ศาสนาพุทธกับจิตวิทยา (อังกฤษ : Buddhism and psychology ) เหลื่อมกันทั้งในทางทฤษฎี และการปฏิบัติในศตวรรษ ที่ผ่านมา โดยมีความเกี่ยวข้องกันหลัก ๆ 4 อย่าง คือ
ปรากฏการณ์วิทยาเชิงพรรณนา (Descriptive phenomenology) - นักวิชาการตะวันตกได้พบในคำสอน ของพระพุทธเจ้า ความรู้ในเรื่องจิตวิทยาเชิงปรากฏการณ์ (phenomenological psychology) ซึ่งเป็นการตรวจสอบจิตใจของตัวเองอย่างละเอียด โดยเฉพาะจากพระอภิธรรม
เป้าหมาย/ความหมายของจิตบำบัด - นักจิตวิทยามนุษยนิยม ได้เริ่มใช้แนวคิดไม่แบ่งเป็นสอง (nondualism) และประสบการณ์รู้ความจริงของธรรมชาติ โดยเป็นเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตนเอง การฟื้นจากโรค และของชีวิต มีการเผยแพร่ทฤษฎีที่แสดงความเชื่อมต่อกันเช่นนี้ในปี 2536[ 1]
การใช้ในการรักษา - ผู้บำบัดรักษาทางสุขภาพจิตในปัจจุบันพบว่า การปฏิบัติของศาสนาพุทธ (เช่นการเจริญสติ ) สามารถบำบัดปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีหลักฐาน
จิตวิทยาหรือเรื่องทางจิตวิญญาณยอดนิยม (ของโลกตะวันตก ) - จิตวิทยาได้กลายเป็นเรื่องนิยม แล้วผสมกับเรื่องทางจิตวิญญาณจนกลายเป็นความเชื่อสมัยใหม่ที่เรียกในโลกตะวันตกว่านิวเอจ (New Age) แนวคิดพุทธต่าง ๆ เป็นส่วนผสมที่สำคัญของความเชื่อนี้
จิตวิทยาเชิงปรากฏการณ์จากศาสนาพุทธ[ แก้ ]
ศาสนาพุทธ เกิดขึ้นกว่า 2,000 ปีก่อนสาขาจิตวิทยา ดังนั้น การตรวจสอบศาสนาพุทธจากมุมมองทางจิตวิทยาจึงเป็นเรื่องสร้างขึ้นในปัจจุบัน[ a]
ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อนักอินเดียวิทยาชาวอังกฤษเริ่มแปลคัมภีร์พระอภิธรรม ของพุทธเถรวาท จากคัมภีร์บาลี และคัมภีร์สันสกฤต
ส่วนผู้นำพุทธวัชรยาน เช่น Chogyam Trungpa และองค์ทะไลลามะที่ 14 ได้ทำงานระยะยาวเพื่อเปรียบเทียบเรื่องทางจิตจากคัมภีร์อภิธรรมกับวิทยาศาสตร์อิงหลักฐานของชาวตะวันตก
คำสอนของพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในคัมภีร์ที่แบ่งออกเป็น 3 ภาคคือพระไตรปิฎก โดยปิฎกที่สามเป็นพระอภิธรรม พระภิกษุโพธิ (Jeffrey Block) ภิกษุเถรวาท สายศรีลังกาชาวอเมริกัน ผู้เป็นประธานของ Buddhist Publication Society (สมาคมสิ่งตีพิมพ์พุทธ) ให้ภาพรวมของพระอภิธรรมดังต่อไปนี้ คือ
ส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎกที่บันทึกเป็นอักษรไทยบนแผ่นใบลาน
ระบบที่คัมภีร์พระอภิธรรมแสดงอย่างชัดเจนเป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และจริยธรรม ไปพร้อม ๆ กัน ทั้งหมดประสานเป็นโครงสร้างทางดำเนินเพื่อความหลุดพ้น
(แต่)ความพยายามเข้าใจธรรมชาติของความจริงที่คัมภีร์แสดง โดยตรงข้ามกับวิทยาศาสตร์ แบบคลาสสิกของโลกตะวันตก ไม่ได้เริ่มจากมุมมองของผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง ๆ ผู้กำลังมองโลกภายนอก
จุดประสงค์หลักของพระอภิธรรมก็เพื่อจะเข้าใจธรรมชาติของประสบการณ์ และดังนั้นความจริงที่สนใจก็คือความจริงที่รับรู้
เพราะเหตุนี้ ส่วนที่เป็นปรัชญาของพระอภิธรรมจึงน้อมไปทางจิตวิทยาเชิงปรากฏการณ์ (phenomenological psychology)
เพื่ออำนวยความเข้าใจของความจริงที่ประสบ
คัมภีร์จึงเริ่มด้วยการวิเคราะห์จิต อย่างละเอียดพิสดาร เป็นจิตดังที่ปรากฏเมื่อพินิจพิจารณาภายใน
คัมภีร์จัดจิตออกเป็นหลายชนิด กำหนดองค์ประกอบ และหน้าที่ของแต่ละอย่าง สัมพันธ์ทั้งหมดนั้นกับอารมณ์ ของจิต (สิ่งที่จิตรู้) และรูป ที่เป็นฐานของจิต และแสดงการเชื่อมต่อกันของจิตประเภทต่าง ๆ กับทั้งจิตด้วยกันเองและกับรูป ที่เป็นกระบวนการก่อประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง[ 2] : 3–4
การยอมรับคัมภีร์อภิธรรมทางด้านจิตวิทยาเชิงปรากฏการณ์ของชาวตะวันตก จึงเริ่มต้นเกินกว่าศตวรรษก่อนเพราะงานของนักอินเดียวิทยาชาวอังกฤษ
งานวิชาการของนางไรส์ เดวิดส์ (พ.ศ. 2443)[ แก้ ]
นางแคโรไลน ออกัสตา โฟลีย์ ไรส์ เดวิดส์ เป็นบุคคลแรก ๆ ที่มองคัมภีร์พุทธจากมุมมองทางจิตวิทยา
ในปี พ.ศ. 2443 นักอินเดียวิทยานางแคโรไลน ออกัสตา โฟลีย์ ไรส์ เดวิดส์ พิมพ์ผ่านสำนักพิมพ์สมาคมคัมภีร์บาลี (Pali Text Society) การแปลคัมภีร์แรกของพระอภิธรรมคือคัมภีร์ธัมมสังคณี โดยตั้งชื่อว่า Buddhist Manual of Psychological Ethics (คู่มือพุทธเรื่องจริยธรรมทางจิต) [ 3]
ในอารัมภบทของงานทรงอิทธิพลนี้ ผู้เขียนได้กล่าวว่า
...
ปรัชญาชาวพุทธเป็นเรื่องจริยธรรม จากต้นจนจบ
ซึ่งเป็นเรื่องที่เถียงไม่ได้
แต่จริยธรรมแบบต่าง ๆ ก็ต่างกันราวกับฟ้าดินในความสำคัญที่ให้ต่อเรื่องของจิตที่นำไปสู่จริยธรรม
ชาวพุทธมีความก้าวหน้าบางอย่างในเรื่องจิตที่เกี่ยวกับจริยธรรมยิ่งกว่าอาริสโตเติล เสียอีก เป็นความก้าวหน้าที่ปัจจุบันอาจเรียกได้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์
โดยปฏิเสธสมมติฐาน เรื่องวิญญาณ (psyche) และอะไรที่ยิ่งกว่านั้น ชาวพุทธพอใจที่จะแยกแยะจิตของบุคคลที่มีจริยธรรม "ตามที่เห็น" ออกเป็นปรากฏการณ์ทางอัตวิสัย ที่เชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน
กลุ่มของธรรมะที่แยกแยะได้ซึ่งก็คือสภาวะหรือสภาพจิต "เกิดขึ้น" ทุกครั้งกับจิต ตามกฎปัจจยาการ ที่แน่นอน ทั้งโดยรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งโดยที่สุดแล้วเป็นการเกิดโดยเป็นผลของสภาวะที่เกิดขึ้นก่อน ๆ ของจิต
...
ดังนั้น ศาสนาพุทธ โดยเริ่มตั้งแต่พัฒนาการยุคต้น ๆ ได้ตั้งตนเพื่อวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ของกระบวนการทางจิตด้วยปัญญาและความหลักแหลมอันยอดเยี่ยม[ 3] : xvi–xvii
[ b]
การแสดงศาสนาพุทธในแนวจิตวิทยาเป็นสิ่งที่นางไรส์ เดวิดส์ทำต่อเนื่องเป็นทศวรรษ ๆ ดังที่พบได้ในงานปี 2457[ 4]
และ 2479[ 5]
Trungpa Rinpoche และสถาบันนาโรปา (2517)[ แก้ ]
- Chogyam Trungpa Rinpoche, 2517 [ c]
ในอารัมภบทของหนังสือปี 2518 Glimpses of the Abhidharma (ประกายแห่งพระอภิธรรม) รินโปเช Chogyam Trungpa เขียนว่า
นักจิตวิทยาปัจจุบันจำนวนมากได้พบว่า สิ่งที่พบในคัมภีร์อภิธรรมตรงกับสิ่งที่ตนค้นพบและไอเดียที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้
เหมือนอย่างว่า พระอภิธรรมที่สอนเมื่อ 2,500 ปีก่อน ได้พัฒนาขึ้นใหม่โดยใช้สำนวนปัจจุบัน"[ 7] : 2
หนังสือของ Trungpa ยังกล่าวถึงลำดับปรากฏการณ์ในระดับนาโนวินาทีที่เกิดการรู้สัมผัสทางกาย โดยใช้แนวคิดในเรื่องขันธ์ 5
ในปี 2517 Trungpa ได้ตั้งสถาบันนาโรปา ปัจจุบันเรียกว่ามหาวิทยาลัยนาโรปา และเริ่มตั้งแต่ปี 2518 มหาวิทยาลัยที่มีการรับรองนี้ได้ให้ปริญญา ในสาขา "จิตวิทยาแบบพิจารณา (contemplative psychology)"[ 8] [ d]
ทะไลลามะและการสนทนาเรื่องจิตและชีวิต (2530)[ แก้ ]
ทุก ๆ สองปีตั้งแต่ปี 2530 องค์ทะไลลามะที่ 14 เทนซิน เกียตโซ ได้ทรงจัดตั้งงานประชุม "จิตและชีวิต (Mind and Life)" สำหรับทั้งพุทธศาสนิกชนและนักวิทยาศาสตร์[ e]
เมื่อพิจารณาย้อนหลังถึงการประชุมหนึ่งเช่นนี้ในเดือนมีนาคม 2543 นักจิตวิทยาแดเนียล โกลแมน ให้ข้อสังเกตว่า
ตั้งแต่พุทธกาล ในช่วง 5 ทศวรรษก่อนคริสต์ศักราช การวิเคราะห์จิตและการทำงานของจิตเป็นเรื่องสำคัญในการปฏิบัติของสาวกพระพุทธเจ้า
วิธีการวิเคราะห์เช่นนี้ได้จัดเป็นระบบในช่วง 1,000 ปีแรกหลังจากทรงปรินิพพาน เป็นระบบเรียกเป็นภาษาบาลี ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในสมัยพุทธกาลว่า พระอภิธรรม ซึ่งหมายความว่า "หลักสอนสุดยอด"
พุทธศาสนาทุกนิกายทุกวันนี้จะมีรูปแบบหนึ่งของคำสอนทางจิตวิทยานี้ โดยประกอบกับการขัดเกลาคำสอนของแต่ละนิกาย[ 6] : 72–73
ศาสนาพุทธและจิตวิเคราะห์[ แก้ ]
ครูสอนการปฏิบัติ ผู้รักษา และนักเขียนรวมทั้ง ไดเซตสึ เทอิทาโร ซูซูกิ, คาร์ล ยุง , เอริก ฟรอมม์, แอลัน วัตส์, Tara Brach, Jack Kornfield, Joseph Goldstein, และ Sharon Salzberg ได้พยายามเชื่อมและรวมจิตวิเคราะห์กับคำสอนจากพุทธศาสนา
ทนาย อังกฤษนักเขียนหนังสือพุทธคนหนึ่งเรียกการร่วมมือกันในกลางคริสต์ทศวรรษที่ 20 ของนักจิตวิเคราะห์ และนักวิชาการทางพุทธศาสนาว่าเป็นการประชุมกันของ
พลังสองอย่างที่มีอำนาจมากที่สุดที่กำลังทำงานในด้านจิตของชาวตะวันตกในปัจจุบัน"[ 17] : ปกหลัง
แต่ว่าหลังจากนั้น ผู้ปฏิบัติตามศาสนาพุทธได้แสดงความเป็นห่วงว่า การมองพุทธศาสนาผ่านมุมมองของจิตวิทยาแบบตะวันตกทำให้คำสอนการพ้นทุกข์ของพระพุทธเจ้าเสื่อมลง[ 18]
คนที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในการเผยแพร่ศาสนาพุทธในโลกตะวันตก ก็คือ นักวิชาการพุทธเซน ชาวญี่ปุ่น ไดเซตสึ เทอิทาโร ซูซูกิ โดยร่วมมือกับจิตแพทย์ คาร์ล ยุง และนักจิตวิทยา ศ. เอริก ฟรอมม์ และมีอิทธิพลต่อนักปรัชญา มาร์ติน ไฮเดกเกอร์[ 19]
นพ. คาร์ล ยุง เขียนคำนำในหนังสือของซูซูกิ คือ ศาสนาพุทธเซนเบื้องต้น (Introduction to Zen Buddhism) [ 20]
[ f]
ซึ่งเขาเน้นประสบการณ์การรู้แจ้งที่เซนเรียกว่า ซาโตริ (悟り) ว่าเป็น "การแปรสภาพไปสู่เอกภาพที่ไม่มีอะไรเสมอ" สำหรับนักปฏิบัติแบบเซน
และแม้ว่าจะยอมรับถึงความความพยายามที่ไม่สมบูรณ์ของชาวตะวันตกที่จะเข้าใจซาโตริผ่านแนวคิดทางปัญญาของชาวตะวันตก[ g]
ซูซูกิและฟรอมม์ (2500)[ แก้ ]
โดยอ้างการร่วมมือกันระหว่าง นพ. ยุง กับซูซูกิ รวมทั้งความพยายามของคนอื่น นักปรัชญามนุษยนิยม และนักจิตวิเคราะห์ ศ. ดร. เอริก ฟรอมม์ ให้ข้อสังเกตว่า
มีความสนใจที่ชัดเจนและเพิ่มขึ้นในพุทธศาสนาแบบเซนจากบรรดานักจิตวิเคราะห์[ 17] : 77–78
[ h]
ในปี 2500 ซูซูกิ ดร. ฟรอมม์ และนักจิตวิเคราะห์อื่น ๆ ได้ร่วมมือกันทำเวิ้ร์กฉ้อปเรื่อง "ศาสนาพุทธเซนกับจิตวิเคราะห์" ในเมือง Cuernavaca ประเทศเม็กซิโก [ i]
ในการเสนอของเขาที่เวิ้ร์กฉ้อป ดร. ฟรอมม์ประกาศว่า
จิตวิเคราะห์เป็นตัวแสดงวิกฤติการณ์ทางจิตวิญญาณของคนตะวันตก โดยเฉพาะ และเป็นการพยายามหาทางออก[ 17] : 80
เข้าอ้างว่า ตอนต้นคริสต์ทศวรรษที่ 20 คนไข้จิตวิเคราะห์เสาะหาการรักษาเพราะอาการเหมือนป่วยที่ขัดขวางกิจกรรมทางสังคม
แต่โดยกลางทศวรรษ คนไข้โดยมากไม่แสดงอาการอะไรให้ปรากฏ และดำเนินกิจกรรมไปด้วยดี แต่กลับมีปัญหากับ "ความไม่มีชีวิตชีวาของใจ" และว่า
ความทุกข์ที่สามัญคือ ความเหินห่างจากตนเอง จากเพื่อนมนุษย์ และจากธรรมชาติ เป็นความสำนึกว่า ชีวิตกำลังหมดไปเหมือนกับทรายไหลออกจากมือ และตนจะตายอย่างยังไม่ได้ใช้ชีวิต และว่า ตนอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์แต่กลับไร้ความสุข[ 17] : 85–86
ดร. ฟรอมม์กล่าวต่อไปโดยถอดคำของซูซูกิอย่างกว้าง ๆ ว่า
เซนเป็นศิลปะใน "การเห็นธรรมชาติในตน" เป็นวิธีดำเนิน "จากความเป็นทาสไปสู่อิสระ" เป็นการ "ปลดปล่อยพลังธรรมชาติของตน" ... และกระตุ้นให้เราแสดงสมรรถภาพทาง "ความสุขและความรัก"[ 17] : 115
[...]
สิ่งที่กล่าวได้ยิ่งกว่าแน่นอนก็คือความรู้และความสนใจเรื่องเซน สามารถมีอิทธิพลที่ไพบูลย์ต่อและช่วยอธิบายทฤษฎีและเทคนิคทางจิตวิเคราะห์
เซน แม้ว่าจะมีวิธีต่างจากจิตวิเคราะห์ สามารถช่วยทำอะไร ๆ ให้ชัดเจน เพิ่มความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของปัญญา และเพิ่มความเข้าใจว่าการเห็นเป็นอะไร ความคิดสร้างสรรค์เป็นอะไร การข้ามความมัวหมองทางใจและความคิดผิด ๆ ที่เป็นผลที่เลี่ยงไม่ได้จากประสบการณ์ที่มีการแยกกันระหว่างผู้รู้-สิ่งที่รู้[ 17] : 140
เดวิด เบรเซียร์เป็นนักจิตบำบัดที่ผสมเทคนิคจิตบำบัดกับศาสนาพุทธ
เบรเซียร์ได้ชี้ว่ามีคำแปลได้หลายอย่างสำหรับคำบาลีว่าอริยสัจ 4 ซึ่งทำให้เข้าใจสัจจะเหล่านั้นได้ในรูปแบบใหม่ ๆ
คำแปลทั่วไปของคำว่า สมุทัย และนิโรธ ก็คือ "เหตุ" และ "ความดับ"
เมื่อบวกกับคำแปลของคำว่าทุกข์ จึงเกิดคำอธิบายเหตุของความทุกข์ และความประทับใจว่าทุกข์สามารถกำจัดได้อย่างสิ้นเชิง
เบรเซียร์ได้เสนอคำแปลใหม่ ซึ่งตีความอริยสัจ 4 อีกแบบหนึ่ง คือ
ทุกข์ คือ ชีวิตไม่เพอร์เฟกต์ เหมือนกับล้อที่ประกอบเข้ากับเพลาไม่ดี
สมุทัย คือ ตัณหาเกิดขึ้นพร้อมกับการประสบทุกข์ เป็นความกระหาย ความไม่พอใจกับสิ่งที่เป็น และความต้องการว่า ชีวิตควรจะต่างจากที่มันเป็น เราถูกขังอยู่ในตัณหาเมื่อไม่เห็นความจริงตามที่เป็น คือว่าไม่เพอร์เฝ็กต์ และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
นิโรธ คือ เราสามารถจำกัดตัณหา (ว่าน่าจะเป็นต่างจากที่เป็น) และรู้ความจริงดังที่เป็น ดังนั้น "ความทุกข์จากความไม่เพอร์เฝ็กต์" ก็จะเกิดอย่างจำกัด
มรรค คือ การจำกัดความทุกข์ที่เป็นไปได้โดยดำเนินตามมรรคมีองค์แปด
ในการแปลเช่นนี้ สมุทัยหมายถึงว่า ความยากลำบากที่เป็นปกติของชีวิต (คือทุกข์) จะเกิดพร้อมกับตัณหาหรือความปรารถนา (คือสมุทัย) ว่า ชีวิตควรจะต่างไปจากนี้ นิโรธ หมายถึงการจำกัดตัณหาที่เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถที่จะหนีได้หรือหมดไปได้ แต่สามารถจำกัดได้ ซึ่งให้อิสรภาพแก่เรา
นักจิตบำบัด นพ. มาร์ก เอ็ปสไตน์ สัมพันธ์อริยสัจ 4 กับ "โรคหลงตัวเองหลัก" (primary narcissism) ดังที่อธิบายโดย นพ. โดนัลด์ วินนิค็อตต์ ในทฤษฎีตนจริงตนปลอม (True self and false self)[ 27]
สัจจะแรกเน้นความหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตที่จะเกิดความลบหลู่ต่อความภาคภูมิใจแบบหลงตัวเอง
สัจจะที่สองกล่าวถึงความกระหายดั้งเดิมที่ทำให้ความลบหลู่เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้
ส่วนสัจจะที่สามให้ความหวังของอิสรภาพโดยพัฒนาความคิดความรู้สึกเกี่ยวกับตนที่สมจริง และสัจจะที่สี่บอกวิธีการทำให้สำเร็จเช่นนั้น[ 29]
การใช้ข้อปฏิบัติในศาสนาเพื่อการรักษา[ แก้ ]
มากกว่าพันปีแล้ว ที่มีการใช้ข้อปฏิบัติทางพุทธศาสนาทั่วโลกเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักจิตวิทยาคลินิกชาวตะวันตก นักทฤษฎี และนักวิจัยได้รวมข้อปฏิบัติของพุทธในวิธีจิตบำบัดมากมายที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบ
โดยเฉพาะแล้ว คือรวมการฝึกสติ โดยตรงเป็นเทคนิคการรักษาทางจิต[ 30]
และโดยอ้อม ๆ แล้ว จิตบำบัดที่อาศัยการเปลี่ยนความคิด (cognitive restructuring) มีหลักคล้ายกับการกำจัดความทุกข์ในศาสนาพุทธ
ดร. ฟรอมม์[ 31] : 49–52
แยกแยะวิธีการเจริญทักษะสองอย่างที่ใช้ในการบำบัด คือ
Autosuggestion (การแนะนำตัวเองหรือสะกดจิตตัวเอง) เพื่อให้ผ่อนคลาย
การเจริญกรรมฐาน ที่ "ให้เกิด อโลภะ อโทสะ และอโมหะ ในระดับที่สูงขึ้น สั้น ๆ ก็คือ ช่วยให้มีชีวิตในระดับสูงขึ้น"
ดร. ฟรอมม์แสดงที่มาของเทคนิกหลังกว่ามาจากการฝึกสติในศาสนาพุทธ[ j]
วิธีการรักษาที่นิยมขึ้นเรื่อย ๆ สองอย่างที่ใช้เทคนิคการเจริญสติของพุทธศาสนาก็คือ การลดความเครียดอาศัยสติ (Mindfulness-based Stress Reduction ตัวย่อ MBSR) ของ ศ.ดร.จอน คาแบต-ซินน์ และพฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี (Dialectical behavior therapy ตัวย่อ DBT) ของ ศ.ดร.มาชา ไลน์แฮน
การบำบัดเด่นอื่น ๆ ที่ใช้สติรวมทั้งการรักษาด้วยการยอมรับและการให้สัญญา (Acceptance and Commitment Therapy ตัวย่อ ACT) ของ ศ.ดร.สตีเวน ซี. เฮย์ส
การฝึกการปรับตัว (Adaptation Practice) ของจิตแพทย์และคนพุทธเซน คือ นพ. คลิฟ เชอร์สล็อก
และการบำบัดความคิดอาศัยสติ (Mindfulness-based Cognitive Therapy ตัวย่อ MBCT)[ 33]
นักวิจัยการรักษาพบว่า การฝึกสติของศาสนาพุทธช่วยบรรเทาความวิตกกังวล ความซึมเศร้า และความผิดปกติทางบุคลิกภาพ บางอย่าง
การลดความเครียดอาศัยสติ (MBSR)[ แก้ ]
ดร. คาแบต-ซินน์ได้พัฒนาโปรแกรม MBSR ยาว 8 สัปดาห์โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี ในการรักษาคนไข้ 4,000 คนที่ศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์[ 34] : 1
เขาได้เขียนกล่าวถึง MBSR ไว้ว่า
"งาน" นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกเป็นปกติอย่างมีวินัยในการสำนึกจากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่ง หรือที่เรียกว่า สติ เป็นการยอมรับทุก ๆ ขณะที่คุณรู้สึก ไม่ว่าจะดี ชั่ว หรือไม่น่ารัก
นี้เป็นแก่นสารของการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ [ 34] : 11
ดร. คาแบต-ซินน์ผู้เคยปฏิบัติตามแนวพุทธเซน กล่าวไว้ว่า
[ k]
แม้ว่าในเวลานี้การฝึกสติโดยมากจะสอนและปฏิบัติในบริบทของศาสนาพุทธ แต่ว่า สาระของมันเป็นเรื่องสากล
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าการเจริญสติเป็นคำสอนที่มาจากศาสนาพุทธ ที่ธุระหลักเป็นการเปลื้องความทุกข์และกำจัดความเข้าใจผิด[ 35] : 12–13
ในด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ เพื่อรักษา มีข้อพิสูจน์แล้วว่า MBSR มีประโยชน์ต่อคนไข้โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล แต่ (จริง ๆ แล้ว) โปรแกรมมุ่งหมายช่วยทุกคนที่ประสบกับความเครียด/ความทุกข์ในระดับสำคัญ
หลักของโปรแกรมอยู่ที่การฝึกอบรมจิตตามแนวทางพุทธอย่างกวดขันโดยไม่รวมเอาศาสนาพุทธ (นี่เป็นสำนวนที่ผมชอบใช้) และโยคะ [ 36]
พฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี (DBT)[ แก้ ]
เมื่อกล่าวถึง DBT ผู้ปฏิบัติพุทธแบบเซน [ l]
ดร. ไลน์แฮน[ 37] กล่าวว่า
ดังที่ชื่อของมันแสดง ลักษณะสำคัญที่สุดของมันคือการเน้นเรื่อง "วิภาษวิธี " ซึ่งก็คือ การสมานฉันท์สิ่งตรงข้ามโดยเป็นการสังเคราะห์อย่างต่อเนื่อง...
การเน้นเรื่องการยอมรับโดยเป็นตัวถ่วงดุลต่อความเปลี่ยนแปลง มาจากการรวมมุมมองโดยตรงจากข้อปฏิบัติของโลกตะวันออก (เซน) กับข้อปฏิบัติทางจิตวิทยาของโลกตะวันตก
และได้กล่าวคล้าย ๆ กันอีกว่า[ 38] : 63
ทักษะเกี่ยวกับสติเป็นเรื่องหลักของ DBT เป็นทักษะที่สอนเป็นอย่างแรกและทบทวน ... ทุก ๆ อาทิตย์ ... ทักษะเป็นการปฏิบัติอบรมจิตในรูปแบบของจิตวิทยา และพฤติกรรมนิยม ที่มาจากการฝึกจิตวิญญาณของโลกตะวันออก ซึ่งดิฉันได้รับมาจากการปฏิบัติของเซนมากที่สุด
งานศึกษาทางคลินิกที่มีกลุ่มควบคุม ได้แสดงประสิทธิผลของ DBT ต่อคนไข้ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (BPD)
[ m]
การรักษาด้วยการยอมรับและการให้สัญญา (ACT)[ แก้ ]
ส่วนการรักษาด้วยการยอมรับและการให้สัญญา (ACT) ไม่ได้มาจากศาสนาพุทธโดยตรง แต่แนวคิตต่าง ๆ บ่อยครั้งจะขนานกับของศาสนาพุทธและความเชื่อทางรหัสยลัทธิ อื่น ๆ[ 41] [ 42]
ผู้ริเริ่ม ACT ได้กำหนดนิยามไว้ว่า เป็นวิธีที่ "ใช้กระบวนการยอมรับ กระบวนการทางสติ กระบวนการตกลงใจที่จะทำ และกระบวนการเริ่มพฤติกรรม ที่ช่วยปรับใจให้เข้ากับสถานการณ์ได้"[ 43]
สติใน ACT หมายถึงการรวมด้านต่าง ๆ 4 ด้านของแบบจำลองการปรับใจให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ ACT ประยุกต์ใช้ คือ
การยอมรับ คือ การเปิดใจต่อและการรับมือกับประสบการณ์ปัจจุบัน
การปลดภัยจากความคิด คือ การใส่ใจกระบวนการความคิดตามที่เป็นไป แทนที่จะปฏิสัมพันธ์อย่างอัตโนมัติกับเหตุการณ์ตามความคาดหมาย การตัดสินดีชั่ว และการตีความ
อยู่กับปัจจุบัน คือ การใส่ใจในโลกภายในภายนอกอย่างยืดหยุ่นได้ ลื่นไหลได้ และอย่างสมัครใจ
ความรู้สึกที่เหนือตน หรือ ตนโดยเป็นบริบท (self as context) คือเป็นความรู้สึกทางจิตวิญญาณที่เชื่อมต่อกันที่รักษาความสำนึกเกี่ยวกับ "ตัวเอง/ที่นี่/เดี๋ยวนี้" และการเชื่อมต่อกับ "คนอื่น/ที่โน่น/ตอนนั้น"[ 43]
ด้านต่าง ๆ ของสติใน ACT เหล่านี้ อ้างว่ามาจาก Relational Frame Theory (ตัวย่อ RFT) ซึ่งเป็นโปรแกรมงานวิจัยเกี่ยวกับภาษา และการรู้คิด ที่เป็นฐานของ ACT
ยกตัวอย่างเช่น ตนโดยเป็นบริบท (self as context) มาจากความสัมพันธ์แบบชี้เฉพาะของคำ (deictic verbal relation) เช่น ฉัน/คุณ ที่นี่/ที่โน่น ซึ่งงานวิจัย RFT แสดงว่าช่วยสร้างทักษะการเปลี่ยนมุมมองและการเชื่อมต่อกับบุคคลอื่น[ 44] [ 45]
หนังสือแบบช่วยตัวเองเกี่ยวกับ ACT (เช่น[ 46] )
และวิธีการแบบ ACT อื่นที่ทดสอบแล้ว จะสอนการฝึกการพินิจพิจารณา แต่ถ้าใช้นิยามนี้ของคำว่าสติ ทักษะการปลดภัยจากความคิด เช่นการกล่าวคำซ้ำ ๆ (คือ จากความคิดที่มีปัญหา ให้กลั่นความมาให้เหลือคำเดียว แล้วกล่าวคำซ้ำ ๆ ให้ได้ยินเป็นเวลา 30 วินาที) ก็ยังมองว่าเป็นวิธีการทางสติด้วย
จิตแพทย์ ชาวอังกฤษ นพ. คลิฟ เชอร์สล็อก ที่ฝึกการปฏิบัติแบบเซน จากสำนักรินไซ ได้พัฒนาการฝึกการปรับตัว (Adaptation Practice ตัวย่อ Ap) ในปี 2520 มีฐานจากข้อปฏิบัติและการอบรมจิตแบบเซนที่ฝึกสติ/ความสำนึกอย่างลึกซึ้งในชีวิตประจำวัน มีการใช้การฝึกการปรับตัวเพื่อบรรเทาความซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความโกรธ ความเครียด และปัญหาทางอารมณ์อย่างอื่นในระยะยาว
ศ. ดร. แอลเบิรต์ เอลลิส ผู้เรียกได้ว่าเป็น "คุณปู่ของการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT)" ได้เขียนไว้ว่า
หลักการหลายอย่างที่รวมอยู่ในทฤษฎีของ Rational emotive behavior therapy (ตัวย่อ REBT) ไม่ใช่เรื่องใหม่
บางอย่างจริง ๆ ดั้งเดิมมาจากหลายพันปีก่อน โดยเฉพาะจากนักปรัชญาลัทธิสโตอิก ชาวกรีก และโรมัน เช่น Epictetus และมาร์กุส เอาเรลิอุส และจากนักคิดลัทธิเต๋า และพุทธศาสนา (ดู Suzuki 1956[ 47] ,
Watts 1959[ 48] )[ 49] [ n]
ตัวอย่างหนึ่งก็คือ พุทธศาสนากำหนดว่าความโกรธ และพยาบาทเป็นเครื่องขวางกั้น การพัฒนาทางจิต (ดู นิวรณ์ สังโยชน์ และกิเลส )
วิธีแก้ความโกรธที่สามัญก็คือการพินิจพิเคราะห์อย่างต่อเนื่องโดยเป็นความคิดที่ประกอบด้วยความเมตตา นี่คล้ายกับการใช้เทคนิค CBT ที่เรียกว่า การฝึกอารมณ์ (emotional training) ซึ่ง ดร.เอลลิส[ 51] : 86–87
ได้กล่าวไว้อย่างนี้ว่า
ให้คิดถึงประสบการณ์ที่มีความสุขอย่างยิ่งกับบุคคลที่คุณตอนนี้กำลังรู้สึกโกรธ
เมื่อคุณได้จินตนาการถึงประสบการณ์ความสุขเช่นนี้ และได้ความรู้สึกที่ดีกว่าปกติ ที่รู้สึกอบอุ่น เกี่ยวกับบุคคลนั้นโดยเป็นผลของการระลึกถึงความจำ ให้ทำอย่างนี้ต่อไป
ให้ระลึกถึงประสบการณ์แห่งความสุขและความรู้สึกดี ๆ และพยายามทำความรู้สึกเหล่านี้ให้เหนือกว่าความรู้สึกเป็นศัตรู
[ o]
จิตวิทยาและความเชื่อจิตวิญญาณยอดนิยม (โลกตะวันตก)[ แก้ ]
บุคคลหลักที่ทำให้นิยม[ แก้ ]
ในปี 2504 นักปรัชญาและศาสตราจารย์ แอลัน วัตส์ ได้เขียนไว้ว่า
ถ้าเราพินิจพิจารณาอย่างละเอียดถึงการใช้ชีวิตแบบพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า ลัทธิเวทานตะ และโยคะ เราจะไม่พบทั้งปรัชญา หรือศาสนา ดังที่เข้าใจในโลกตะวันตก
เราจะพบอะไรเกือบเหมือนกับวิธีการจิตบำบัด
ความคล้ายคลึงหลักระหว่างวิถีชีวิตโลกตะวันออกเช่นนี้กับจิตบำบัดโลกตะวันตก ก็คือ จุดมุ่งหมายของทั้งสองก็เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิต เปลี่ยนแปลงความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของเราเอง และความสัมพันธ์ของเรากับสังคมมนุษย์และโลกธรรมชาติ
นักจิตบำบัดส่วนมากให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนจิตใจของบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตประสาท
แต่ว่าการฝึกฝนของพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า เป็นการเปลี่ยนจิตใจของบุคคลปกติที่ปรับตัวเข้าสังคมได้[ 52] : 3–4
ตั้งแต่สังเกตการณ์และการใคร่ครวญเช่นนี้ของ ดร. วัตส์ ก็ได้มีคนช่วยสร้างความนิยมเพื่อรวมการอบรมจิตทางพุทธศาสนาเข้ากับจิตวิทยารวมทั้ง
Jack Kornfield (1993)[ 53] ,
Joseph Goldstein,
ดร. Tara Brach,
ศ. นพ. มาร์ก เอ็ปสไตน์ (1995)[ 54]
และพระภิกษุชาวเวียดนาม ทิก เญิ้ต หั่ญ (1998)[ 55]
คำเตือนเกี่ยวกับพุทธศาสนาแบบโรแมนติก[ แก้ ]
จิตวิทยาแบบโรแมนติก /มนุษยนิยม
พุทธศาสนาต้น ๆ
ปัญหาทางจิต
ตนที่ถูกแบ่ง
การยึดมั่นถือมั่น
เป้าสูงสุด
ความรู้สึกเป็นหนึ่ง
การแทงตลอด พระนิพพาน
การแก้ปัญหา
การรวมตัวอย่างต่อเนื่อง
พระนิพพาน
พระภิกษุสายป่าไทยชาวอเมริกัน อ. ฐานิสฺสโร (Geoffrey DeGraff)[ 56]
กำหนดความคล้ายคลึงกันอย่างกว้าง ๆ ระหว่าง "จิตวิทยาโรแมนติก/มนุษยนิยม" กับศาสนาพุทธยุคต้น ๆ ว่าเป็นความเชื่อในการกระทำ/การแทรกแซงของมนุษย์ (เทียบกับของพระเจ้า) โดยวิธีที่อาศัยประสบการณ์ ปฏิบัติได้ และช่วยรักษาบำบัดได้
ท่านแสดงรากฐานของอุดมคติทางจิตวิญญาณของชาวตะวันตกปัจจุบันไปยังนักปรัชญา ชาวเยอรมันสมัยโรแมนติกอิมมานูเอล คานต์ ต่อจากนั้นนักจิตวิทยาและนักปรัชญาชาวอเมริกัน นพ. วิลเลียม เจมส์ จิตแพทย์คาร์ล ยุง แล้วตามด้วยนักจิตวิทยามนุษยนิยม ศ. ดร. อับราฮัม มาสโลว์
ท่านยืนยันว่า มีความต่างหลัก ๆ ระหว่างจิตวิทยาโรแมนติก/มนุษยนิยมกับพุทธศาสนา
ซึ่งสรุปความอยู่ในตาราง
และชี้อ้อม ๆ ผู้ที่ยัดเยียดเป้าหมายของจิตวิทยาโรแมนติก/มนุษยนิยมในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าเป็น "คนโรแมนติกพุทธ" (จินตนิยมพุทธ)
มีนักเขียนเสนอแนวคิดพุทธปัจจุบันที่กล่าวในลักษณะเดียวกัน
โดยเข้าใจถึงปัญหาความเหินห่างทางสังคมในชีวิตปัจจุบัน อ. ฐานิสฺสโรเขียนว่า
เมื่อจินตนิยมพุทธพูดถึงปัญหาเหล่านั้น นั่นก็จะเปิดประตูประเด็นต่าง ๆ ทางธรรมะที่สามารถช่วยคนให้ได้การปลอบประโลมใจที่กำลังแสวงหา
และการทำเยี่ยงนั้นเป็นการเพิ่มพูนผลงานที่ทำโดยจิตบำบัด [...] แต่ว่า จินตนิยมพุทธก็ยังเป็นการปิดประตูประเด็นต่าง ๆ ทางธรรมะที่ค้านความหวังของบุคคลผู้ปรารถนาความสุขสุดยอดแบบอาศัยการเชื่อมต่อกัน (interconnectedness)
(เพราะว่า) ธรรมะแบบดั้งเดิมเรียกร้องให้มีเนกขัมมะ และจาคะ โดยตั้งอยู่ในความจริงว่า อะไรที่เชื่อมต่อกันย่อมไม่เที่ยง และความสุขอะไร ๆ ที่อิงความไม่เที่ยงนี้เป็นการเชื้อเชิญหาความทุกข์
ความสุขที่แท้จริงจะต้องยิ่งไปกว่าการพึ่งพาอาศัยกันและกันและความเชื่อมต่อกัน คือต้องก้าวไปถึงสิ่งที่ไม่มีปัจจัย (พระนิพพาน ) [...]
(และ) ประตูทางจินตนิยมพุทธก็จะปิดเรื่องที่เป็นรากฐานธรรมะที่ออกแบบเพื่อแก้ความทุกข์ระดับต่าง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่แม้บุคคลจะได้เชี่ยวชาญการได้ความเป็นเอกภาพแล้ว"[ 56]
นักวิจัยที่สนใจศึกษาส่วนที่เชื่อมต่อกันระหว่างศาสนาพุทธและจิตวิทยาในทวีปอเมริกาเหนือจำต้องปรับตนให้เข้ากับโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับโลกตะวันออกและกับจิตวิทยา หรือว่าต้องศึกษาเอาเอง
โปรแกรมการศึกษาอุทิศให้กับทั้งพุทธศาสนาและจิตวิทยาในทวีปอเมริกาเหนือในสถาบันที่ได้รับการรับรองมีน้อยมาก
แต่ว่า มหาวิทยาลัยโทรอนโต มีวิชารอง (อีกไม่นานจะเป็นวิชาหลัก) ที่เรียกว่า "พุทธศาสนากับสุขภาพจิต (Buddhism and Mental Health)"[ 58]
สำหรับการฝึกทางคลินิก มีโปรแกรมระดับปริญญาโท[ 59] ที่เรียกว่า Contemplative Psychotherapy (จิตบำบัดแบบพิจารณา) ที่มหาวิทยาลัยนาโรปาในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ที่ได้การรับรอง
เป็นหลักสูตรลูกผสมระหว่างจิตวิทยาพุทธกับวิธีการทางจิตบำบัดของชาวตะวันตก โดยจัดให้มีค้อร์สปฏิบัติแบบรวมหลายครั้ง และให้มีการปฏิบัติอบรมจิตอย่างต่อเนื่อง
เป็นโปรแกรมที่ตั้งขึ้นในปี 2521 และออกเบบเพื่อเตรียมตัวสอบรับใบอนุญาตเป็นผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพ[ 60]
↑
ศาสนาพุทธเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า (ประมาณ 563-483 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตามมุมมองของชาวตะวันตก )
ส่วนการตั้งสาขาจิตวิทยาที่มองตนเอง โดยเป็นการประเมินกิจกรรมทางใจและพฤติกรรมของมนุษย์โดยใช้หลักฐาน มักจะเริ่มกำหนดโดยงานของ Wilhelm Wundt (16 สิงหาคม 2375 - 31 สิงหาคม 2463)
↑
แนวคิดว่า จิตเป็นลำดับสภาวะ เหมือนกับช่องฟิล์ม แม้ว่าจะไม่ขัดกับแนวคิดของจิตในคัมภีร์นิกายต่าง ๆ (แต่) เป็นเรื่องที่พบได้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์บาลีอภิธรรม[ 2] : 29
↑
ศ. แดเนียล โกลแมนผู้กำลังสอนจิตวิทยา อยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในเวลานั้น ได้บันทึกไว้ว่า "ไอเดียว่า ศาสนาพุทธจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาเป็นเรื่องเหลวไหลชัด ๆ สำหรับพวกเราโดยมากในสาขาในเวลานั้น
แต่ทัศนคติเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนซื่อ ๆ ของพวกเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาสนาพุทธ
มันเป็นข่าวเลยว่า ศาสนาพุทธ ที่คล้ายกับวัฒนธรรมประเพณีทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มากมายของโลก มีทฤษฎีเกี่ยวกับจิตและการทำงานของมัน"[ 6] : 72
↑
มหาวิทยาลัยนาโรปาได้เป็นที่ประชุมและสถาบันฝึกสอนสำหรับบุคคลต่าง ๆ ที่ได้ช่วยทำให้จิตวิทยาที่ใช้สาระจากศาสนาพุทธและคำสอนแนวพุทธที่เข้าใจเรื่องจิตวิทยาดี เป็นที่นิยมมากที่สุด บุคคลเช่น Jack Kornfield และ Joseph Goldstein
↑
หนังสือที่บันทึกการประชุมเหล่านี้รวมทั้ง Begley (2007),
Davidson & Harrington (2002)[ 9] ,
Goleman (1997)[ 10] ,
Goleman (2004)[ 11] ,
Harrington & Zajonc (2006)[ 12] ,
Hayward & Varela (2001)[ 13] ,
Houshmand et al. (1999)[ 14] ,
Varela (1997)[ 15] ,
และ Zajonc & Houshmand (2004)[ 16]
↑
ทั้ง Fromm (1960)[ 17]
และ Ellis (1962)[ 21]
อ้างว่างานนีมีอิทธิพล
↑
โดยเฉพาะก็คือ หมอยุงอ้างคำกล่าวว่า "เซนไม่ใช่ทั้งจิตวิทยาหรือปรัชญา"[ 20] : 11
แต่ก็ยังกล่าวว่า
ขบวนการอย่างเดียวภายในวัฒนธรรมของเราซึ่งเข้าใจหรือควรจะเข้าใจเป็นบางส่วนในเรื่องแรงบันดาลใจเยี่ยงนี้ (คือ เพื่อการรู้แจ้ง) ก็คือ จิตบำบัด
ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าคำนำนี้เขียนโดยนักจิตบำบัดคนหนึ่ง ...
(เพราะ) โดยพื้นฐานแล้ว จิตบำบัดเป็นความสัมพันธ์แบบโต้แย้งด้วยเหตุผลระหว่างแพทย์กับคนไข้ ...
โดยมีจุดมุ่งหมายคือการเปลี่ยนแปลง[ 20] : 25
↑
เพื่อที่จะสนับสนุนข้อความนี้ ดร. ฟรอมม์อ้างอิงคำนำของ นพ. ยุงในงานของซูซูกิ, Benoit (1955)[ 22] , และ Sato (1958)[ 23]
นอกจากนั้น ดร. ฟรอมม์ยังอ้างถึงนักจิตวิเคราะห์แคเร็น ฮอร์ไนผู้ "สนใจอย่างยิ่งยวดในศาสนาพุทธช่วงท้ายชีวิตของเธอ"
↑
งานที่เสนอบางงานอยู่ใน Fromm et al. (1960)[ 17] : vii
ความสนใจในพุทธศาสนาของ ดร.ฟรอมม์รวมพุทธหลายนิกาย ดังที่ปรากฏในคำนำของเขาในหนังสือปี 1986[ 24]
↑
เพื่ออ้างแหล่งที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการฝึกสติในศาสนาพุทธ ดร. ฟรอมม์ (2002) อ้างหนังสือของพระภิกษุญาณโปณิก (1996)[ 32]
แล้วเขียนในหน้า 52-53 ไว้ว่า
มีหลักคำสอน 2 อย่างที่ยอมรับได้สำหรับคนที่แม้ไม่ใช่คนพุทธเช่นตัวผมเอง แต่ก็ยังทำให้รู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งในหลักคำสอน
หลักแรกสุดที่ผมหมายถึงก็คือหลักว่า เป้าหมายในชีวิตก็เพื่อเอาชนะความโลภ ความโกรธ และความหลง
ในด้านนี้ ศาสนาพุทธไม่ได้ต่างจากหลักมาตรฐานทางจริยธรรมของคนยิว และคนคริสต์
(แต่) แนวคิดศาสนาพุทธอีกอย่างที่สำคัญกว่าและต่างจากจารีตของคนยิวและคนคริสต์ ก็คือ การเรียกร้องให้มีความสำนึกอย่างเหมาะสมที่สุดต่อกระบวนการต่าง ๆ ทั้งภายในภายนอกตนเอง
↑
ในหนังสือปี 2005[ 35]
ดร. คาแบต-ซินน์ได้เขียนไว้ว่า
เพราะว่าผมปฏิบัติและสอนการฝึกสติ ผมมีประสบการณ์ซ้ำ ๆ ว่า คนบ่อยครั้งคาดคะเนว่าผมนับถือศาสนาพุทธ
และเมื่อถาม ผมปกติจะตอบว่า ผมไม่ได้นับถือ (แม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งในชีวิตที่ผมคิดว่าเป็นคนพุทธ ได้ฝึกและยังฝึกสติ และเคารพรักอย่างยิ่งในทั้งพุทธสายต่าง ๆ และข้อปฏิบัติพุทธ)
แต่ผมเป็นนักศึกษาการฝึกอบรมจิตแบบพุทธ และเป็นคนที่เอาใจใส่ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมเป็นคนพุทธ แต่เพราะว่าผมพบว่าทั้งคำสอนและข้อปฏิบัติเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งและประยุกต์ใช้ได้กับทุกคนทุกสถานการณ์ ทั้งเพื่อแสดงความจริงและเพื่อการรักษา
↑ ตาม ดร. คาแบต-ซินน์ (2005)[ 35] : 431
"มาร์ชา ไลน์แฮนเองเป็นนักปฏิบัติแบบเซนมายาวนาน และ DBT ก็รวมทั้งเจตนาและหลักเกี่ยวกับสติ และข้อปฏิบัติตามคำสอนอื่น ๆ เท่าที่จะเป็นไปได้"
↑ เกี่ยวกับประสิทธิผลที่มีหลักฐานเชิงประสบการณ์ ของ DBT หนังสือของ ดร. ไลน์แฮนปี 1993b[ 38] : 1 อ้างอิง Linehan et al. . (1991)[ 39] และ Linehan & Heard (1993)[ 40]
ประสบการณ์ทางคลินิกแสดงว่า DBT มีประสิทธิผลต่อคนไข้ BPD และความผิดปกติทางบุคลิกภาพ Axis II ในกลุ่ม B
↑
ในหนังสือปี 1991[ 49] : 336–37
เมื่อตอบปัญหาที่ยกโดย ดร. วัตส์ (1960)[ 50]
เกี่ยวกับวิธีการทางจิตบำบัดที่ออกเชิงเหตุผลนิยมมากเกินไป ดร. เอลลิสได้เตือนให้พิจารณาการปฏิบัติเพื่อความเจริญทางจิตวิญญาณแบบคล้ายเซนโดยเฉพาะ
เขาได้ให้ข้อสังเกตว่า "บางทีจุดหมายหลัก" ของคนไข้ใน REBT "ก็คือการตกลงใจ/การสมาทาน การเสี่ยงทำ ความสุขในการมีชีวิต
และประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส ตราบเท่าที่มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความสุขชั่วคราวที่ทำลายตัวเองเหมือนแบบเด็ก ๆ...."
และกล่าวเพิ่มว่า
แม้แต่ความพยายามของพุทธศาสนิกชนชาวเซนเพื่อให้ได้ความรู้สึกแบบอุกฤษฏ์ หรือที่เรียกว่า ซาโตริ ก็ยังเข้ากับจุดหมายบางอย่างที่ผู้อุทิศทำตามการใช้ชีวิตแบบ rational-emotive อาจจะสืบหา ตราบเท่าที่ไม่ได้ใช้การรู้สึกเช่นนี้หนีจากการเผชิญหน้ากับความวิตกกังวลหรือความมุ่งร้ายขั้นมูลฐานของเขา
↑
ในตัวอย่างที่อ้างอิงจาก Ellis (1997) บุคคลพยายามเปลี่ยนความรู้สึกเป็นศัตรูด้วยความรู้สึกเป็นสุขที่มีกับบุคคลเดียวกัน
(แต่ว่า) โดยทั่วไป ตามการเจริญเมตตาของชาวพุทธ บุคคลจะน้อมให้เกิดความรู้สึกเมตตาโดยคิดถึงบุคคลที่มีคุณ แล้วจึงใช้ความรู้สึกอบอุ่นที่ตัวเองน้อมให้เกิดขึ้นแผ่ซึมซาบเข้าไปแทนที่ประสบการณ์ความรู้สึกว่าเป็นศัตรู
นอกจากนั้นแล้ว การเจริญเมตตา ของชาวพุทธเป็นการแผ่ความรู้สึกไปยังสัตว์ทั้งปวง ไกลหรือใกล้ ดีหรือชั่ว เป็นมนุษย์ หรืออมนุษย์
↑ Kress, Oliver (1993). "A new approach to cognitive development: ontogenesis and the process of initiation" . Evolution and Cognition . 2 (4): 319–332.
↑ 2.0 2.1 Bhikkhu Bodhi (2000). A Comprehensive Manual of Abhidhamma: The Abhidhammattha Sangaha of Ācariya Anuruddha . Seattle, WA: BPS Pariyatti Editions. ISBN 1-928706-02-9 .
↑ 3.0 3.1 Rhys Davids; Caroline A. F. (2003) [1900]. Manual of Psychological Ethics, of the Fourth Century B.C. Whitefish, MT: Kessinger Publishing. ISBN 0-7661-4702-9 . Manual of Psychological Ethics, of the Fourth Century B.C. being a Translation, now made for the First Time, from the Original Pāli, of the First Book of the Abhidhamma-Piṭ aka, entitled Dhamma-Saṅ gaṇ i (Compendium of States or Phenomena)
↑ Rhys Davids; Caroline A. F. (1914). Buddhist Psychology: An Inquiry into the Analysis and Theory of Mind in Pali Literature . London: Bell and sons.
↑ Rhys Davids; Caroline A. F. (1936). Birth of Indian Psychology and its Development in Buddhism .
↑ 6.0 6.1 Goleman, Daniel (2004). Destructive Emotions: A Scientific Dialogue with the Dalai Lama . NY: Bantam Dell. ISBN 0-553-38105-9 .
↑ Trungpa, Chogyam (2001) [1975]. Glimpses of Abhidharma: From a Seminar on Buddhist Psychology . Boston, MA: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-764-9 .
↑ Schwartz, 1995, pp. 315-16).
↑ Davidson, Richard J; Harrington, Anne, บ.ก. (2002). Visions of Compassion: Western Scientists and Tibetan Buddhists Examine Human Nature . NY: Oxford University Press. ISBN 0-19-513043-X .
↑ Goleman, Daniel, บ.ก. (1997). Healing Emotions: Conversations With the Dalai Lama on Mindfulness, Emotions, and Health . Boston: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-212-4 .
↑ Goleman, Daniel (2004). Destructive Emotions: A Scientific Dialogue with the Dalai Lama . NY: Bantam Dell. ISBN 0-553-38105-9 .
↑ Harrington, Anne; Zajonc, Arthur (2006). The Dalai Lama at MIT . Harvard University Press. ISBN 0-674-02319-6 .
↑ Hayward, Jeremy W; Varela, Francisco J, บ.ก. (2001) [1992]. Gentle Bridges: Conversations with the Dalai Lama on the Sciences of Mind . Boston: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-893-9 .
↑ Houshmand, Zara; Livingston, Robert B; Wallace, B. Alan, บ.ก. (1999). Consciousness at the Crossroads: Conversations with the Dalai Lama on Brain Science and Buddhism . Ithica: Snow Lion Publications. ISBN 1-55939-127-8 .
↑ Varela, Francisco J, บ.ก. (1997). Sleeping, Dreaming, and Dying: An Exploration of Consciousness with the Dalai Lama . Somerville, MA: Wisdom Publications. ISBN 0-86171-123-8 .
↑ Zajonc, Arthur; Houshmand, Zara, บ.ก. (2004). The New Physics and Cosmology: Dialogues with the Dalai Lama . NY: Oxford University Press. ISBN 0-19-515994-2 .
↑ 17.0 17.1 17.2 17.3 17.4 17.5 17.6 17.7 Fromm, Erich; Suzuki, DT; De Martino, Richard (1960). Zen Buddhism and Psychoanalysis . NY: Harper & Row. ISBN 0-06-090175-6 .
↑ "Is Western Psychology Redefining Buddhism?" . Lion's Roar . 13 พฤษภาคม 2014.
↑ Jørn Borup. Buddhism in the West . Encyclopedia of Sciences and Religions . Springer Nature. pp. 290–297. doi :10.1007/978-1-4020-8265-8_157 .
↑ 20.0 20.1 20.2 Suzuki, DT; Jung, Carl G (1991) [1948, 1964]. An Introduction to Zen Buddhism . NY: Grove Press. ISBN 0-8021-3055-0 .
↑ Ellis, Albert (1991) [1962]. Reason and Emotion in Psychotherapy . NY: Carol Publishing Group. ISBN 0-8065-0909-0 .
↑ Benoit, Hubert (1995) [1955]. The Supreme Doctrine . Portland, OR: Sussex Academic Press. ISBN 1-898723-14-1 .
↑ Sato, Koji (1958). "Psychotherapeutic Implications of Zen". Psychologia, An International Journal of Psychology in the Orient . I (4).
↑ Fromm, Erich (1986). Nyanaponika Thera, Bhikkhu Bodhi (บ.ก.). Visions of Dhamma: Buddhist Writings of Nyanaponika Thera . York Beach, ME: Weiser Books. Foreword. ISBN 0-87728-669-8 .
↑ Winnicott, Donald. "Ego distortions in terms of true and false self" (PDF) . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF ) เมื่อ 2012-03-29. สืบค้นเมื่อ 2016-09-01 .
↑ Priddy, Janice. "Psychotherapy and Buddhism: An Unfolding Dialogue. The Four Noble Truths in Buddhism" (PDF ) .
↑ Adelman, K (2005-05-01). "What i've learned: Tara Brach". Washingtonian Magazine .
↑ Fromm, Erich (2002) [1989]. The Art of Being . NY: Continuum. ISBN 0-8264-0673-4 .
↑ Nyanaponika Thera (1996) [1954]. The Heart of Buddhist Meditation: A Handbook of Mental Training based on the Buddha's Way of Mindfulness . York Beach, ME: Samuel Weiser. ISBN 0-87728-073-8 .
↑ Segal, Zindel V; Williams, J Mark G; Teasdale, John D (2002). Mindfulness-Based Cognitive Therapy for Depression: A New Approach to Preventing Relapse . NY: Guilford Press. ISBN 1-57230-706-4 .
↑ 34.0 34.1 Kabat-Zinn, Jon (1990). Full Catastrophe Living: Using the Wisdom of Your Body and Mind to Face Stress, Pain, and Illness . NY: Dell Publishing. ISBN 0-385-30312-2 .
↑ 35.0 35.1 35.2 Kabat-Zinn, Jon (2005). Coming to Our Senses: Healing Ourselves and the World Through Mindfulness . Hyperion. p. 26 . ISBN 0-7868-8654-4 .
↑ Kabat-Zinn, Jon (พฤษภาคม 2011). "Some Reflections on the Origins of MBSR, Skillful Means, and the Trouble with Maps". Contemporary Buddhism . 12 (1): 294.
↑ Linehan, Marsha M (1993a). Cognitive-Behavioral Treatment of Borderline Personality Disorder . NY: Guilford Press. pp. 19 . ISBN 0-89862-183-6 .
↑ 38.0 38.1 Linehan, Marsha M (1993b). Skills Training Manual for Treating Borderline Personality Disorder . NY: Guilford Press. ISBN 0-89862-034-1 .
↑ Linehan MM, Armstrong HE, Suarez A, Allmon D, Heard HL (1991). "Cognitive-behavioral treatment of chronically parasuicidal borderline patients". Archives of General Psychiatry . 48 : 100–1064.
↑ Linehan, MM; Heard, HL (1993). "Impact of treatment accessibility on clinical course of parasuicidal patients. In reply to R.E. Hoffman [Letter to the editor]". Archives of General Psychiatry . 50 : 157–158.
↑
Shenk C, Masuda A, Bunting K, Hayes SC (2006). Nauriyal, DK (บ.ก.). The psychological processes underlying mindfulness: Exploring the link between Buddhism and modern contextual behavioral psychology . Buddhist thought and applied psychology: Transcending the boundaries . London: Routledge-Curzon. pp. 431–451.
↑
Hayes, SC (2002). "Buddhism and Acceptance and Commitment Therapy". Cognitive and Behavioral Practice . 9 : 58–66.
↑ 43.0 43.1 Hayes SC, Strosahl K, Wilson KG (2011). Acceptance and Commitment Therapy: The process and practice of mindful change (2nd ed.). New York: Guilford Press.
↑
Vilardaga R, Estévez A, Levin ME, Hayes SC. "Deictic relational responding, empathy and experiential avoidance as predictors of social anhedonia: Further contributions from relational frame theory". The Psychological Record .
↑
Weil TM, Hayes SC, Capurro P (2011). "Establishing a deictic relational repertoire in young children" . The Psychological Record . 61 : 371–390.
↑ Hayes SC, Smith S. Get out of your mind and into your life: The new Acceptance and Commitment Therapy . Oakland, CA: New Harbinger.
↑ Suzuki, DT (1956) [1949]. Zen Buddhism . NY: Doubleday Anchor Books.
↑ Watts, Alan W (1959). The Way of Zen . NY: New American Library.
↑ 49.0 49.1 Ellis, Albert (1991) [1962]. Reason and Emotion in Psychotherapy . NY: Carol Publishing Group. ISBN 0-8065-0909-0 .
↑ Watts, Alan W (1960). Nature, Man and Sex . NY: New American Library.
↑ Ellis, Albert (1997) [1977]. Anger: How to Live with and without It . Secaucus, NJ: Carol Publishing Group. ISBN 0-8065-0937-6 .
↑ Watts, Alan W (1975) [1961]. Psychotherapy East and West . NY: Random House. ISBN 0-394-71610-8 .
↑ Kornfield, Jack (1993). A Path with Heart: A Guide through the Perils and Promises of Spiritual Life . NY: Bantam Books. ISBN 0-553-37211-4 .
↑ Epstein, Mark (1995). Thoughts without a Thinker: Psychotherapy from a Buddhist Perspective . NY: Basic Books. ISBN 0-465-08585-7 .
↑ Nhat Hanh, Thich (1998). Mindfulness and Psychotherapy (audio ed.). Louisville, CO: Sounds True. ISBN 1-56455-632-8 .
↑ 56.0 56.1 Thanissaro Bhikkhu (2012). "The Roots of Buddhist Romanticism" .
↑ "Buddhism and Mental Health" . มหาวิทยาลัยโทรอนโต . สืบค้นเมื่อ 2013-04-18 .
↑ "Contemplative Psychotherapy—Master of Arts" . Naropa University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 19 กันยายน 2012.
↑ "MA Contemplative Psychotherapy department site" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-11-05. สืบค้นเมื่อ 2013-11-04 .
American Psychiatric Association (1994). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders : DSM-IV — 4th ed . Washington, DC: American Psychiatric Association. ISBN 0-89042-062-9 .
Benoit, Hubert (1955, 1995). The Supreme Doctrine . Portland, OR: Sussex Academic Press. Cited in Fromm et al. . (1960). ISBN 1-898723-14-1 .
Bodhi, Bhikkhu (ed.) (2000). A Comprehensive Manual of Abhidhamma: The Abhidhammattha Sangaha of Ācariya Anuruddha . Seattle, WA: BPS Pariyatti Editions. ISBN 1-928706-02-9 . - also online: http://www.accesstoinsight.org/lib/authors/bodhi/abhiman.html
Brazier, David (2001), The Feeling Buddha , Robinson Publishing
Davidson, Richard J. & Anne Harrington (eds.) (2002). Visions of Compassion: Western Scientists and Tibetan Buddhists Examine Human Nature . NY: Oxford University Press. ISBN 0-19-513043-X .
Ellis, Albert (1962, 1991). Reason and Emotion in Psychotherapy . NY: Carol Publishing Group. ISBN 0-8065-0909-0 .
Ellis, Albert (1977, 1997). Anger: How to Live with and without It . Secaucus, NJ: Carol Publishing Group. ISBN 0-8065-0937-6 .
Epstein, Mark (2004), Thoughts Without A Thinker: Psychotherapy from a Buddhist Perspective , Basic Books, Kindle Edition
Epstein, Mark (1995). Thoughts without a Thinker: Psychotherapy from a Buddhist Perspective . NY: Basic Books. ISBN 0-465-08585-7 .
Fromm, Erich; Suzuki, DT; De Martino, Richard (1960). Zen Buddhism and Psychoanalysis . NY: Harper & Row. ISBN 0-06-090175-6 .
Fromm, Erich (1989, 2002). The Art of Being . NY: Continuum. ISBN 0-8264-0673-4 .
Goleman, Daniel (ed.) (1997). Healing Emotions: Conversations With the Dalai Lama on Mindfulness, Emotions, and Health . Boston: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-212-4 .
Goleman, Daniel (2004). Destructive Emotions: A Scientific Dialogue with the Dalai Lama . NY: Bantam Dell. ISBN 0-553-38105-9 .
Gyatso, Geshe Kelsang (2nd. ed., 1997) Understanding the Mind: The Nature and Power of the Mind . Tharpa Publications. ISBN 978-0-948006-78-4
Harrington, Anne & Arthur Zajonc (2006). The Dalai Lama at MIT . Harvard University Press. ISBN 0-674-02319-6 .
Hayward, Jeremy W; Varela, Francisco J (eds.) (1992, 2001). Gentle Bridges: Conversations with the Dalai Lama on the Sciences of Mind . Boston: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-893-9 .
Houshmand, Zara; Livingston, Robert B; Wallace, B Alan (eds.) (1999). Consciousness at the Crossroads: Conversations with the Dalai Lama on Brain Science and Buddhism . Ithica: Snow Lion Publications. ISBN 1-55939-127-8 .
Kabat-Zinn, Jon (1990). Full Catastrophe Living: Using the Wisdom of Your Body and Mind to Face Stress, Pain, and Illness . NY: Dell Publishing. ISBN 0-385-30312-2 .
Kabat-Zinn, Jon (2005). Coming to Our Senses: Healing Ourselves and the World Through Mindfulness . Hyperion. ISBN 0-7868-8654-4 .
Kalupahana, David J. (1992), The Principles of Buddhist Psychology, Delhi: Sri Satguru Publications.
Kornfield, Jack (1993). A Path with Heart: A Guide through the Perils and Promises of Spiritual Life . NY: Bantam Books. ISBN 0-553-37211-4 .
Kress, Oliver (1993)."A new approach to cognitive development: ontogenesis and the process of initiation" . Evolution and Cognition 2(4) : 319-332.
Linehan, Marsha M. (1993a). Cognitive-Behavioral Treatment of Borderline Personality Disorder . NY: Guilford Press. ISBN 0-89862-183-6 .
Linehan, Marsha M. (1993b). Skills Training Manual for Treating Borderline Personality Disorder . NY: Guilford Press. ISBN 0-89862-034-1 .
Linehan, M. M; Armstrong, HE; Suarez, A; Allmon, D; Heard, HL (1991). "Cognitive-behavioral treatment of chronically parasuicidal borderline patients." Archives of General Psychiatry, 48, 100-1064. Cited in Linehan (1993b).
Linehan, MM; Heard, HL (1993). "Impact of treatment accessibility on clinical course of parasuicidal patients." In reply to R.E. Hoffman [Letter to the editor]. Archives of General Psychiatry, 50, 157-158. Cited in Linehan (1993b).
Linehan, M. M; Heard, HL; Armstrong, HE (in press). "Naturalistic follow-up of a behavioral treatment for chronically suicidal borderline patients. Archives of General Psychiatry . Cited in Linehan (1993b).
McMahan, David L. (ตุลาคม 2008). The Making of Buddhist Modernism . Oxford University Press. ISBN 978-0-19-518327-6 .
Ñanamoli Thera (trans.) (1993). Dhammacakkappavattana Sutta: Setting Rolling the Wheel of Truth (Samyutta Nikaya 56.11). Available on-line at http://www.accesstoinsight.org/tipitaka/sn/sn56/sn56.011.nymo.html .
Nhat Hanh, Thich (1998). Mindfulness and Psychotherapy (audio). Louisville, CO: Sounds True. ISBN 1-56455-632-8 .
Nyanaponika Thera (1954, 1996). The Heart of Buddhist Meditation: A Handbook of Mental Training based on the Buddha's Way of Mindfulness . York Beach, ME: Samuel Weiser. ISBN 0-87728-073-8 .
Nyanaponika Thera; Bhikkhu Bodhi (ed.), Fromm, Erich (fwd.) (1986). Visions of Dhamma: Buddhist Writings of Nyanaponika Thera. York Beach, ME: Weiser Books. ISBN 0-87728-669-8 .
Rhys Davids, Caroline A. F. ([1900], 2003). Manual of Psychological Ethics, of the Fourth Century B.C. , being a Translation, now made for the First Time, from the Original Pāli, of the First Book of the Abhidhamma-Piṭ aka, entitled Dhamma-Saṅ gaṇ i (Compendium of States or Phenomena) . Whitefish, MT: Kessinger Publishing. ISBN 0-7661-4702-9 .
Rhys Davids, Caroline A. F. (1914). Buddhist Psychology: An Inquiry into the Analysis and Theory of Mind in Pali Literature , London: Bell and sons.
Rhys Davids, Caroline A. F. (1936). Birth of Indian Psychology and its Development in Buddhism .
Sato, Koji (1958). "Psychotherapeutic Implications of Zen" in Psychologia, An International Journal of Psychology in the Orient . Vol. I, No. 4 (1958). Cited in Fromm et al. . (1960).
Schwartz, Tony (1996). What Really Matters: Searching for Wisdom in America . NY: Bantam Books. ISBN 0-553-37492-3 .
Segal, Zindel V., J. Mark G. Williams, & John D. Teasdale (2002). Mindfulness-Based Cognitive Therapy for Depression: A New Approach to Preventing Relapse . NY: Guilford Press. ISBN 1-57230-706-4 .
Suzuki, D.T. & Jung, Carl G (fwd.) (1948, 1964, 1991). An Introduction to Zen Buddhism . NY: Grove Press. ISBN 0-8021-3055-0 .
Suzuki, D.T. (1949, 1956). Zen Buddhism . NY: Doubleday Anchor Books. Cited in Ellis (1991) and Fromm (1960).
Thanissaro Bhikkhu (2012). The Roots of Buddhist Romanticism .
Trungpa, Chogyam (1975, 2001). Glimpses of Abhidharma: From a Seminar on Buddhist Psychology . Boston, MA: Shambhala Publications. ISBN 1-57062-764-9 .
Varela, Francisco J. (ed.) (1997). Sleeping, Dreaming, and Dying: An Exploration of Consciousness with the Dalai Lama . Somerville, MA: Wisdom Publications. ISBN 0-86171-123-8 .
Watts, Alan W. (1959). The Way of Zen . NY: New American Library. Cited in Ellis (1991).
Watts, Alan W. (1960). Nature, Man and Sex . NY: New American Library. Cited in Ellis (1991).
Watts, Alan W. (1961, 1975). Psychotherapy East and West . NY: Random House. ISBN 0-394-71610-8 .
Zajonc, Arthur (ed.) with Zara Houshmand (2004). The New Physics and Cosmology: Dialogues with the Dalai Lama . NY: Oxford University Press. ISBN 0-19-515994-2 .
Fryba, Mirko (1995). The Practice of Happiness: Exercises & Techniques for Developing Mindfulness, Wisdom, and Joy . Boston: Shambhala. ISBN 1-57062-123-3 .
Segal, Zindel V; Williams, J Mark G; Teasdale, John D (2002). Mindfulness-Based Cognitive Therapy for Depression . NY: Guilford. ISBN 978-1-57230-706-3 .
ครูและผู้สร้างความนิยม[ แก้ ]
คำเตือนและข้อคัดค้าน[ แก้ ]
จิตบำบัดและศาสนาพุทธ[ แก้ ]
Kohut
Winnicott
Bhante Kovida