บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
หน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติของเอฟบีไอ | |
---|---|
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
เหล่า | ฝ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงาน, กลุ่มรับมือเหตุฉุกเฉิน |
รูปแบบ | ทีมเจรจา |
บทบาท | การต่อต้านการก่อการร้าย และการเจรจาต่อรอง |
กำลังรบ | 340 นาย |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผู้บัญชาการปัจจุบัน | แตกต่างกันไป |
หน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติของเอฟบีไอ (อังกฤษ: Crisis Negotiation Unit; อักษรย่อ: CNU) เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงานของกลุ่มรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งรับผิดชอบแผนงานเจรจาต่อรอง (ตัวประกัน) ในภาวะวิกฤตของเอฟบีไอ ภารกิจของหน่วยเจรจาต่อรองในภาวะวิกฤตนั้นมีสี่ส่วน ประกอบด้วย การปฏิบัติการ, การฝึก, การสืบเสาะ และการจัดการแผนงาน
หน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติรักษาความสามารถในการตอบสนองการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อดำเนินการ และจัดการการเจรจาต่อรอง ณ ที่เกิดเหตุในช่วงวิกฤตที่สำคัญทั่วโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับเอฟบีไอ โดยเอฟบีไอมีส่วนร่วมในระดับสากลเมื่อผู้เสียหายเป็นพลเมืองของสหรัฐ หรือมีข้อเรียกร้องต่อต้านรัฐบาลสหรัฐ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนี้ ผู้เจรจาต่อรองได้กรีฑาพลสู่ต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์การลักพาตัวที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองชาวสหรัฐ
เอฟบีไอถือเป็นหน่วยงานเจรจาต่อรองของรัฐบาลสหรัฐสำหรับอุบัติการณ์ระหว่างประเทศ โดยตั้งแต่ ค.ศ. 1990 หน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติได้มีส่วนร่วมในอุบัติการณ์ดังกล่าวมากกว่า 300 เหตุการณ์ทั่วโลก ผู้เจรจาของหน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติยังให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์แก่ทั้งผู้เจรจาภาคสนามของเอฟบีไอ และผู้เจรจาของตำรวจในประเทศเป็นประจำในระหว่างสถานการณ์วิกฤตในประเทศ
ทั้งนี้ เอฟบีไอมีเจ้าหน้าที่เจรจาวิกฤตประมาณ 340 คนในสำนักงานภาคสนาม 56 แห่ง ซึ่งหน่วยเจรจาต่อรองในสถานการณ์วิกฤติมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการทรัพยากรเหล่านี้ รวมถึงให้การฝึกและอุปกรณ์ใด ๆ ก็ตามที่จำเป็นสำหรับผู้เจรจาในสำนักงานภาคสนามเพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤติให้สำเร็จ