หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ | |
---|---|
กำกับ | พีรศิษฏ์ โชเฮอิ โทโจ |
เขียนบท | ป.พิมล บุงโค วากาสุกิ |
อำนวยการสร้าง | สมโพธิ แสงเดือนฉาย |
นักแสดงนำ | ยอดชาย เมฆสุวรรณ ภาวนา ชนะจิต สีเผือก ศรีสุริยา พันธ์ ไชโย |
กำกับภาพ | มา จินดา (โทชิยูกิ มาจิดะ) |
ผู้จัดจำหน่าย | ไชโยภาพยนตร์ สึบุรายะโปรดักชั่น |
วันฉาย | 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 17 มีนาคม พ.ศ. 2522 |
ประเทศ | ไทย ญี่ปุ่น |
ภาษา | ไทย |
ทุนสร้าง | 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ |
ก่อนหน้านี้ | ยักษ์วัดแจ้งพบจัมโบ้เอ (2517) |
ต่อจากนี้ | หนุมานพบ 5 ไอ้มดแดง (2518) |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย |
หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีการร่วมมือระหว่างไชโยภาพยนตร์ ของไทย โดยสมโพธิ แสงเดือนฉาย และสึบูรายะพรอดักชันส์ ของญี่ปุ่น เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 และได้กลับนำถูกฉายใหม่อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยได้ปรับปรุงส่วนเสียงพากย์และดนตรีประกอบเข้ามาใหม่
ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ถูกฉายในชื่อว่า 6 พี่น้องอุลตร้า VS กองทัพสัตว์ประหลาด (ญี่ปุ่น: ウルトラ6兄弟VS怪獣軍団; โรมาจิ: Urutora Roku Kyōdai tai Kaijū Gundan) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522)
หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ เกิดขึ้นจากการที่เอจิ สึบุระยะ ผู้ก่อตั้งบริษัทสึบุรายะโปรดักชั่น จำกัด ถึงแก่กรรมไป และได้ทิ้งหนี้สินไว้ให้แก่บริษัทเป็นจำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้บริหารและประธานของสึบุรายะโปรดักชันในขณะนั้นคือ โนโบรุ สึบุรายะ บุตรชายของเอย์จิ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อขอพบกับสมโพธิ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาก่อน เพื่อขอความช่วยเหลือ ในตอนแรกสมโพธิเสนอที่จะให้เงินช่วยเหลือ แต่ทางโนโบรุได้ปฏิเสธ ก่อนที่จะตกลงสร้างภาพยนตร์ชุดนี้ด้วยกัน ทั้งหมด 2 เรื่อง โดยเรื่องก่อนหน้านั้น คือ ยักษ์วัดแจ้งพบจัมโบ้เอ ในปีเดียวกัน แต่เข้าฉายในช่วงต้นปี[1]
ภาพยนตร์เข้าฉายในประเทศไทย รับช่วงปิดเทอมปลายปี ได้รับความนิยมอย่างมากทำรายได้เพียง 7 วัน 1 ล้านบาท โดยเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงเพียงที่เดียว เฉพาะ 2 วันแรก ก็ทำรายได้กว่า 3 แสนบาทแล้ว โดยมีหุ่นจำลองขนาดใหญ่ของหนุมานตั้งแสดงอยู่หน้าโรง[1]
ในต่างประเทศ รัน รัน ชอว์ ประธานบริษัทชอว์บราเดอร์ส แห่งฮ่องกง ได้เดินทางมายังประเทศไทยด้วยตนเอง เพื่อติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายยังต่างประเทศ ด้วยราคา 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ กับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นเวลา 7 ปี โดยทำการลงนามเซ็นสัญญากันที่โรงแรมดุสิตธานี[1][2] เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นทำรายได้ถึง 70 ล้านบาท[1]
แต่ขณะที่เข้าฉาย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจาก รังสฤษดิ์ เชาวน์ศิริ ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น ว่าไม่เหมาะสม ที่จะนำหนุมานซึ่งเป็นตัวละครเอกในวรรณคดีไทย มาพบกับอุลตร้าแมน ซึ่งเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่น แต่ทว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลเชิดชูวัฒนธรรมของเอเชีย ในงานประกวดภาพยนตร์เอเชียที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย[3]
ต่อมา หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ 25 เรื่อง ที่กระทรวงวัฒนธรรม เลือกให้เป็นมรดกของชาติ เนื่องในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย ประจำปี 2555 [4]
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ได้มีคำพิพากษาว่าให้ภาพยนตร์เรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ ที่ผลิตโดยไชโยภาพยนตร์ (ไชโยโปรดักชัน) ถูกตกเป็นของบริษัทสึบุรายะ โปรดักชันเพียงผู้เดียว[5]
เป็นเรื่องราวของเด็กชายโก๊ะที่ถูกโจรที่ขโมยตัดเศียรพระยิงตาย จนเจ้าแม่อุลตร้าเห็นความดีของโก๊ะ จึงเรียกวิญญาณของหนุมานเพื่อให้เป็นร่างที่อาศัยอยู่ของหนุมาน ต่อมาในวันหนึ่ง การทดลองจรวดของดร.วิสุทธิ์ เกิดการผิดพลาดจนทำให้สัตว์ประหลาด 5 ตัวอาละวาดจนทำให้หนุมานสู้คนเดียวจนพ่ายแพ้ เหล่าพี่น้องอุลตร้าทั้งหกต้องไปช่วยจนชนะเหล่าสัตว์ประหลาดได้[6]
หนุมานพบ 11 ยอดมนุษย์ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ฉายในช่วงปี พ.ศ. 2527 เป็นการนำ หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ มาฉายใหม่อีกครั้ง โดยเพิ่มฉากของภาพยนตร์ อุลตร้าแมน ZOFFY นักรบอุลตร้า VS กองทัพสัตว์ประหลาด มาตัดต่อใหม่เพิ่มเติม ซึ่งได้เพิ่มตัวละครที่ปรากฏในภาพยนตร์คือ เจ้าพ่ออุลตร้า, อุลตร้าแมนเลโอ, แอสตร้า, อุลตร้าแมนคิง, อุลตร้าแมน 80, ยูเลี่ยน[8]
นอกจากนี้ในประเทศอเมริกาได้ซื้อลิขสิทธิ์ในการฉายในประเทศตัวเองโดยใช้ชื่อว่า SPACE WARRIORS 2000 (The Year of the Monkey Wrench)
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ หนุมาน