อูรักลาโวยจ

อูรักลาโวยจ
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ
จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดกระบี่, จังหวัดสตูล ประเทศไทย
ภาษา
ภาษาอูรักลาโวยจ, ภาษามลายูถิ่น, ภาษาไทยถิ่นใต้ และภาษาไทย
ศาสนา
ศาสนาดั้งเดิม, พระพุทธศาสนา, ศาสนาคริสต์

อูรักลาโวยจ (Urak Lawoi’) หรือ อูรักลาโว้ย[1] เป็นชาวเล กลุ่มใหญ่มีถิ่นฐานในภาคใต้ของประเทศไทย พบได้ที่เกาะสิเหร่ และที่หาดราไวย์ บ้านสะปํา จังหวัดภูเก็ต จนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอน เกาะจำ เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่, เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล และบางส่วนอยู่ที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง นอกจากนี้ยังอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศมาเลเซีย

ชาวเลกลุ่มอูรักลาโวยจมีภาษาที่แตกต่างกับกลุ่มมอแกนและมอแกลน แม้จัดอยู่ในตระกูลออสโตรนีเชียน เช่นเดียวกัน พิธีกรรมสำคัญของอูรักลาโวยจคือ การลอยเรือ "ปลาจั๊ก" เพื่อกำจัดเคราะห์ร้ายออกไปจากชุมชน

ในปัจจุบัน ชาวเลกลุ่มอูรักลาโวยจตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร หันมาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง รับจ้างทำสวน และอาชีพอื่น ๆ ซึมซับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และเรียกขานตัวเองว่า ไทยใหม่ [2]

ประวัติ

[แก้]

อูรักลาโวยจ มีความหมายว่า "คนทะเล" มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีตชาวอูรักลาโวยจอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาฆูนุงฌึไร ในแถบชายฝั่งทะเลในรัฐเกอดะฮ์ (ไทรบุรี) จากนั้นก็เร่ร่อนเข้ามาสู่ในน่านน้ำไทย แถบทะเลอันดามัน ในช่วงแรกยังมีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อน โดยอาศัยเรือไม้ระกำเป็นที่อยู่และพาหนะ พวกเขาใช้กายัก หรือแฝกสำหรับมุงหลังคาเป็นเพิงอาศัยบนเรือ หรือเพิงพักชั่วคราวตามชายหาดในฤดูมรสุม

ชาวอูรักลาโวยจยังชีพด้วยการท่องเรือตามหมู่เกาะ กลุ่มละ 5-6 ลำ บางครั้งพวกเขาก็จะขึ้นเกาะมาเพื่อหาของป่า แต่ส่วนใหญ่จะล่าสัตว์ทะเลด้วยเครื่องมือง่าย ๆ อย่าง ฉมวก สามง่าม เบ็ดพวกเขามีความสามารถในการดำน้ำทะเลลึกเพื่อแทงปลาหรือจับกุ้งมังกรด้วยมือเปล่าและดำน้ำเก็บหอยจากก้นทะเล

ตามตำนานเล่าว่าชาวอูรักลาโวยจเคยมีบรรพบุรุษเดียวกับชาวมอแกนและเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เร่ร่อนในทะเลมานาน พวกเขาใช้ภาษาอูรักลาโวยจเป็นภาษาพูด พวกเขาเชื่อกันว่าเกาะลันตาเป็นสถานที่แรกที่ชาวอูรักลาโวยจตั้งถิ่นฐาน เปรียบเสมือนเมืองหลวงของพวกเขาเลยทีเดียว แต่พวกเขาก็ยังอพยพเร่ร่อนอยู่เรื่อย ๆ โดยโยกย้ายไปตามหมู่เกาะต่าง ๆ และตั้งถิ่นฐานที่เกาะนั้น ๆ และกลับมาที่เดิม แต่ทุกกลุ่มยังคงมีความสัมพันธ์ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ถือว่าเป็นสังคมเครือญาติใหญ่

ปัจจุบันพวกเขาตั้งบริเวณเกาะสิเหร่ หาดราไวย์ แหลมหลาเหนือ และบ้านสะปำ ในจังหวัดภูเก็ต เกาะพีพี เกาะจำ เกาะปู เกาะไหว และเกาะลันตาใหญ่ ในจังหวัดกระบี่ ไปจนถึงเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะบุโหลน และเกาะราวี จังหวัดสตูล

วิถีชีวิต

[แก้]

ชาวอูรักลาโวยจใช้ชีวิตครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียว โดยฝ่ายชายจะเข้าอยู่กับครัวเรือนฝ่ายหญิงชั่วคราว ก่อนแยกเป็นครอบครัวเดี่ยวเมื่อถึงเวลาสมควร ชาวอุรักลาโวยจนั้นนับถือผีบรรพบุรุษ และสิ่งเหนือธรรมชาติว่ามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต "โต๊ะหมอ"จะเป็นผู้นำในการทำพิธีกรรมต่างๆ เช่นพิธีลอยเรือ พิธีแก้บน เป็นต้น

ทุกครึ่งปีในเดือนหกและเดือนสิบเอ็ด ไม่ว่าชาวอูรักลาโวยจ จะกระจัดกระจายอยู่ที่ใด พวกเขาก็จะกลับมายังถิ่นฐานเดิมเพื่อเข้าร่วมในพิธีลอยเรือ หรือ "เปอลาจั๊ก" ในวันนั้นที่ชายหาดจะมีการบรรเลงรำมะนา เสียงเพลง การร้องรำ การเล่นรองเง็ง ตลอดจนการดื่มฉลองพิธีการในวาระอันสำคัญของชาวอูรักลาโวยจ

ตำนานเกี่ยวกับฆูนุงฌึรัย : ที่มาของชาวเลอูรักลาโวยจ

[แก้]

มีตำนานเรื่องหนึ่งซึ่ง David Hogan (1972 : 129,128) บันทึกจากคำบอกเล่าของชาวเลวัย 60-70 ปี ที่อาศัยอยู่บนเกาะอาดังว่า พระเจ้าได้ส่ง นะบีโน๊ะ มาชักชวนให้บรรพบุรุษของเขานับถือพระเจ้า แต่ถูกปฏิเสธจึงสาปแช่งไว้ จนพวกเขาต้องเคลื่อนย้ายลงมายังชายฝั่งเชิงเขา “ฆูนุงฌึรัย” บ้างก็เข้าป่าเป็นคนป่า บ้างก็กลายเป็นลิง บ้างก็เป็นกระรอก บ้างก็เป็นอูรักลาโวยจ คนของทะเล หรือชาวเลไป ผู้ให้ข้อมูลคนเดียวกันเล่าว่า ชาวเลกลุ่มแรกที่อาศัยเรือ “jukok” หรือ “เรือเป็ด” ไหลลอยขึ้นมา บ้างก็ตั้งถิ่นฐานในป่าเคดาห์ บ้างก็ตั้งถิ่นฐานที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ Hogan ได้เน้นย้ำว่าอูรักลาโวยจผู้สูงอายุส่วนใหญ่กล่าวกันว่า เกาะลันตาเป็นดินแดนแห่งแรกในประเทศไทยที่ชาวเลอูรักลาโวยจเปลี่ยนวิถีชีวิตขึ้นไปตั้งถิ่นฐาน

ทว่า David Hogan และผู้วิจัยคนอื่น ๆ ไม่ได้เข้าใจว่า อันที่จริงเรื่องเล่าของชาวเลคนนั้นเป็นเรื่องเล่าจากคัมภีร์อัลกุรอาน และคัมภีร์ไบเบิล คำว่า นะบี เป็นคำในภาษาอาหรับแปลว่า ศาสดาพยากรณ์ ส่วน โน๊ะ ก็คือ นูฮฺ หรือ โนอาห์ ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ เมื่อพระเจ้าบันดาลให้เกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ นะบีนูฮฺ ก็พาบรรดาศรัทธาชนลงเรือหนีน้ำที่ท่วมโลก ในที่สุดเรือนั้นก็จอดบนเขา อัลญูดี ส่วนผู้เฒ่าที่เล่าเรื่อง หรือชาวเลอูรักลาโวยจ คิดว่าเป็น ฆูนุงฌึรัย (แปลว่า ภูผาต้นไทร)

อย่างไรก็ตาม จากความเชื่ออันนี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า ชาวเลอูรักลาโวยจ ในอดีตเคยได้รับอิทธิพลของศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชนชาติในตระกูลมาเลย์อิกทั้งหลาย นอกจากนี้ภาษาอูรักลาโวยจยังใกล้เคียงกับภาษามลายูอีกด้วย

อ้างอิง

[แก้]
  1. ชนเผ่าพื้นเมืองอูรักลาโว้ย โดย โครงการพัฒนาระบฐานขอ้มูลเพื่อเสริมสร้างความเข้มแขง็ให้แก่ชนเผาพื้นเมืองในประเทศไทย, “สิทธิเรา คือ เสาบ้าน” : การต่อรองเชิงความหมายในกรรมสิทธิ์ที่ดินของชาวเล โดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  2. "บทความเมืองกระบี่::ชาวเลกลุ่มอูรักลาโว้ย เกาะลันตา, สังคมชาวเลที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-11. สืบค้นเมื่อ 2009-07-31.