รอยโรคฮิลล์–แซ็กส์ | |
---|---|
ชื่ออื่น | รอยแตกแบบฮิลล์–แซ็กส์ |
ภาพเอ็กซ์เรย์ไหล่ซ้ายแสดงไหล่หลุดไปข้างหน้า ก่อนและหลังการรีดักชั่น (ภาพซ้ายและขวาตามลำดับ) โดยพบรอยโรคฮิลล์-แซ็กส์ และรอยโรคแบงคาร์ตหลังการรีดักชั่นสำเร็จและทำการหมุนเข้าใน (internal rotation) | |
สาขาวิชา | ออร์โทพีดิกส์ |
รอยโรคฮิลล์-แซ็กส์ (อังกฤษ: Hill–Sachs lesion) หรือ กระดูกหักแบบฮิลล์-แซ็กส์ (อังกฤษ: Hill–Sachs fracture) เป็นการยุบตัวของเปลือกกระดูก (cortical depression) ที่ส่วนหัวของกระดูกฮิวเมอรัสทางฝั่งโพสเทอโรลาเทอรอล (posterolateral) อันเกิดจากการกระทบกระเทือนของหัวของกระดูกฮิวเมอรัสเข้ากับขอบกลีนอยด์ทางฝั่งอันเทอโรอินฟีเรียร์ (anteroinferior) ในขณะเกิดการเคลื่อนของข้อไหล่ไปทางด้านหน้า
รอยโรคนี้สัมพันธ์กับการเคลื่อนของไหล่ไปด้านหน้า (anterior shoulder dislocation)[1] เมื่อกระดูกฮิวเมอรัสถูกผลักออกจากโพรงกลีนอยด์ หัวของกระดูกฮิวเมอรัสซึ่งมีลักษณะค่อนข้างนุ่มจะกระทบกับขอบทางด้านหน้าของกลีนอยด์ ส่งผลให้เกิดการแบนลงทางโพสเทอโรลาเทอรอล (posterolateral) ของหัวของกระดูกฮิวเมอรัส
รอยโรคฮิลล์-แซ็กส์ มีการจัดประเภทไว้อยู่สองชนิด คือแบบ "engaging" และ "non-engaging" รอยโรคแบบ engaging นิยามดิวยการที่กลีนอยด์สามารถเคลื่อนเล็กน้อยเข้าไปในหัวของกระดูกฮิวเมอรัสส่วนที่มีพยาธิสภาพขณะทำการแอบดักชั่นและหมุนออกนอก (external rotation) การเคลื่อนลักษณะดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะเกิดการหลุดของไหล่ไปด้านหน้าซ้ำอีก และถ้าหากพบก็สามารถช่วยในการวางแผนการผ่าตัด[2]
การวินิจฉัยโดยทั่วไปเริ่มต้นด้วยการทำเอ็กซ์เรย์ โดยภาพในลักษณะอันเทอโรโพสทีเรียร์ (anteroposterior; AP) ของไหล่โดยที่แขนอยู่ในท่าหมุนเข้าใน (internal rotation) ให้ภาพที่ดีที่สุด ในขณะที่ภาพในลักษณะอักซิลลารี (axillary views) กับ AP ที่แขนหมุนออกนอก (external rotation) มีแนวโน้มจะปิดบังรอยโรค อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดตรงข้อไหล่ที่บาดเจ็บอาจทำให้การจัดท่าอย่างเหมาะสมเพื่อการถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์เป็นไปได้ยาก ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าความไว (sensitivity) ต่ิการตรวจจับรอยโรคฮิลล์-แซ็กส์ โดยใช้เอ็กซ์เรย์ในครั้งแรกอยู่ที่ 20% [3] ในขณะที่การวินิจฉัยโดยใช้อัลตราซาวด์พบความไวสูงถึง 96% ในประชากรกลุ่มที่มีการหลุดของไหล่ไปทางข้างหน้าแบบเกิดซ้ำ (recurrent anterior shoulder dislocation)[4]
มีรายงานความชุกของรอยโรคฮิลล์-แซ็กส์อยู่ที่ 40% ถึง 90% ของผู้ป่วยที่ข้อไหล่ไม่มั่นคงลักษณะเคลื่อนไปข้างหน้า (anterior shoulder instability) ทั้งไหล่เคลื่อน (subluxation) และไหล่หลุด (dislocation)[5][6] ส่วนในรายที่เป็นข้อไหล่ไม่มั่นคงลักษณะเคลื่อนไปข้างหน้าที่เป็นซ้ำ (recurrent) อาจพบความชุกของรอยโรคฮิลล์-แซ็กส์ ได้สูงถึง 100%[7]
ชื่อของรอยโรคนี้ตั้งตามแพทย์รังสีวิทยาจากซานฟรานซิสโกสองคน คือ แฮโรลด์ อาร์เทอร์ ฮิลล์ (Harold Arthur Hill, 1901–1973) และ มอริซ เดวิด แซ็กส์ (Maurice David Sachs, 1909–1987) ที่ได้ตีพิมพ์รายงานผู้ป่วยไหล่หลุด 119 กรณีที่พบพยาธิสภาพอันเกิดจากการกดอัดโดยตรงของหัวกระดูกฮิวเมอรัสในปี 1940 รอยหักนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วก่อนที่รายงานดังกล่าวจะตีพิมพ์ แต่ไม่เป็นที่ทราบถึงกลไกการเกิดมาก่อน[8]