ขนมอังกู๊ในจาการ์ตา | |
ชื่ออื่น | อ่าง-, อัง-, อั่ง-, อั้ง-, -กู, -กู้, -กู๊, +ก้วย ("ก้วย" แปลว่าขนม) ขนมเต่า (ภาษาไทย) |
---|---|
มื้อ | อาหารว่าง: ขนม |
แหล่งกำเนิด | ประเทศจีน |
ภูมิภาค | ฮกเกี้ยน |
อุณหภูมิเสิร์ฟ | ร้อน |
ส่วนผสมหลัก | แป้งข้าวเหนียว:ถั่วเขียว |
|
ขนมอังกู๊ หรือ ขนมเต่า หรือ อังกู๊ก้วย (มีการสะกดหลายแบบ; จีนตัวย่อ: 红龟粿; จีนตัวเต็ม: 紅龜粿; เป่อ่วยยี: Âng-Ku-Kóe; ขนมเต่าแดง) เป็นขนมของคนเชื้อสายจีน ได้รับความนิยมไปจนถึงอินโดนีเซีย โดยเรียกว่า กูเวกู (kue ku) [1] มีไส้ประกอบด้วยถั่วทอง น้ำตาล นิยมนำมาเป็นเครื่องบวงสรวงในพิธีต่าง ๆ หรือในงานรับขวัญเด็กเกิดใหม่ บางคนเชื่อว่าควรทำพิธีกรรมนี้ก่อนเด็กอายุครบเดือน เพื่อให้เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ โดยจะนำขนมที่ถือว่าเป็นสิริมงคลไปไหว้พระด้วยคือขนมเต่า ซึ่งมีความหมายว่า ให้มีอายุมั่นขวัญยืนนั่นเอง
สีพื้นของขนมอังกู๊มีแค่สองสีคือ สีแดงใช้ในงานมงคล และสีขาวใช้ในงานอวมงคล แต่ก็อาจดัดแปลงเป็นสีอื่นได้เช่น สีน้ำตาล สีเหลือง สีส้ม สีเขียว ฯลฯ
นำแป้งข้าวเหนียว นวดกับน้ำ น้ำมันพืช น้ำตาล สีผสมอาหารโดยเฉพาะสีแดง นวดให้เข้ากันและนิ่ม ส่วนผสมไส้ นำถั่วทองที่หุงสุกแล้วไปกวนกับน้ำตาลจนแห้ง แล้วจึงนำมาห่อกับแป้งข้าวเหนียว นำไปกดลงในพิมพ์ แล้วนำไปนึ่ง นอกจากสีแดงแล้วสามารถทำได้อีกหลากสีตามความต้องการของผู้ทำ แต่ถ้าเป็นการทำในการอวมงคลไม่ต้องใส่สีให้เป็นสีขาว
ข้างในเป็นใส่ถั่วเขียวกวน มี 4 ชนิดหลัก
ใช้ในพิธีวันเทศกาลพ้อต่อ เพื่อสักการะพระกวนอิมไต่สือ ทำจากแป้งสาลี แล้วนำไปอบในเตาไฟ แล้วออกมาท่าสีแดง ตามขนาดของผู้ที่สั้ง เพราะเชื่อว่าเต่าเป็นสัตว์อายุยืน เวลาทำป่ายปั๋วเสร็จ เจ้าของเต่าจะต้องเลือกว่าจะปล่อย หรือ จะนำกลับ ปล่อยคือบริจาคเต่าตัวนั้นให้ศาลเจ้า หากจะให้อร่อยให้นำไปชุบไข่ทอด[2]