บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
สมเด็จกรมพระนโรดม จักรพงศ์ | |
---|---|
รองนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง มกราคม พ.ศ. 2535 – มิถุนายน พ.ศ. 2536 | |
นายกรัฐมนตรี | ฮุน เซน |
ก่อนหน้า | บู ทอง |
ถัดไป | |
สมาชิกพฤฒสภากัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง มกราคม พ.ศ. 2549 – พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 | |
ประธานาธิบดี | เจีย ซีม |
รองประธานพรรคนโรดม รณฤทธิ์ | |
ดำรงตำแหน่ง พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 – มิถุนายน พ.ศ. 2550 | |
ประธานาธิบดี | นโรดม รณฤทธิ์ |
ถัดไป | Chhim Siek Leng |
สมาชิกสภารัฐธรรมนูญแห่งกัมพูชา | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 2013 | |
ประธานาธิบดี | Ek Som Ol, Im Chhun Lim |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
พรรคการเมือง | พรรคฟุนซินเปก (พ.ศ. 2524–34; พ.ศ. 2542–2544; พ.ศ. 2547–2549) |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น |
|
คู่สมรส | นักนางนโรดม กชนิภา จักรพงศ์ |
บุตร | 13 องค์ |
ประสูติ | พนมเปญ กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส | 21 ตุลาคม ค.ศ. 1945
ราชวงศ์ | ตรอซ็อกผแอม (สายราชสกุลนโรดม) |
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ |
พระมารดา | พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงสานมุนี |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | กัมพูชา |
แผนก/ | กองทัพกัมพูชา |
ประจำการ | 1963–1970; 1981-1991 (Armée Nationale Sihanoukiste); 1993–1994 |
ชั้นยศ | พลตรี |
เว็บไซต์ | Norodom Racvivong Foundation |
สมเด็จกรมพระนโรดม จักรพงศ์ หรือพระนามเดิม สมเด็จพระมหิสสรานโรดม จักรพงศ์ (เขมร: នរោត្តម ចក្រពង្ស ; ประสูติ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1945) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ[1] กับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงสานมุนี จึงถือว่าพระองค์เป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชาองค์ปัจจุบัน
สมเด็จพระมหิสสรานโรดม จักรพงศ์ยังเป็นนักการเมืองพรรคฟุนซินเปกที่มีแนวความคิดกษัตริย์นิยมและเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแห่งพระราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งองคมนตรีของคณะองคมนตรีสูงสุดแล้ว โดยที่พระองค์ได้ทำงานอุทิศพระองค์ด้านสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนกิจกรรมของราชวงศ์ ในปี พ.ศ. 2556 สมเด็จพระมหิสสรานโรดม จักรพงศ์ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภารัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรกัมพูชาโดยองค์พระมหากษัตริย์กัมพูชา
สมเด็จกรมพระนโรดม จักรพงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2488 ณ พระราชวังเขมรินทร์ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงสานมุนี โดยมีพระพี่น้องร่วมพระมารดาด้วยกัน 7 พระองค์ โดยแรกเริ่มพระองค์ดำรงตำแหน่งนักบินในกองทัพกัมพูชา แต่ภายหลังการยึดอำนาจของลอน นอล พระองค์พร้อมด้วยพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ กุสุมะนารีรัตน์สิริวัฒนา พระอัยยิกาเสด็จลี้ภัยในยังประเทศจีนในปี ค.ศ. 1973 และลี้ภัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973-1975 หลัง ค.ศ. 1975 พระองค์ได้เสด็จไปยังประเทศฝรั่งเศส โดยร่วมกับพระราชบิดาในการต่อต้านเวียดนามที่ยึดครองกัมพูชา แต่ภายในพรรคฟุนซินเปกของพระบิดานั้นมีความยุ่งยาก โดยพระองค์นั้นอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์เสนาธิการทหารกลุ่มสีหนุ[ต้องการอ้างอิง]
ต่อมาได้มีสนธิสัญญาปารีสขึ้นมา ทำให้พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระราชบิดาเสด็จนิวัตกลับประเทศกัมพูชา ส่วนพระองค์เองได้ออกจากพรรคฟุนซินเปก มาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลฮุน เซน ภายใต้แรงกดดันของรัฐบาลกลาง ต่อมาในปี ค.ศ. 1994 พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหนุ โปรดเกล้า เฉลิมพระอิสริยยศเป็ย สมเด็จกรมขุน (Sdech Krom Khun)[ต้องการอ้างอิง]
ภายหลังการยึดอำนาจของนายพลสิน สอง (Sin Song) และนายพลสิน เซน (Sin Sen) สมเด็จกรมขุนนโรดม จักรพงศ์ เสด็จออกนอกประเทศโดยทรงประทับในประเทศมาเลเซียเป็นแห่งแรก และเสด็จไปประทับ ณ ประเทศฝรั่งเศสอีกครั้ง
ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2004 พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศให้สมเด็จกรมขุนนโรดม จักรพงศ์ เป็น สมเด็จพระมหิสสรานโรดม จักรพงศ์ และในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2024 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็น สมเด็จกรมพระนโรดม จักรพงศ์ ถือเป็นลำดับเกียรติยศสูงสุดของกัมพูชา[ต้องการอ้างอิง]
พงศาวลีของสมเด็จกรมพระนโรดม จักรพงศ์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|