สุดสาคร ส.กลิ่นมี สม กลิ่นมี | |
---|---|
สุดสาคร ส.กลิ่นมี | |
เกิด | สม กลิ่นมี สิงหาคม 25, 1986 เมืองพัทยา ประเทศไทย |
ชื่อภาษาเกิด | สม กลิ่นมี |
ชื่ออื่น | สุดสาคร ส.กลิ่นมี สุดสาคร พยัพคำพันธุ์ « O » |
สัญชาติ | ไทย |
ส่วนสูง | 1.82 เมตร (5 ฟุต 11 1⁄2 นิ้ว) |
น้ำหนัก | 72.5 กิโลกรัม (160 ปอนด์) |
รุ่น | ไลท์เวท เวลเตอร์เวท มิดเดิลเวท |
รูปแบบ | มวยไทย, คิดบ็อกซิง |
มาจาก | เมืองพัทยา ประเทศไทย |
ทีม | สุดสาครมวยไทยยิม |
ผู้ฝึกสอน | บูม (ประเทศไทย) |
ช่วงปี | 18 (1993–ปัจจุบัน) |
สถิติคิกบอกซิง/มวยไทย | |
คะแนนรวม | 351 |
ชนะ | 291 |
โดยการน็อก | 74 |
แพ้ | 56 |
เสมอ | 4 |
ข้อมูลอื่น | |
ญาติที่มีชื่อเสียง | แรมบ้า สมเดช (ลูกพี่ลูกน้อง) |
นักเรียนเด่น | นิลมังกร สุดสาครยิม[1] |
สุดสาคร ส.กลิ่นมี เกิดวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2529 เป็นนักมวยไทยชาวไทย และเป็นผู้ครองแชมป์โลกรายการเวิลด์คิกบ็อกซิ่งเน็ตเวิร์กมวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวท[2] วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555 สุดสาครเข้าแข่งขันรายการไทยไฟท์ 2012 โดยได้พบกับกุสตาโว เมนเดส ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวบราซิล และจากการแข่งขันครั้งนี้ สุดสาครเป็นฝ่ายชนะคะแนน[3]
สุดสาครเป็นนักมวยไทยรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย ไม่นานที่ผ่านมาเขาได้มีโอกาสเยือนที่ประเทศฝรั่งเศสโดยได้รับการต้อนรับจากผู้จัดการของเขาที่มีชื่อว่า นีโกลา ซูบีโล เขาหวังที่จะสร้างชื่อในทวีปยุโรปโดยการต่อสู้ให้ดีที่สุดในรุ่นของเขาซึ่งอยู่ในรุ่น 64 กก. - 70 กก.
ชื่อชกของเขาได้มาจากตัวละครในวรรณคดีไทยที่มีชื่อว่า สุดสาคร ซึ่งเป็นเด็กมหัศจรรย์ที่ถือกำเนิดมาจากมารดาผู้เป็นนางเงือก ผู้ซึ่งได้ส่งให้เขาไปตามหาพระบิดาที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พร้อมด้วยอาวุธเวทมนตร์ที่ได้รับมอบจากฤๅษีพร้อมด้วยม้านิลมังกรเป็นพาหนะคู่กาย สุดสาครได้ออกผจญภัยเป็นห้วงเวลาที่ยาวนาน และเต็มไปด้วยภยันตรายที่สุดแสนลี้ลับ
สุดสาครมีชื่อจริงคือ สม กลิ่นมี และมีชื่อเล่นคือ โอ เขาเริ่มฝึกมวยไทยเมื่อครั้งที่มีอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มฝึกจากพ่อของเขา ยักษ์ กลิ่นมี กับลูกพี่ของเขา แรมบ้า สมเดช M-16
สุดสาครได้อาศัยและฝึกฝน ณ โตรีโน ประเทศอิตาลี ในช่วงเดือนแรกๆใน พ.ศ. 2554 และตั้งแต่มีนาคม พ.ศ. 2554 เขาได้อาศัยอยู่ที่พัทยา ประเทศไทย และฝึกฝนอยู่ที่ ส.กลิ่นมียิมในจังหวัดชลบุรี
เมื่อมีอายุระหว่าง 10 และ 18 ปี เขาได้รับการฝึกจากผู้ฝึกสอนคนใหม่ ทัพยา กลิ่นมี แห่งค่ายมวยศิษย์ อ. ที่พัทยา จากนั้น เมื่อเขามีอายุ 18 ปี ก็ได้เผชิญกับนักสู้ชาวไอริชนามว่า เกรก โอ'ฟลิน ภายหลังจากการเปิดค่ายมวยที่พัทยา มีศิษย์ใจเพชรและผู้ฝึกสอนนักมวยหนุ่มเข้าร่วม ในช่วงเวลานี้ สุดสาครได้มีโอกาสเข้าแข่งขัน 4 ครั้งในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ เขาเป็นฝ่ายชนะโรเบิร์ต สโตเรย์ ผู้ซึ่งเป็นแชมป์สองรายการของอังกฤษใน พ.ศ. 2548 (เมื่อครั้งที่สุดสาครมีน้ำหนักตัวที่ 61 กก.) ในการแข่งขันนัดล้างตาที่ได้รับการออกอากาศทางช่องยูโรสปอร์ท โรเบิร์ต สโตเรย์ ถึงกับแขนหักในส่วนกลาง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังประคองตัวได้จนถึงยก 5
หนึ่งปีต่อมา ใน พ.ศ. 2549 สุดสาครเป็นผู้ชนะรายการชิงแชมป์โลกเข็มขัดเอสวันของสภามวยไทยโลก (รุ่น 64 กก.) ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วันที่ 5 ธันวาคม เมื่อครั้งที่พบกับชาวสโลวักอย่าง อีกอน เฮอร์ซิง
ความทรงจำที่เขาประทับใจ คือการชิงเข็มขัดสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก กับนักมวยชาวไทยใน พ.ศ. 2549
ด้านความสำเร็จครั้งสำคัญของเขา คือการเป็นฝ่ายชนะขาวสนิท ส.พรานไพร โดยเป็นแชมป์มวยไทย 7 สี ที่จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ที่กรุงเทพมหานคร และเป็นแชมป์ 3 เวทีมวยติดต่อกันทั้งราชดำเนิน, ลุมพินี และอ้อมน้อย
ส่วนการต่อสู้ที่ยากที่สุดของเขา คือการเอาชนะก้องฟ้าในการชิงเข็มขัดแฟร์เท็กซ์ เทพประสิทธิ์ พ.ศ. 2550
เขาได้พบกับคู่ชกอย่างมีกาเอล ปิซซีเตลโล ในศึก THAI FIGHT เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 ซึ่งจัดขึ้น ณ ลียง ประเทศฝรั่งเศส และสุดสาครเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่สอง[4][5]
เขาสู้กับเซดริก คัซตักนา ในรายการทีเคเวิลด์แมกซ์ 2012 ที่จัดขึ้น ณ มาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555 [6] และเป็นฝ่ายชนะจากการตัดสินของกรรมการ[7]
ในการแข่งครั้งพิเศษ เขาได้เข้าแข่งขันรายการ ไทยไฟท์ 2012: คิงออฟมวยไทยทัวร์นาเมนท์เซคันด์ราวด์ ที่จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ซึ่งสุดสาครเป็นฝ่ายชนะน็อคโมฮัมหมัด โฮสเซน โดรูเดียน จากการฟันศอกในยกสอง[8]
เขาเป็นฝ่ายชนะกุสตาโว เมนเดส ในคู่พิเศษของรายการ ไทยไฟท์: คิงออฟมวยไทยทัวร์นาเมนท์ไฟนอล ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555 [9][10]