างภูมิลำเนาเข้ามาศึกษา
โดยมีกลุ่มหอพักให้การบริการนักศึกษา ได้แก่ กลุ่มอาคารราชาวดี กลุ่มอาคารราชพฤกษ์ กลุ่มอาคารลีลาวดี และกลุ่มอาคารกันเกรา
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี | ||
---|---|---|
ผู้อำนวยการวิทยาลัย | วาระการดำรงตำแหน่ง | |
1. รองศาสตราจารย์ ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี | 24 ธันวาคม พ.ศ. 2530 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 (สมัยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการวิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น) | |
อธิการบดีมหาวิทยาลัย | วาระการดำรงตำแหน่ง | |
1. รองศาสตราจารย์ ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี | 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 - 25 มกราคม พ.ศ. 2534 (รักษาการ) 25 มกราคม พ.ศ. 2534 - 25 มกราคม พ.ศ. 2538 (สมัยที่ 1) | |
2. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ไพฑูรย์ อิงคสุวรรณ | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2542 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 | |
3. ศาสตราจารย์ ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 30 กันยายน พ.ศ. 2549 (สมัยที่ 1) | |
4. รองศาสตราจารย์ ดร.นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 - 30 กันยายน พ.ศ. 2557 (สมัยที่ 1)
1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 - 26 เมษายน พ.ศ. 2562 (สมัยที่ 2) | |
5. รองศาสตราจารย์ ดร.ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา | 27 เมษายน พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน |
โดยมีบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ดังนี้