ปรเมศวรี/ฮเหวี่ยน เจิน | |
---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งจามปา เจ้าหญิงแห่งด่ายเหวียด | |
พระราชินยานุสรณ์ในเมืองเว้ | |
พระราชสมภพ | ค.ศ. 1289 ทังลง จักรวรรดิด่ายเหวียด |
สวรรคต | ค.ศ. 1340 (ราว 50–51 พรรษา) เทียนบ๋าน จักรวรรดิด่ายเหวียด |
คู่อภิเษก | พระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 (1306–1307) |
ราชวงศ์ | เจิ๊น (ประสูติ) จามปาที่ 11 (อภิเษกสมรส) |
พระราชบิดา | เจิ๊น เญิน ตง |
ศาสนา | พุทธ |
พระนางปรเมศวรี (จาม: Paramecvari; ค.ศ. 1289–1340) หรือพระนามเดิม เจ้าหญิงฮเหวี่ยน เจิน (เวียดนาม: Huyền Trân Công chúa, 玄珍公主) เป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิด่ายเหวียด พระราชธิดาในจักรพรรดิเจิ๊น เญิน ตง ที่ต่อมาได้อภิเษกสมรสเป็นพระมเหสีในพระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 แห่งอาณาจักรจามปา เรื่องราวของพระองค์ปรากฏทั้งในรูปแบบกวี งานศิลป์ ดนตรี[1] และตามเมืองต่าง ๆ มักตั้งชื่อถนนสายหลักตามพระนามของพระองค์[2]
พระนางปรเมศวรี หรือพระนามเดิม เจ้าหญิงฮเหวี่ยน เจิน ประสูติเมื่อ ค.ศ. 1289 เป็นพระราชธิดาในจักรพรรดิเจิ๊น เญิน ตง (Trần Nhân Tông, 陳仁宗) ไม่ปรากฏนามพระมารดา[3]: 211 และเป็นพระขนิษฐาต่างพระชนนีในจักรพรรดิเจิ๊น อัญ ตง (Trần Anh Tông, 陳英宗) ทั้งนี้เรื่องราวพระชนม์ชีพช่วงต้นของเจ้าหญิงไม่เป็นที่ปรากฏมากนัก
ต่อมาจักรพรรดิเจิ๊น เญิน ตง พระชนก สละราชสมบัติแก่เจิ๊น อัญ ตง ซึ่งเป็นเชษฐาต่างพระชนนีของฮเหวี่ยน เจิน เมื่อ ค.ศ. 1293 เพื่อบำเพ็ญพรตภายในอารามบนเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดกว๋างนิญ หลังสละราชสมบัติ อดีตจักรพรรดิเจิ๊น เญิน ตง เสด็จเยือนอาณาจักรจามปานานถึงเก้าเดือนเมื่อ ค.ศ. 1301 ระหว่างนั้นพระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 หรือเอกสารเวียดนามเรียกว่า เจ๊ เมิน (Chế Mân, 制旻) ได้ถวายการต้อนรับพระราชอาคันตุกะเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาการเสด็จเยือน ครั้นจะเสด็จนิวัตจักรวรรดิด่ายเหวียด เจิ๊น เญิน ตง ทรงให้สัตย์ว่าจะถวายพระราชธิดาเป็นมเหสีแก่พระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 เป็นการตอบแทนไมตรีจิตที่มีให้ แม้ว่าพระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 จะมีพระมเหสีอยู่แล้วคือ พระนางภาสกรเทวีและพระนางตาปาซีแห่งชวา หลังจากนั้นพระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 ส่งทูตเข้าไปยังจักรพรรดิแห่งด่ายเหวียดหลายครั้งเพื่อทวงสัญญาที่เคยให้กันไว้ ทว่าจักรพรรดิด่ายเหวียดทรงปฏิเสธ
ครั้น ค.ศ. 1306 พระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 เสนอที่จะมอบดินแดนจังหวัดโอและจังหวัดเล๊ เป็นสินสอด[4] ในปีเดียวกันนั้นจักรพรรดิเจิ๊น อัญ ตง ทรงรับข้อเสนอดังกล่าว และมีพระราชานุญาตให้พระเจ้ากรุงจามเสกสมรสกับพระขนิษฐภคินีได้[4] เจ้าหญิงฮเหวี่ยน เจิน จึงได้รับพระนามใหม่ว่า "ปรเมศวรี" ในที่พระมเหสีพระเจ้าแผ่นดินจาม ส่วนจังหวัดโอและเล๊ถูกยกให้เป็นของแผ่นดินญวนในฐานะสินสอด (ปัจจุบันคือจังหวัดกว๋างบิ่ญ, กว๋างจิ และเถื่อเทียนเว้)[5][6]
กระทั่งเดือนพฤษภาคมปีถัดมา พระเจ้าชัยสิงหวรรมันที่ 3 เสด็จสวรรคต มกุฎราชกุมารแห่งจามปาส่งทูตไปแจ้งข่าวพร้อมกับถวายช้างเผือกแก่พระเจ้ากรุงญวน โดยทรงเชิญไปร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ ซึ่งตามธรรมเนียมจาม พระมเหสีทั้งหมดจะถูกเผาไปด้วยทำนองเดียวกับประเพณีสตี จักรพรรดิเจิ๊น อัญ ตง มีพระราชโองการให้นายพลเจิ๊น คัก จุง (Trần Khắc Chung, 陳克終) เป็นตัวแทนเข้าร่วมในพระราชพิธีดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วเขามีภารกิจชิงตัวเจ้าหญิงฮเหวี่ยน เจินกลับด่ายเหวียดโดยทางเรือ ซึ่งต้องใช้เวลาราวหนึ่งปี บางตำนานก็เล่าว่านายพลเจิ๊น คัก จุง ตกหลุมรักเจ้าหญิงผู้นิราศพระองค์นี้ ทั้งสองหายตัวไปด้วยกันและไม่มีใครพบเห็นอีก อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใด ๆ สนับสนุนเรื่องเล่านี้เลย