ศาลเจ้าเกียนอันเกง ศาลเจ้ากวนอันเก๋ง | |
---|---|
建安宮 | |
ศาลเจ้าเกียนอันเกง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 | |
ศาสนา | |
ศาสนา | ศาสนาชาวบ้านจีน |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
เทพ | เจ้าแม่กวนอิม |
ปีที่อุทิศ | พ.ศ. 2391[1] |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | 582 ถนนเทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
สถาปัตยกรรม | |
ประเภท | สถาปัตยกรรมจีน |
รูปแบบ | สถาปัตยกรรมฮกเกี้ยน |
ผู้ก่อตั้ง | กลุ่มชาวจีนฮกเกี้ยน[2] |
เสร็จสมบูรณ์ | พ.ศ. 2391[1] |
ทิศทางด้านหน้า | ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ |
รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำปี 2551[3] |
ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือ ศาลเจ้ากวนอันเก๋ง (ตัวเต็ม: 建安宮) เป็นศาลเจ้าเจ้าแม่กวนอิมของกลุ่มชาวจีนฮกเกี้ยน ตั้งอยู่ในย่านชุมชนกุฎีจีน แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ศาลแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารและวัดซางตาครู้ส ศาลเจ้าได้สร้างขึ้นในปีใดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่กล่าวกันว่าชาวจีนฮกเกี้ยนที่ตามเสด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นผู้สร้างขึ้น[2] เดิมศาลเจ้าแห่งนี้มีจำนวน 2 หลังซึ่งติดกัน คือ ศาลเจ้าโจวซือกง และ ศาลเจ้ากวนอู จนในเวลาต่อศาลเจ้าก็ทรุดโทรมลงไปมาก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ ได้มีชาวฮกเกี้ยนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามารื้อศาลทั้ง 2 ลง แล้วสร้างใหม่จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2391[1] และดำรงสภาพเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
เดิมทั้ง 2 ศาล ประดิษฐาน เจ้าพ่อโจวซือกง และ เจ้าพ่อกวนอู ตามชื่อศาลเจ้า แต่ภายหลังรื้อศาลเจ้าแล้วสร้างใหม่เพียงหลังเดียวทำให้องค์ประธานทั้ง 2 ได้ถูกย้ายไปด้วยซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นที่ใด[3] ปัจจุบันศาลเจ้ามีเจ้าแม่กวนอิม เป็นองค์ประธานหลัก[4]
ศาลเจ้าเกียนอันเกงมีทำเลที่ตั้งติดแหล่งน้ำจึงมีการวางผังหันสู่แม่น้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับผังบริเวณของศาลเจ้า จัดเป็นศาลเจ้าขนาดกลางที่มีอาคาร 2 หลังวางขนานกัน โดยมีชานระเบียงล้อมลานตรงกลางศาล (ผังแบบโดนัท) สำหรับงานศิลปกรรมที่สำคัญภายในศาลเจ้าประกอบด้วย ไม้เครื่องแกะสลักที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่าง ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และกระเบื้องโค้งตามรูปแบบจีนประเพณี[5] จนในปี พ.ศ. 2551 ศาลเจ้าได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปัจจุบันศาลเจ้าอยู่ในความดูแลของตระกูล สิมะเสถียร หรือ แซ่ซิ้ม เดิมและ ตันติเวชกุล หรือ แซ่ตัน เดิม ซึ่งเป็นตระกูลที่เข้ามาก่อสร้างปรับปรุงให้กับศาลเจ้าตั้งแต่ครั้นรัชกาลที่ 3[6][7]