อัลลอฮ์ในฐานะเทพแห่งดวงจันทร์ สื่อถึงสมมติฐานประวัติศาสตร์เทียมที่ปัจจุบันถูกหักล้างไว้ว่า 'อัลลอฮ์' (พระนามของพระเป็นเจ้าในศาสนาอิสลาม) มีต้นกำเนิดในฐานะเทพแห่งดวงจันทร์ โดยปรากฏครั้งแรกใน ค.ศ. 1901 เมื่อ Hugo Winckler ระบุพระนามอัลลอฮ์เข้ากับเทพอาหรับก่อนการมาของอิสลามที่รู้จักกันในชื่อฮุบัล ซึ่งเขาเรียกเป็นเทพแห่งดวงจันทร์
ผู้แก้ต่างคริสเตียนได้เผยแพร่แนวคิดทั่วไปนี้อย่างกว้างขวางในสหรัฐเมื่อคริสต์ทศวรรษ 1990 โดยครั้งแรกผ่านการตีพิมพ์จุลสาร The Moon-god Allah: In Archeology of the Middle East (1994) ของรอเบิร์ต โมรีย์ ตามมาด้วยหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า The Islamic Invasion: Confronting the World's Fastest-Growing Religion (2001) โมรีย์โต้แย้งว่า "อัลลอฮ์" เป็นพระนามของเทพีแห่งดวงจันทร์ในเทพปกรณัมอาหรับก่อนอิสลาม การใช้ปฏิทินจันทรคติของอิสลามและการแพร่หลายของภาพพระจันทร์เสี้ยวในศาสนาอิสลามก็ถูกนำมาใช้สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน[1]
นักวิชาการสมัยใหม่ปฏิเสธการทำซ้ำของทฤษฎีทั้งสองว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด การเผยแพร่ทฤษฎีอย่างต่อเนื่องถือเป็นการดูหมิ่นทั้งมุสลิมกับชาวอาหรับคริสเตียนที่เรียกพระผู้เป็นเจ้าว่า 'อัลลอฮ์'[2]
ก่่อนการมาของศาสนาอิสลาม กะอ์บะฮ์เคยมีรูปปั้นที่เป็นตัวแทนของเทพฮุบัล[3][4] Julius Wellhausen พิจารณาว่าฮุบัลคือพระนามเก่าของอัลลอฮ์ โดยอิงบนพื้นฐานที่ว่ากะอ์บะฮ์ยังเป็นบ้านของอัลลอฮ์[5][6][7] ในทางกลับกัน Hugo Winckler นักวิชาการในคริสต์ศตวรรษที่ 20 อ้างว่าฮุบัลคือเทพแห่งดวงจันทร์[8] แม้ว่าคนอื่นจะเสนอเป็นอย่างอื่นก็ตาม เดวิด ลีมิงกล่าวถึงพระองค์เป็นเทพนักรบและฝน[9] และ Mircea Eliade ก็กล่าวในแบบเดียวกัน[10]
นักวิชาการสมัยใหม่ปฏิเสธมุมมองนี้ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการคาดเดา แต่ก็เป็นเพราะต้นกำเนิดของฮุบัลจากแนบาทีอา[11] เทพต่างชาตินี้นำเข้าไปยังศาลเจ้าอาระเบียตอนใต้ ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเชื่อมโยงกับอัลลอฮ์อยู่แล้ว[9] Patricia Crone โต้แย้งว่า "ถ้าฮุบัลกับอัลลอฮ์เป็นเทพเจ้าองค์เดรยวกัน ฮุบัลควรจะอยู่รอดในฐานะฉายาของอัลลอฮ์ ซึ่งกลับไม่เป็นเช่นนั้น และยิ่งกว่านั้น ไม่มีประเพณีที่ผู้คนขอให้ละทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่อนับถืออีกสิ่งหนึ่ง"[12] โจเซฟ ลัมบาร์ด ศาสตราจารย์อิสลามคลาสสิก ได้กล่าวว่าแนวคิดนี้ "ไม่เพียงแค่ดูหมิ่นมุสลิมเท่านั้น แต่ยังดูหมิ่นชาวอาหรับคริสเตียนที่ใช้พระนาม 'อัลลอฮ์' สำหรับพระผู้เป็นเจ้าด้วย"[2]
หนังสือ The Moon-god Allah in the Archeology of the Middle East ของรอเบิร์ต โมรีย์อ้างว่าอัลอุซซามีต้นกำเนิดที่เกี่ยวข้องกับฮุบัล ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นเทพแห่งดวงจันทร์[13] โดยมีการเน้นย้ำคำสอนนี้ใน "Allah Had No Son" และ "The Little Bride" ของชิก แทร็ก จากนั้นใน ค.ศ. 1996 เจเนต พาร์แชลกล่าวในสมาคมวิทยุกระจายเสียงว่ามุสลิมบูชาเทพแห่งดวงจันทร์[14] แพต รอเบิร์ตสันกล่าวไว้ใน ค.ศ. 2003 ว่า "ความพยายามที่ว่าใครมีอำนาจสูงสุดระหว่างฮุบัล เทพดวงจันทร์แห่งมักกะฮ์ที่รู้จักในนามอัลลอฮ์ หรือพระเยโฮวาห์ในพระคัมภีร์ของยิว-คริสต์"[15]
อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดจากแหล่งต่าง ๆ ได้พิสูจน์แล้วว่า "หลักฐาน" ที่โมรีย์ใช้นั้นเป็นรูปปั้นจากสถานที่ขุดค้นใน Hazor ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ "อัลลอฮ์" เลย[16] ตามความเป็นจริง ริก บราวน์ นักวิชาการคัมภีร์ไบเบิลปฏิเสธแนวคิดนี้อย่างเปิดเผย โดยกล่าวว่า:
ใครที่อ้างว่าอัลลอฮ์คือเทพเจ้าของพวกนอกรีต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทพแห่งดวงจันทร์ มักจะอ้างถึงสัญลักษณ์ของดวงจันทร์เสี้ยวบนมัสยิดหลายหลังและมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งความจริงแล้วก่อนที่ศาสนาอิสลามจะบังเกิดนั้น มี "เทพเจ้า" และเทวรูปอยู่หลายองค์ที่ถูกบูชาในตะวันออกกลาง แต่ชื่อของเทพแห่งดวงจันทร์นั้นคือซีน ไม่ใช่อัลลอฮ์, และพระองค์ยังไม่เป็นที่รู้จักอีกในอาระเบีย พระเจ้าที่สำคัญที่สุดในอาระเบียนั้นคือเทพเจ้าที่มีนามว่าฮุบัล และไม่มีหลักฐานเลยว่าพระองค์คือเทพแห่งดวงจันทร์ บางครั้งได้มีการอ้างว่ามีเทวสถานที่บูชาดวงจันทร์ที่ฮาโซร์ ปาเลสไตน์ โดยถือตรงที่มีสร้อยรูปดวงจันทร์เสี้ยวนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สร้อยนั้นคือสัญลักษณ์ของเทพแห่งดวงจันทร์ และบริเวณนี้ไม่ใช่บริเวณของชาวอาหรับ แต่เป็นบริเวณของชาวคะนาอัน ซึ่งโจชัวทำลายมันเมื่อ 1250 ปีก่อนคริสตกาล ... ถ้าชาวอาหรับสมัยก่อนบูชาเทวรูปกว่าร้อยองค์ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าซีนจะรวมในนั้นด้วย ... แต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการบูชาดวงจันทร์ หรือการใช้รูปดวงจันทร์เป็นตัวแทนเทพแห่งดวงจันทร์ของชาวอาหรับ และอัลลอฮ์ก็ไม่ใช่ชื่อของเทพแห่งดวงจันทร์[17]
ใน ค.ศ. 2009 Gregory Starrett นักมานุษยวิทยา เขียนไว้ว่า "ผลสำรวจล่าสุดจาก Council for American Islamic Relations rรายงานว่า มีชาวอเมริกามากถึงร้อยละ 10 ที่เชื่อว่ามุสลิมเป็นพวกนอกรีตที่บูชเทพหรือเทพีแห่งดวงจันทร์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่เผยแพร่อย่างกระตือรือร้นโดยนักกิจกรรมคริสเตียนบางคน"[18] Ibrahim Hooper จาก Council on American-Islamic Relations (CAIR) เรียกทฤษฎีเทพ-ดวงจันทร์ของอัลลอฮ์เป็น "จินตนาการ" ของผู้ประกาศข่าวดีที่ "ชุกชุมอยู่ในหนังสือการ์ตูนของพวกเขา"[19]
ใน Book of Idols ของฮิชาม อิบน์ อัลกัลบี นักประวัติศาสตร์ชาวอาหรับในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ระบุว่า เทวรูปฮุบัลมีรูปร่างเป็นมนุษย์ที่มีมือทอง (แทนที่มือเดิมที่หักออกจากรูปปั้น) เทวรูปนี้มีลูกธนูที่ใช้ในการทำนาย 7 อัน[20]
ไม่ว่าฮุบัลจะเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์หรือไม่ก็ตาม ทั้งมุฮัมมัดและศัตรูของท่านต่างก็ระบุอย่างชัดเจนว่าฮุบัลกับอัลลอฮ์เป็นเทพเจ้าที่แตกต่างกัน ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันในยุทธการที่บะดัร อิบน์ ฮิชามระบุว่า อะบูซุฟยาน อิบน์ ฮัรบ์ ผู้นำกองทัพต่อต้านอิสลามที่พ่ายแพ้ เรียกฮุบัลให้นำมาซึ่งชัยชนะในสงครามถัดไป[21]
อัลกุรอานเองห้ามสักการะดวงจันทร์ ตามที่โองการที่ 37 ของซูเราะฮ์ ฟุศศิลัต ระบุไว้ว่า:
"...และดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่าได้สุญูด แต่จงสุญุดแด่อัลลอฮฺพระผู้ทรงสร้างพวกมัน..."[22][23][24]
ศาสนาอิสลามสอนว่าอัลลอฮ์คือพระนามของพระผู้เป็นเจ้า (ตามที่กล่าวซ้ำในอัลกุรอาน)[25] และเป้นพระเจ้าองค์เดียวกันกับศาสนาอับราฮัมอื่น ๆ เช่น ศาสนาคริสต์และศาสนายูดาห์ (29:46).[26]