วอลอดือมือร์ อีวานอวึช รือบัก (ยูเครน: Володи́мир Іва́нович Риба́к; 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 – ประมาณ 17 เมษายน พ.ศ. 2557) เป็นนักการเมืองชาวยูเครนที่ถูกกองกำลังอาสาสมัครสนับสนุนรัสเซียลักพาตัว[1] ทรมาน และสังหารเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557[2] การสังหารรือบักถือเป็นหนึ่งในคดีอาชญากรรมสงครามคดีแรก ๆ ที่กองกำลังฝักใฝ่รัสเซียถูกกล่าวโทษว่าก่อขึ้นระหว่างสงครามรัสเซีย–ยูเครน[3]
รือบักเกิดเมื่อ พ.ศ. 2514 ที่นครฮอร์ลิวกาในแคว้นดอแนตสก์ เขาสำเร็จการศึกษาจากสถาบันยานยนต์และทางหลวงแห่งมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งชาติดอแนตสก์ใน พ.ศ. 2538 และจากสถาบันการจัดการบุคลากรระหว่างภูมิภาคใน พ.ศ. 2545
ตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2552 รือบักทำงานในแผนกสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจนครฮอร์ลิวกา[4] ใน พ.ศ. 2552 เขาได้เข้าร่วมพรรคสหภาพรวมกลุ่มชาวยูเครน "ปิตุภูมิ" (บัจกิวช์ชือนา) และในปีถัดมาก็ได้เป็นประธานพรรคสาขาฮอร์ลิวกา
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 รือบักได้เป็นสมาชิกสภานครฮอร์ลิวกา[4] ระหว่างการเลือกตั้งรัฐสภายูเครน พ.ศ. 2555 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครจากพรรคบัจกิวช์ชือนาที่เขตเลือกตั้งที่ 41 (เขตบูดอนนิวสกึยของนครดอแนตสก์) และได้อันดับที่ 4 ด้วยคะแนนเสียง 5,195 คะแนน (ร้อยละ 4.55; ออแลกซันดร์ บอบกอว์ จากพรรคแห่งภูมิภาค ชนะการเลือกตั้งในเขตดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 80.85)[5]
รือบักเป็นผู้สนับสนุนการประท้วงยูโรไมดานระหว่าง พ.ศ. 2556–2557[4]
รือบักถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557 ระหว่างที่เขาพยายามเข้าอาคารสภานครฮอร์ลิวกาเพื่อชักธงชาติยูเครนเหนืออาคาร[6] ต่อมามีผู้พบศพของเขาพร้อมกับศพอีกสองศพในแม่น้ำกาแซนนึยตอแรตส์บริเวณนิคมรัยฮอรอดอก ใกล้นครสลอวิยันสก์ ผู้เสียชีวิตอีกสองคนได้แก่ ยูรีย์ ปอเปรากา นักศึกษาจากสถาบันสารพัดช่างเคียฟ และยูรีย์ เดียกอว์สกึย ชายวัย 25 ปีจากนครสตรึยในแคว้นลวิว[6] ร่างของทั้งสามเต็มไปด้วยรอยไหม้และบาดแผลถูกแทง หน้าท้องของทั้งสามถูกคว้านออก[6] ตามรายงานทางนิติวิทยาศาสตร์ เหยื่อทั้งสามจมน้ำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่[6]
ใน พ.ศ. 2558 มีการติดตั้งแผ่นป้ายอนุสรณ์แด่รือบักในเมืองสลอวิยันสก์หลังจากที่เมืองนี้ได้รับการปลดปล่อยจากกองกำลังรัสเซีย[7]
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 อีกอร์ กีร์กิน หนึ่งในผู้วางแผนจัดการกองกำลังอาสาสมัครของสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ ยอมรับระหว่างการให้สัมภาษณ์แก่ดมีตรี กอร์ดอน นักข่าวชาวยูเครน ว่าตนเองมีส่วนรับผิดชอบในการสังหารรือบัก โดยกล่าวว่า "แน่นอนว่ารือบักในฐานะผู้ที่ต่อต้าน 'กองกำลังอาสาสมัคร' อย่างแข็งขันถือเป็นศัตรูในสายตาของผม และการตายของเขาอาจถือเป็นความรับผิดชอบของผมส่วนหนึ่งด้วย"[8]