องค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจา | |
---|---|
มีส่วนร่วมในการกบฏโรฮีนจา | |
ปฏิบัติการ | ค.ศ. 1982 –ค.ศ. 1998 (ยุบทหาร) |
แนวคิด | ชาตินิยมโรฮิงญา ลัทธิอิสลาม |
ผู้นำ | มุฮัมมัด อายุบ [1] |
พื้นที่ปฏิบัติการ | รัฐยะไข่, ชายแดนประเทศบังกลาเทศ–พม่า |
พันธมิตร | ARNO |
ปรปักษ์ | สหภาพพม่า |
การสู้รบและสงคราม | การกบฏโรฮีนจา |
ตราประจำตำแหน่ง | |
ธง |
องค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจา (อังกฤษ: Rohingya Solidarity Organisation, RSO; เบงกอล: রোহিঙ্গা সলিডারিটি অর্গানাইজেশন) เป็นองค์กรทางทหารของชาวโรฮีนจา ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2523 หลังจากที่กองทัพพม่าใช้ความรุนแรงในรัฐยะไข่ตามยุทธการราชามังกร ซึ่งผลักดันให้ชาวโรฮีนจา 250,000 คน ต้องหนีไปยังชายแดนบังกลาเทศ
ในช่วงระหว่างสงครามปลดปล่อยบังกลาเทศใน พ.ศ. 2514 ชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนมีโอกาสสะสมอาวุธที่ใช้ในสงครามเหล่านี้ ต่อมา ในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ผู้นำกบฏมุญาฮิดีนที่เหลืออยู่คือซัฟฟาร์ได้จัดตั้งพรรคปลดปล่อยโรฮีนจาโดยซัฟฟาร์เป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าคือคืออัลดุล ลาติฟ และเลขาธิการคือมุฮัมมัด ญาฟาร์ ซัฟฟาร์ อาจิบ ซึ่งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง เริ่มต้นมีสมาชิก 200 คน ต่อมาเพิ่มเป็น 500 คนใน พ.ศ. 2517 พรรคนี้มีฐานที่มั่นในเมืองบูทิด่อง หลังจากการปราบปรามของทหารพม่าในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2517 ซัฟฟาร์และคนสนิทหนีไปยังบังกลาเทศและบทบาทของเขาได้หายไป
หลังจากการล้มเหลวของพรรคปลดปล่อยโรฮีนจา มุฮัมมัด ญาฟาร์ ฮาบิบได้จัดตั้งแนวร่วมนักรบโรฮีนจาใน พ.ศ. 2517 โดยมีทหาร 70 คนโดยฮาบิบเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรคคือนูรุล อิสลาม ซึ่งเป็นทนายความในย่างกุ้ง และผู้บัญชาการสูงสุดของพรรคคือมูฮัมมัด ยูนุสซึ่งเป็นหมอ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2521 รัฐบาลของเน วินได้ใช้ยุทธการราชามังกรในยะไข่เพื่อตรวจสอบผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายในพม่า เมื่อนำยุทธการนี้มาใช้ในยะไข่ มีผู้อพยพราวหมื่นคนข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศ ชาวโรฮีนจาจากพม่าได้ลุกฮือขึ้นตามแนวชายแดนบังกลาเทศ[2][3][4] กลุ่มของทหารหัวรุนแรงอย่างแนวร่วมนักรบโรฮีนจาใช้โอกาสนี้ในการระดมคนมาร่วมรบ ต่อมาในราว พ.ศ. 2523 กลุ่มหัวรุนแรงได้แยกออกมาจากแนวร่วมนักรบโรฮีนจา และตั้งองค์กรของตนเองขึ้นคือ องค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจานำโดยมูฮัมมัด ยูนุส ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นองค์กรทางทหารที่สำคัญของชาวโรฮีนจา องค์กรนี้เน้นความเชื่อทางศาสนา ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากโลกมุสลิมได้แก่ JeI ในบังกลาเทศและปากีสถาน ฆุลบุดดิน เฮกมัตยัร ฮิซ-อี-อิสลามี ในอัฟกานิสถาน ฮิซ-อุล-มุญาฮิดีนในรัฐชัมมูและกัศมีร์ และองค์กรยุวชนอิสลามแห่งมาเลเซีย
กลุ่มทางทหารของชาวโรฮีนจาอีกกลุ่มหนึ่งคือแนวร่วมอิสลามโรฮีนจาอาระกันก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2529 โดยนูรุล อิสลาม องค์กรนี้มาจากส่วนที่เหลืออยู่ของแนวร่วมนักรบโรฮีนจา
ค่ายทหารขององค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจาตั้งอยู่ที่เมืองคอกส์บาซาร์ทางภาคใต้ของบังกลาเทศ นักรบขององค์กรนี้บางส่วนไปฝึกฝนกับมุญาฮิดีนในอัฟกานิสถาน จากหลักฐานวิดีโอเทปของ CNN ได้ชี้ให้เห็นว่ามุสลิมจากพม่าได้ไปฝึกการรบในอัฟกานิสถาน วิดีโอบางม้วนถ่ายในค่ายขององค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจาในบังกลาเทศ
การขยายตัวขององค์การโรฮีนจาเข้มแข็งใน พ.ศ. 2523 – 2533 ทำให้รัฐบาลพม่าเข้มงวดกับแนวชายแดนพม่า-บังกลาเทศ ทหารพม่าข้ามพรมแดนไปโจมตีค่ายทหารของโรฮีนจาในบังกลาเทศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพม่ากับบังกลาเทศ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 พลเรือนโรฮีนจากว่า 250,000 คนถูกบีบให้อพยพออกจากยะไข่ในช่วงนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ออกแถลงการณ์ประณามพม่า[2][5] ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2537 สมาชิกองค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจา 120 คนข้ามแม่น้ำนาฟเข้าสู่เมืองหม่องด่อ และในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2537 ได้มีการวางระเบิด 12 จุดในเมืองหม่องด่อซึ่งเป็นผลงานขององค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจา[6]
ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2541 องค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮีนจาและแนวร่วมอิสลามโรฮีนจาอาระกันได้รวมเข้าด้วยกันเป็นสภาแห่งชาติโรฮีนจา ซึ่งมีกองทัพแห่งชาติโรฮีนจาเป็นกองกำลังติดอาวุธและมีองค์กรแห่งชาติอาระกันเป็นหน่วยงานประสานระหว่างโรฮีนจากลุ่มต่าง ๆ[7]
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 มุสลิมโรฮีนจา 80–100 คนในหม่องด่อถูกกองกำลังป้องกันชายแดนของพม่าจับกุม โดยกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการฝึกจากฏอลิบาน[8][9] ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยนี้ มี 19 คนถูกดำเนินคดีและมี 12 คนถูกตัดสินจำคุกเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2554[10]
{{cite book}}
: CS1 maint: extra punctuation (ลิงก์)