หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต) | |
---|---|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | |
ดำรงตำแหน่ง 2 กุมภาพันธ์ 2489 – 24 มีนาคม 2489 | |
นายกรัฐมนตรี | ควง อภัยวงศ์ |
ก่อนหน้า | อดุล อดุลเดชจรัส |
ถัดไป | พระยาสุนทรพิพิธ (เชย สุนทรพิพิธ) |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 15 พฤศจิกายน 2486 – 1 สิงหาคม 2487 | |
นายกรัฐมนตรี | จอมพลป. พิบูลสงคราม |
ก่อนหน้า | จอมพลป. พิบูลสงคราม |
ถัดไป | สินธุ์ กมลนาวิน |
ผู้บัญชาการทหารบก | |
ดำรงตำแหน่ง 6 สิงหาคม 2487 – 24 สิงหาคม 2487 | |
ก่อนหน้า | จอมพลป. พิบูลสงคราม |
ถัดไป | พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 เมืองสมุทรปราการ ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2507 (68 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
ศาสนา | พุทธ |
พรรคการเมือง | คณะราษฎร |
คู่สมรส | คุณหญิงชื่น เกรียงศักดิ์พิชิต บุญเหลือ ปีเจริญ |
บุตร | 11 คน |
บุพการี |
|
ศิษย์เก่า | โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า |
วิชาชีพ | ทหาร |
พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต ป.ช. ป.ม. นามเดิม พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 – 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2507) อดีตแม่ทัพกองทัพภาคอีสานในสงครามไทย-อินโดจีน, อดีตผู้บัญชาการทหารบก, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, อดีตสมาชิกคณะราษฎร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 (ส.ส.ประเภทที่ 2) ในปี พ.ศ. 2476
หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต มีชื่อจริงว่า พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต มีนามเดิมว่า ค้วน จิตตะคุณ เกิดเมื่อวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 ตรงกับวัน 2 เดือน 11 แรม 8 ค่ำ ปีวอก ภูมิลำเนาเดิม คลองบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ บิดาชื่อนายจิ้น มารดาชื่อนางเพียรภายหลังแยกทางกัน นายจิ้นได้ไปทำไร่ยาสูบที่นครปฐม จึงได้อาศัยอยู่กับมารดาซึ่งติดการพนันขายที่สวนนำไปเล่นพนันจนหมด ภายหลังมารดาได้เปลี่ยนอาชีพทำสวนมาพายเรือค้าขายแทน[1]
เมื่ออายุ 8 ปีมารดานำไปฝากตัวกับหลวงตาทองที่วัดบางกอบัวให้เรียนหนังสือได้เพียง 7 วันเพราะโดนเด็กวัดรังแก พออายุ 9 ปีมารดานำตัวไปฝากไว้กับอาจารย์ไล้ที่วัดบางบำหรุสอนหนังสือจนพออ่านออกเขียนได้ จากนั้นอาจารย์ไล้ได้นำตัวไปฝากเข้าโรงเรียนวินัยชำนาญ เมื่อสำเร็จชั้นประถมศึกษาจึงไปสมัครเรียนโรงเรียนราชบูรณะ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ซึ่งตอนนั้นมารดาเลิกค้าขายแล้วและได้ไปอยู่แม่ครัวให้กับคุณแปลก ตันยุวรรธนะช่วยอุดหนุนให้มีทุนเรียนชั้นมัธยมต่อได้[2]
ขีวิตในช่วงมัธยมก็มีเกเรหนีเที่ยวบ้างแต่ก็สอบไล่ได้ทุกปี ความตั้งใจเดิมก็ไม่คิดที่จะวางแผนอนาคตไปทางใดแต่บังเอิญเพื่อนสนิทแอบไปสมัครสอบโรงเรียนนายร้อยโยไม่บอกกกล่าวจึงน้อยใจเพื่อนและเกิดความมานะไปสมัครสอบบ้าง ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยมซึ่งในเวลานั้นมีผู้สมัครสอบ 75 คนแต่รับเพียง 10 คน[3]
จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยมัธยม (โรงเรียนนายร้อยทหารบก) ในปี พ.ศ. 2457 เหล่าปืนใหญ่ ซึ่งในรุ่นที่จบการศึกษานั้นเป็นเหล่าปืนใหญ่ทั้งหมดไม่สามารถเลือกเหล่าได้แบบรุ่นที่ผ่านๆมา หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตรับราชการครั้งแรกที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 จังหวัดลพบุรี แต่ภายหลังได้ลาออกจากราชการเนื่องจากมีความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวแบบคนหนุ่มทั่วไปประกอบกับตอนนั้นมีภรรยาทำอาชีพค้าขายอยู่ที่กรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จึงได้ลาออกไปช่วยกันทำมาหากินโดยการนำสินค้าจากกรุงเทพเข้ามาขายทางเรือซึ่งได้กำไรดี แต่ต้องค้าขายโดยการลำบากต้องถ่อเรือและหวนคิดถึงเกียรติยศของความเป็นนายทหารจึงได้หลบหนีภรรยาออกมาเพื่อสมัครเข้ามารับราชการใหม่รวมระยะเวลาที่ลาออกจากราชการ 8 เดือน[4]
หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต มีบุตรธิดารวม 11 คน โดยกับ คุณหญิงชื่น เกรียงศักดิ์พิชิต มีบุตรธิดา 9 คน[5] และกับ นางบุญเหลือ ปีเจริญ มีบุตรธิดา 2 คน[6]<rer>https://www.policecollege.go.th/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3</ref>[7]
เมื่อกลับเข้ารับราชการใหม่หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตถูกบรรจุที่กรมทหารบกปืนใหญ่ที่ 2 บางซื่อเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนปืนใหญ่ ลพบุรี เมื่อสำเร็จการศึกษาได้บรรจุที่เดิมได้แค่ 2 เดือนมีคำสั่งให้ไปเป็นผู้บังคับหมวดที่โรงเรียนปืนใหญ่ ประจำอยู่ที่โรงเรียนปืนใหญ่ 4 ปีก็โยกย้ายไปรับราชการเป็นผบ.ร้อยที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 8 เชียงใหม่ ประจำอยู่เชียงใหม่ได้ 2 ปีมีคำสังให้ย้ายมากรมทหารปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลกซึ่งอยู่ได้ 1 ปีครึ่งต่อมาภายหลังกรมทหารปืนใหญ่ที่ 7 ได้ยุบหน่วยมารวมกับกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 นครสวรรค์และประจำการเป็นเวลา 2 ปีครึ่งก่อนที่จะย้ายมาเป็นผบ.ร้อยอยู่ที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์เมื่อรับราชการได้ 1 ปี เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475[8]
หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม, พลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส, พลเอก มังกร พรหมโยธี, พลอากาศโท กาจ กาจสงคราม และจอมพล ผิน ชุณหะวัณ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2475 นักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกันนี้หลายคนได้เข้าร่วมเป็นคณะราษฎร ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ ซึ่งรวมถึงตัวของหลวงเกรียงศักดิ์พิชิตด้วย[9]
ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงเกรียงศักดิ์พิชิตในฐานะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล เมื่อพ.ศ. 2484[10]
ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2507 ตรงกับวันพุธ แรม 5 ค่ำ เดือน 8-8 (เดือน 8 ทุติยาสาฬห) ปีมะโรง สิริอายุได้ 68 ปี 9 วัน
ในระหว่างสงครามไทย-อินโดจีน (กรณีพิพาทอินโดจีน) พ.ศ. 2483 กองทัพในบัญชาของ พันเอก หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (ยศในขณะนั้น) สามารถเข้ายึดนครจำปาศักดิ์ได้ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ได้แต่งเพลงให้เพลงหนึ่งคือ นครจำปาศักดิ์ มีเนื้อหายกย่องวีรกรรมครั้งนี้
หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต) | |
---|---|
รับใช้ | ไทย |
แผนก/ | กองทัพบกไทย, กองทัพเรือไทย และกองทัพอากาศไทย |
ประจำการ | |
ชั้นยศ |
หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต) ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้ประจำกระทรวง ในรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ต่อมาถูกปรับไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในคณะรัฐมนตรีชุดต่อมา ในขณะที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกระทั่งในเวลาต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์[15]
เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ในปี พ.ศ. 2494[16]