อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช | |
---|---|
ส่วนหนึ่งของกองทัพเรือไทย | |
สัตหีบ ชลบุรี | |
![]() ฐานทัพเรือในปี พ.ศ. 2555 | |
![]() | |
![]() | |
พิกัด | 12°37′38″N 100°55′41″E / 12.627146°N 100.928003°E |
ประเภท | อู่ต่อเรือ |
ข้อมูล | |
เจ้าของ | กรมอู่ทหารเรือ |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
ประวัติศาสตร์ | |
สร้าง | 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 |
การใช้งาน | 21 เมษายน พ.ศ. 2541 |
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ (อังกฤษ: Mahidol Adulyadej Naval Dockyard) เป็นอู่ต่อเรือของกองทัพเรือไทยในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อู่นี้ตั้งชื่อตามสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงประจำการในกองทัพเรือไทยระหว่างปี พ.ศ. 2455 ถึง พ.ศ. 2457 ซึ่งมีแผนที่จะใช้เป็นฐานเรือดำน้ำของไทยไว้ที่อู่แห่งนี้[1]ในปี พ.ศ. 2568 พลเรือตรี ปิยะ ปฐมบูรณ์ เป็น ผู้อำนวยการอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เริ่มต้นจากการประเมินแล้วว่าอู่เรือ 2 แห่งแรกของกองทัพเรือ คืออู่ทหารเรือธนบุรี และอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า ไม่สามารถรองรับการซ่อมบำรุงเรือสมัยใหม่ขนาดใหญ่ได้[2] โดยมีเรือที่ต้องเข้าคิวเพื่อซ่อมบำรุงในอู่แห้งมากถึง 35-40 ลำ และต้องมีระวางน้ำไม่เกิน 5,000 ตัน ความยาวเรือไม่เกิน 120 เมตร ในขณะที่กองทัพเรือมีการจัดหาเรือขนาดใหญ่เพื่อทดแทนเรือแบบเก่าซึ่งไม่สามารถเข้าซ่อมบำรุงที่อู่แห้งของทั้งสองอู่เรือเดิมได้ ทำให้กองทัพเรือพิจารณาหาพื้นที่สำหรับสร้างอู่เรือแห่งใหม่ พบว่าพื้นที่บริเวณอ่าวจุกเสม็ด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีมีความเหมาะสม เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ฐานทัพเรือสัตหีบที่เป็นกำลังหลักทางเรือ ใกล้กับกองกำลังป้องกันชายฝั่ง มีภูมิประเทศที่สงบจากการป้องกันของเกาะและเขื่อนกั้นคลื่น รวมถึงยังใกล้กับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และสนามบินอู่ตะเภา สะดวกต่อการส่งกำลังบำรุงทั้งทางอากาศและทางน้ำ สามารถพัฒนาต่อได้ในเชิงพาณิชย์ จึงได้เสนอต่อกระทรวงกลาโหมเพื่อก่อสร้างอู่เรือแห่งใหม่ โดยได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ด้วยวงเงินงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นอู่สำหรับซ่อมบำรุงเรือรบขนาดใหญ่ของกองทัพเรือไทย มีศักยภาพรองรับเรือรบขนาดใหญ่มากกว่า 20,000 ตัน (Displacement Ton)[3] และเรือสินค้าขนาดมากกว่า 1 แสนตันกรอส (Gross Tonnage)[4] โดยอู่ได้รับพระราชทานชื่อจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้นามว่า "อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช" เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นศิริมงคลต่ออู่เรือ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2541[5]
ในปี พ.ศ. 2560 กองทัพเรือมีแผนที่จะพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำที่กองทัพเรือมีแผนจะจัดหามาในพื้นที่ของอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เป็นเนื้อที่ประมาณ 40.78 ไร่ สำหรับการก่อสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำขนาดความกว้าง 50 เมตร ความยาว 100 เมตร ความสูง 25 เมตร ซึ่งมีขนาดสำหรับซ่อมบำรุงเรือดำน้ำชั้นหยวน เอส 26 ที จากประเทศจีนในบริเวณอ่าวสัตหีบใกล้กับจุกเสม็ด[6]
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกรมอู่ทหารเรือ มีบุคลากรและกำลังพลในสังกัดประมาณ 805 นาย มีโครงสร้างภายใน[3] ดังนี้
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ได้ดำเนินการต่อเรือรบและซ่อมบำรุงใหญ่เรือรบในกองทัพเรือไทยครั้งที่โดดเด่น ได้แก่
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)