สตาร์ วอร์ส: เลกาซี (อังกฤษ: Star Wars: Legacy) เป็นหนังสือการ์ตูนชุดของเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ดาร์กฮอร์สคอมิกส์ เขียนเรื่องโดยจอห์น ออสแตรนเดอร์ และแจน ดูร์ซีมา วาดภาพโดยดูร์ซีมาและนักวาดคนอื่นๆ ลงหมึกโดยแดน พาร์สันส์ และลงสีโดยแบรด แอนเดอร์สัน วางจำหน่ายฉบับแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006
เนื้อเรื่องของหนังสือการ์ตูนชุดนี้ดำเนินเรื่องในยุคสืบทอด (Legacy era) ของเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ในช่วงเวลาประมาณ 137 ปีหลังยุทธการยาวิน ตัวเอกคือเคด สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นทายาทของลุค สกายวอล์คเกอร์ ได้ละทิ้งวิถีของการเป็นเจไดตามสายเลือด ไปมีชีวิตเป็นนักล่าเงินรางวัล ในขณะเดียวกันกับที่กาแลกซีกำลังมีสงครามภายใน ซิธลอร์ดขึ้นนั่งบัลลังก์จักรวรรดิ และถูกต่อต้านจากหลาย ๆ ฝ่าย
เลกาซี วางขายต่อเนื่องรวมทั้งหมด 50 ฉบับ ฉบับสุดท้ายคือ Star Wars: Legacy 50: Extrems, Part 3 จำหน่าย ณ วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2010 จากนั้นจึงมีภาคต่อจนจบบริบูรณ์ในซีรีส์ชุด Legacy-War ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 และจบบริบูรณ์ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2011
เลกาซีดำเนินเรื่องในช่วงเวลาประมาณหนึ่งร้อยปีหลังสิ้นสุดสงครามยูซาน วอง นิกายเจไดได้มอบหมายให้ชาววองชนชั้นเชเปอร์ดำเนินการแปรสภาพส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ออสซัสเพื่อเปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย และเปิดโอกาสให้เผ่าผู้รุกรานได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกาแลกซี "โครงการออสซัส" นี้ดำเนินการโดยคอล สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกชั้นผู้นำของสภาเจไดในตอนนั้น
หลังจากถูกยูซาน วองล้มล้างลง จักรวรรดิส่วนที่เหลือได้รวมตัวเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นใหม่ มีจักรพรรดิที่เป็นธรรมกว่าที่เคยมีมา คือจักรพรรดิองค์ที่สามแห่งราชวงศ์เฟล ขึ้นครองบัลลังก์
ความสำเร็จของโครงการออสซัสเป็นแรงบันดาลใจให้ดาวเคราะห์อื่นๆ ดำเนินการแปรรูปดาวตามแบบบ้าง ในระยะแรกโครงการส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผลข้างเคียงของกระบวนการที่ใช้ก็เริ่มแสดงออกให้เห็น สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งมีปุ่มกระดูกงอกออกมาเป็นที่เจ็บปวดทรมาน ชาวกาแลกซีแทบทั้งหมดโทษชาวยูซาน วองที่เกี่ยวข้องกับโครงการว่าเป็นต้นเหตุของผลร้ายนี้ ส่วนเหล่าเจไดสงสัยว่าจะมีการแทรกแซงจากผู้ไม่หวังดี จึงได้โน้มน้าวให้สหพันธ์กาแลกติกเข้ามาเป็นพันธมิตร อย่างไรก็ดี เหล่ามอฟฟ์แห่งจักรวรรดิได้สร้างสนธิสัญญาแอนแนกเซส และประกาศสงครามกับสหพันธ์กาแลกติก
ผู้ไม่หวังดีที่เข้าแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้แท้จริงคือเหล่านิกายซิธใหม่ ซึ่งได้ซ่องสุมกำลังโดยลับอยู่บนคอร์ริบานมาแล้วกว่าหนึ่งร้อยปี ช่วงเวลาสองปีก่อนสงครามจักรวรรดิ-ซิธจะเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบนั้น ผู้นำของเหล่าซิธคือดาร์ธ เครยท์ ได้แสดงตัวต่อกาแลกซี เข้าร่วมสงครามเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิ หลังจากสงครามดำเนินไปแล้วกว่าสามปี สหพันธ์กาแลกติกก็ต้องยอมจำนน แม้โดยทางการแล้วสหพันธ์จะถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ และยังมีกองทัพสหพันธ์ส่วนที่เหลือสามารถหลบหนีไปได้ภายในการนำของนายพลการ์ สตาซี ส่วนเหล่าเจไดนั้นล่าถอยไปยังออสซัส โดยมีเหล่าซิธติดตามไปอย่างใกล้ชิด
สตาร์ วอร์ส: เลกาซี ดำเนินเรื่องในช่วงเวลากว่าหนึ่งร้อยปีหลังจากสื่ออื่นๆ แทบทั้งหมด จึงมีตัวละครใหม่ๆ มากมาย
เคดถูกเลี้ยงมาแบบเจไดจนถึงอายุสิบสี่ปี จนกระทั่งต้องเห็นบิดาถูกซิธสังหารต่อหน้า สถาบันเจไดบนออสซัสถูกโจมตีล่มสลาย เคดจึงละทิ้งนามสกุลของตัวเองแล้วเข้าร่วมกับกลุ่มโจรสลัดของราฟ ขณะที่ทำงานให้กับราฟนี้เขาได้พบกับจาไรอาห์ ซิน เจ็ดปีต่อมาขณะที่กำลังทำงานเป็นนักล่าเงินรางวัลร่วมกับซินและเดไลอาห์ บลู บนยานไมน็อก เคดได้ไล่ตามค่าหัวของมาราไซอาห์ เฟล จนต้องเข้าไปพัวพันกับทั้งเจไดและซิธ ด้วยความที่มีความสามารถในพลังสูงส่ง เคดจึงจำต้องตกอยู่ ณ ใจกลางเหตุการณ์ทั้งหลายในกาแลกซี บีบบังคับให้ทำตามความคาดหวังที่คนมีต่อผู้สืบทอดสกุลสกายวอล์คเกอร์ ซึ่งผลจะออกมาเป็นเช่นไรนั้นยังยากจะคาดเดา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดาร์ธ เครยท์ หรือ อะชาราด เฮตต์ (อังกฤษ: Darth Krayt หรือ A'Sharad Hett) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวในหนังสือการ์ตูนของสำนักพิมพ์ Dark Horse Comics ชุด Star Wars Republic และ Star Wars Legacy
ดาร์ธ เครยท์ กำเนิดในนามอะชาราด เฮตต์ เป็นมนุษย์เพศชายที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์เจไดในช่วงใกล้ล่มสลายของสาธารณรัฐกาแลกติก เขาเป็นบุตรของอัศวินเจไดในตำนานชาราด เฮตต์ และได้เป็นศิษย์พาดาวันของอาจารย์เจไดกิอะดิมุนดิ และต่อมาได้เป็นศิษย์ของอันยา คูโร ในช่วงสงครามโคลน อะชาราดได้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นนายพลนำทัพเข้าต่อสู้ในแนวหน้า ต่อมาได้กลายเป็นมิตรกับอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ และได้ช่วยเหลือให้อนาคินสามารถรับการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในสงครามที่แพร่ขยายไปทั่วกาแลกซีนั้นได้ เขารอดชีวิตจากสงครามโคลน และเป็นหนึ่งในเจไดเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่
ต่อมา อะชาราด เฮตต์ ได้เดินทางกลับสู่ถิ่นกำเนิดคือดาวทาทูอีนที่เขาเตรียมจะก่อสงครามส่วนตัวกับจักรวรรดิกาแลกติก อย่างไรก็ดี หลังจากได้เผชิญหน้ากับอาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี เขาก็ขับตัวเองออกจากทาทูอีน และได้พบว่าอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ที่กลายเป็นซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ นั่นเอง ที่สังหารเหล่าเจได อะชาราดโทษตัวเองสำหรับการล่มสลายของนิกายเจไดและได้ผันตัวไปเป็นนักล่าเงินรางวัล ในภารกิจครั้งหนึ่งเขาเดินทางไปยังคอร์ริบาน ซึ่งเขาได้ถูกฝึกสอนให้เป็นซิธโดยนางลอร์ดมืด ซ็อกซาน
ต่อมาได้หลังจากถูกจับตัวไปทรมานโดยเหล่ายูซาน วอง เขาได้เข้าสู่ด้านมืดและสถาปนาตัวเองเป็นจ้าวแห่งลอร์ดมืดแห่งซิธในนาม ดาร์ธ เครยท์ ในฐานะเครยท์ เขาได้กลายเป็นผู้ก่อตั้งและผู้นำของนิกายซิธเอก ในฐานะเครยท์ เขาได้สร้างนิกายซิธขึ้นใหม่ เก็บงำไว้เป็นความลับจากเหล่าเจไดโดยซ่อนตัวไว้บนคอร์ริบาน เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เครยท์ได้ใช้เวลาหลายปีอยู่ในสถิตสภาวะ ต่อมาจึงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับมอฟฟ์ไนน่า คาลิกซต์ และจุดชนวนสงครามจักรวรรดิ-ซิธ ซึ่งทำไปสู่การล่มสลายของสหพันธรัฐพันธมิตรอิสระกาแลกติก ในช่วงสุดท้ายของสงคราม เครยท์ได้สังหารจักรพรรดิโรอัน เฟล และฆ่าล้างเหล่าเจไดในนิกายเจไดจนเกือบหมดสิ้น
ดาร์ธ เครยท์ ปกครองกาแลกซีด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่เจ็ดปี ก่อนที่พันธมิตรระหว่างโรอัน เฟล และนายพลสหพันธรัฐฯ การ์ สตาซี เข้ามาเป็นขวากหนามต่อการครองบัลลังก์ ยิ่งไปกว่านั้น เครยท์ยังค้นพบทายาทตระกูลสกายวอล์คเกอร์ เคด สกายวอล์คเกอร์ จนเริ่มหวาดกลัวว่าเงื่อนไขเหล่านี้ร่วมกับสุขภาพอันย่ำแย่ของเขาจะทำให้เขาต้องจบชีวิตลงก่อนที่ฝันของเขาจะเป็นจริง จึงออกคำสั่งให้มีการล่าตัวเคด สกายวอล์คเกอร์
อย่างไรก็ดี ในการลอบจอมตีบนฮาด อับบาดอน เครยท์ถูกแทงบาดเจ็บและหล่นลงจากหน้าผา แต่ด้วยพลังอันสูงส่ง เครยท์รอดชีวิตมาได้ แต่ก็ถูกสังหารโดยดาร์ธ ไวร์ล็อก ที่ปรึกษาผู้เป็นที่ไว้วางใจ เนื่องจากเชื่อว่าหากดาร์ธ เครยท์ ยังมีชีวิต นิกายซิธอาจถูกล้มล้าง โดยไวร์ล็อกได้สืบต่อแนวคิดของเครยท์ และปกครองนิกายซิธต่อมา
หลังจากเครยท์รักษาตัวจนฟื้นดีแล้ว เครยท์กลับมามีร่างกายสมบูรณ์ เป็นอิสระจากเกราะปรสิต จึงได้ส่งสัมผัสไปทั่วกาแลกซี เรียกผู้ศรัทธามาอยู่ใต้ปกครอง เมื่อรวมตัวกับซิธที่ยังศรัทธา และซิธทรูปเปอร์ที่สร้างขึ้นใหม่ เครยท์ก็สามารถยึดครองคอรัสซานท์ได้อีกครั้ง และสังหารไวร์ล็อกลง เริ่มแผนการครอบครองกาแลกซีอีกครั้ง แต่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เครยท์ก็พยายามดึงเคด สกาลวอล์คเกอร์เข้าสู่ด้านมืดอีกครั้ง แต่ก็ล้มเหลว จนพลาดท่าถูกเคดสังหาร หมดโอกาสฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชื่อจริง แนท สกายวอล์คเกอร์ เป็นทายาทของลุค สกายวอล์คเกอร์ และเป็นพี่ชายของคอล สกายวอล์คเกอร์ แยกตัวออกจากนิกายเจไดตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์กวาดล้าง แต่ยังคงให้คำแนะนำและช่วยเหลือเคดและเพื่อนๆ อยู่เสมอ
เธอเป็นนักบินผู้หญิงรับใช้ในสังกัดจักรวรรดิของจักรวรรดิดาร์ธ เครยท์(เมื่อก่อนรับใช้ในจักรววรดิเฟล) เธอเป็นลูกสาวของนายพลเรือเอกชั้นสูง Rulf Yageและมอฟฟ์ มอริแกน เคอร์ดี(Morrigan Corde) อดีตภรรยาของคอล สกายวอล์คเกอร์ และเป็นแม่ของเคด สกายวอล์คเกอร์ เธอจึงมีสถานะเป็นน้องสาวต่างบิดาของเคด
ฉบับที่ | ชื่อเล่ม | รวมเล่มของ |
---|---|---|
1 | Broken | Legacy #1-3, 5-7 (Broken) Legacy #4 (Noob) Legacy #8 (Allies) |
2 | Shards | Legacy #9-10, 13 (Trust Issues) Legacy #11-12 (Ghosts) |
3 | Claws of the Dragon | Legacy #14-19 (Claws of the Dragon) |
4 | Alliance | Legacy #20-21 (Indomitable) Legacy #22 (The Wrath of the Dragon) Legacy #27 (Into the Core) |
5 | The Hidden Temple | Legacy #23-24 (Loyalties) Legacy #25-26 (The Hidden Temple) |
6 | Vector Volume 2 | Rebellion / Legacy #28-31 (Vector, Part 9-12) |
7 | Storms | Legacy #32-33 (Fight Another Day) Legacy 34-36 (Storms) |
8 | Tatooine | Legacy #37-40 (Tatooine) Legacy #41(Rogue's End) |
9 | Monster | Legacy #42 (Divided Loyalties) Legacy #43-46 (Monster) |
10 | Extremes | Legacy #47 (The Fate of Dac) Legacy #48-50 (Extremes) |
เลกาซีดำเนินเรื่องในช่วงเวลา 137 ปีหลังยุทธการยาวิน จึงเป็นเนื้อหาอันดับหลังสุดของเนื้อหาทั้งหมดของเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ผู้แต่งได้ใส่การอ้างอิงถึงเนื้อหาในสื่ออื่นๆ เอาไว้หลายอย่าง
ผู้เขียนคือทั้งออสแตรนเดอร์และดูร์ซีมามีบทบาทในการพัฒนาหนังสือการ์ตูนชุดรีพับลิกอย่างมาก มีการอ้างถึงตัวละครและข้อมูลหลายอย่างในเรื่องชุดนี้เป็นจำนวนมาก
แม้ผู้แต่งจะตั้งใจให้การ์ตูนชุดเลกาซีมีความสมบูรณ์ในตัวเอง และผู้อ่านไม่จำเป็นต้องไปตามอ่านหนังสือนิยายอื่นๆ มาก่อนเลยก็ตาม แต่ภาวะของกาแลกซีในเวลา 137 ปีหลังยุทธการยาวิน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีลักษณะซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ในหนังสือนิยายของสำนักพิมพ์แบนแทมสเปกตราและเดลเรย์ ซึ่งเดินเรื่องหลังจากภาพยนตร์การกลับมาของเจได และเป็นแหล่งสำคัญที่กำหนดสภาพของกาแลกซี หลังจากการเสียชีวิตของจักรพรรดิพัลพาทีน
เลกาซีฉบับที่ 0 มีการอ้างถึงวงแหวนของคอรัสซานท์ ซึ่งอาจตั้งใจให้หมายถึงวงแหวนของคอรัสซานท์ที่เกิดมีขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ใน Traitor แต่จริงๆ แล้ว ได้หายไปก่อนแล้วหลังจากเหตุการณ์ใน The Unifying Force
โฮโลครอนของดาร์ธ เบน แสดงภาพดาร์ธ เบน สวมชุดเกราะออร์บาลิสก์ทั่วตัว ซึ่งขัดกับเนื้อหาใน Darth Bane: Rule of Two ซึ่งเบนสามารถสลัดชุดเกราะออกได้ก่อนที่จะสร้างโฮโลครอนสำเร็จ อย่างไรก็ดีมีคำอธิบายใน Darth Bane: Dynasty of Evil ที่ระบุไว้ว่าเบนตั้งใจแสดงตนในสภาพสวมชุดเกราะออร์บาลิสก์ เพื่อให้ผู้พบเห็นเกิดความเกรงกลัว และเป็นการปกปิดใบหน้าของตนไว้ด้วย