สุรียานี อับดุลเลาะห์ | |
---|---|
ชื่อท้องถิ่น | Suriani Abdullah |
เกิด | เอ็ง หมิงจิง (Eng Ming Ching) 23 มกราคม พ.ศ. 2468 ซีเตียวัน อำเภอมันจุง รัฐเปรัก บริติชมาลายา |
เสียชีวิต | 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 (88 ปี) อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ประเทศไทย |
อาชีพ | นักเขียน |
คู่สมรส | เจ๊ะดะห์ อันยัง อับดุลเลาะห์ (สมรส 2498–2556) |
บุตร | บุตรสาวหนึ่งคน |
สุรียานี อับดุลเลาะห์[1] (มลายู: Suriani Abdullah) นามเดิม เอ็ง หมิงจิง (Eng Ming Ching; 23 มกราคม พ.ศ. 2468 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2556) เป็นอดีตสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา[2][3]
สุรียานีเกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2468 ที่เมืองซีเตียวัน รัฐเปรัก ซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของบริติชมาลายา สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหนานหฺวา ณ ที่นั่นเธอได้รู้จักกับ Tu Lung Shan และอ๋อง บุ๋นหัว หรือเป็นที่รู้จักในนาม จีนเป็ง นักการเมืองผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์[4] กระทั่งสุรียานีเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ใต้ดินมาลายาเมื่อ ค.ศ. 1940 เธอมีส่วนร่วมในการระดมคนและจัดตั้งกลุ่มแรงงานสตรีในหุบเขากินตา[5] ต่อมาสุรียานีก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางใน ค.ศ. 1975[5]
สุรียานีสมรสกับเจ๊ะดะห์ อันยัง อับดุลเลาะห์ (Cik Dat bin Anjang Abdullah) หรือเป็นที่รู้จักในนาม อับดุลเลาะห์ ซีดี (Abdullah CD) ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาเมื่อ พ.ศ. 2498 เธอจึงเปลี่ยนชื่อและเข้ารีตศาสนาอิสลามตามความเชื่อของสามี หลังการกวาดล้างคอมมิวนิสต์โดยทางการสหราชอาณาจักร สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาหลายคนต้องหนีเข้าป่าและจับอาวุธขึ้นต่อสู้ จัดตั้งเป็นกรมกองกระจายตัวตามพื้นที่ต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 10 กอง ซึ่งอับดุลเลาะห์ ซีดี เป็นผู้นำทหารกองร้อยที่ 10 (หรือเรียกว่า กรมสิบ) ที่เข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ประเทศไทย[6] ดังพบการเคลื่อนไหวที่ตำบลดุซงญอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ในช่วง พ.ศ. 2491[7] ก่อนเคลื่อนตัวมายังอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ในเวลาต่อมา[6]
กระทั่งเกิดการลงนามเพื่อสันติภาพระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มาลายากับประเทศไทยและมาเลเซียเมื่อ พ.ศ. 2532 พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาประกาศวางอาวุธและสลายตัวออกจากป่า ทางรัฐบาลไทยได้จัดสรรที่ดินทำกิน และสถานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแก่อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาด้วยการจัดตั้งเป็นหมู่บ้านหลายแห่ง[8] ซึ่งสุรียานีและสามีได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส[6] โดยสุรียานีอาศัยอยู่ร่วมกับสามีและบุตรสาวจนกระทั่งเธอเสียชีวิตลงใน พ.ศ. 2556[9] อย่างไรก็ตาม ทางการมาเลเซียปฏิเสธที่จะรับอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์กลับไปเป็นพลเมืองของมาเลเซียอีก และยังสงวนท่าทีดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน[10]
สุรียานีเป็นผู้เขียนหนังสือ Rejimen Ke-10 dan Kemerdekaan ("กองร้อยที่ 10 และอิสรภาพ") บอกเล่าเรื่องราวของกองร้อยที่ 10 ของกองทัพปลดปล่อยชาติมาลายา[5] และหนังสือ Memoir Suriani Abdullah: Setengah Abad Perjuangan ("ความทรงจำของสุรียานี อับดุลเลาะห์: การต่อสู้ครึ่งศตวรรษ")[11]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)