หมี่กะทิแบบลาว | |||||||
ชื่ออื่น | หมี่แขก | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
มื้อ | อาหารหลัก | ||||||
แหล่งกำเนิด | ประเทศไทย[1][2] | ||||||
ส่วนผสมหลัก | เส้นหมี่ขาว, กะทิ, ไข่ | ||||||
275 กิโลแคลอรี (1151 กิโลจูล)[1] | |||||||
| |||||||
จานอื่นที่คล้ายกัน | มีเซียม, ผัดไทย, ขนมจีนน้ำพริก | ||||||
หมี่กะทิ บ้างเรียก หมี่แขก, ผัดหมี่สีชมพู หรือ หมี่สยาม (มลายู: Mee siam) เป็นอาหารไทยชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นหมี่ขาวราดด้วยน้ำแกง หรือเป็นหมี่ขาวผัดกับน้ำปรุง[1] โดยเส้นนั้นจะมีสีออกชมพู[3][4] พบได้ในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งหมี่กะทิในแต่ละภูมิภาคจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไป[2][5] นอกจากนี้ยังสามารถพบอาหารที่มีลักษณะเดียวกันได้ในประเทศลาว และประเทศมาเลเซีย
สามารถพบอาหารชนิดนี้ได้ตามงานมงคลในต่างจังหวัด จนได้รับสมญาว่า "หมี่แขก" เพราะเป็นอาหารรับรองแขกเหรื่อ[2]
การทำหมี่กะทิแบบภาคกลาง มีกรรมวิธีไม่ยุ่งยาก เบื้องต้นคือการผัดเส้นหมี่ขาวให้เข้ากับซอสรสเปรี้ยว เผ็ด และหวาน[2] โดยใช้ซอสสีแดงเรื่อ ๆ ที่ได้จากมะเขือเทศเป็นหลัก[1][2][5] บ้างก็แต่งสีโดยการใส่เต้าหู้ยี้หรือซอสเย็นตาโฟ เพื่อให้สีสันของเส้นหมี่ชัดเจนขึ้น[2][3] เริ่มต้นจากการลวกเส้นหมี่ขาวให้นิ่ม แล้วนำไปผัดกับกะทิ เนื้อมะเขือเทศ ถั่วงอก และใบกุยช่ายจนเข้ากันเสียก่อนให้เส้นหมี่ขาวมีสีออกแดงเท่ากัน และน้ำกะทิงวดลง[3] ส่วนน้ำราดนั้น ทำจากน้ำกะทิ ใส่หอมแดงสับลงไปผัด ตามด้วยกุ้งสับ และหมูสับ[3] ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว น้ำตาลปี๊บ พริกป่น น้ำส้มมะขามเปียก ให้ได้รสชาติเค็ม เปรี้ยว หวานเล็กน้อย[1] บ้างก็ปรุงให้รสชาติเปรี้ยวหวานนำ และเค็มเล็กน้อย[4] ก่อนนำมาราดลงเส้นหมี่ขาว[1] หรือนำไปผัดกับเส้นหมี่จนแห้งก่อนเสิร์ฟ[4] โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นฝอย ผักชี พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย รับประทานเคียงกับใบกุยช่าย ใบบัวบก หัวปลี และถั่วงอกดิบ[1] หรือปรุงรสเพิ่มเติมด้วยมะนาว พริกป่น และถั่วลิสงคั่วป่น[3]
การทำหมี่กะทิแบบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีลักษณะที่ต่างออกไปจากแบบภาคกลาง คือมีลักษณะคล้ายกับขนมจีนน้ำพริก ใช้เส้นเล็กแทนเส้นหมี่ขาว ไม่ได้ใช้การผัดเส้น[2] และมีน้ำราดแยกต่างหาก[5] ตัวเส้นใช้เส้นเล็ก ลวกให้สุกแล้วคลุกเคล้าด้วยกระเทียมเจียว ส่วนตัวน้ำยาหรือน้ำราดมีลักษณะเหมือนน้ำยาน้ำพริก ทำจากกะทิผัดเข้ากับพริกแกง ใส่หมูสับที่โขลกกับเต้าเจี้ยวและถั่วลิสงบดให้เข้ากันใส่ในหม้อ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย แล้วตีไข่ไก่ลงไปให้เป็นฝอยลอยในหม้อ เมื่อจะรับประทาน ให้นำเส้นเล็กคลุกเคล้าเข้ากับน้ำยา รับประทานเคียงกันกับใบบัวบก ถั่วงอกดิบ ถั่วฝักยาว ผักติ้ว และดอกอัญชัน[6]
การทำหมี่กะทิแบบภาคใต้ เรียกว่า หมี่ฮุ้นผัดกะทิ มีลักษณะใกล้เคียงกับภาคกลางอยู่บ้าง คือ การนำหมี่ขาว (หรือหมี่ฮุ้น) มาผัดแต่ไม่ใส่สีชมพูอย่างภาคกลาง แล้วนำเส้นหมี่ฮุ้นมาผัดกับเครื่องแกง ที่ทำจากกะทิ พริกแกงพริกเผา ผัดกับหอมแดง เต้าเจี้ยวขาว หมูสับ กุ้ง ปลาหมึก หรือกากหมู ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก แต่ไม่ใส่น้ำปลา[2][5]
หมี่กะทิแบบภาคกลาง จัดเป็นอาหารที่มีปริมาณกากใยอาหารระดับดีปานกลาง ให้พลังงานต่ำ แต่มีปริมาณไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งมาจากตัวน้ำราดกะทิ[1]
{{cite web}}
: zero width space character ใน |title=
ที่ตำแหน่ง 9 (help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: zero width space character ใน |title=
ที่ตำแหน่ง 37 (help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: zero width space character ใน |title=
ที่ตำแหน่ง 1 (help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)