ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เก๋า..เก๋า | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | วิทยา ทองอยู่ยง |
บทภาพยนตร์ | |
อำนวยการสร้าง | |
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | ประภพ ดวงพิกุล |
ตัดต่อ | วิชชา โกจิ๋ว |
ดนตรีประกอบ | สุนทร ยอดศรีทอง |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | จีทีเอช บีบีทีวี โปรดัคชันส์ |
วันฉาย | 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 |
ความยาว | 113 นาที |
ภาษา | ไทย |
ทำเงิน | 35 ล้านบาท |
เก๋า..เก๋า เป็นภาพยนตร์ไทยแนวตลกและดนตรี ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2549 กำกับโดย วิทยา ทองอยู่ยง แสดงนำโดย โจอี้ บอย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) เป็นผู้นำวงดนตรีแนวสตริงคอมโบในปี พ.ศ. 2512 โดยเขาและสมาชิกในวงถูกนำตัวมาสู่โลกยุคปัจจุบันด้วยเครื่องย้อนเวลาที่มีลักษณะคล้ายไมโครโฟน วงดิพอสซิเบิ้ลในภาพยนตร์ ดัดแปลงจากวง ดิอิมพอสซิเบิ้ล
ในปี พ.ศ. 2512 วงสตริงคอมโบชื่อพอสซิเบิ้ล (Possible) สมาชิกประกอบด้วยต๋อย นักร้องนำ, โบ้ มือกีตาร์, สอง เบบี้ มือเบส, เบ๊ มือกลอง, น็อต แซมบ้า มือคีย์บอร์ด รวมถึงแก๊งเครื่องเป่าประกอบด้วยจ๊อด มือเป่าแซ็กโซโฟน, อเนก มือเป่าทรอมโบน และอำนวย มือเป่าทรัมเป็ต เป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น แต่ด้วยชื่อเสียงที่ได้รับทำให้พวกเขาล้วนมีอัตตาสูง หยิ่งยโส ขาดความรับผิดชอบและไม่สนใจแฟนเพลง
สตรอว์เบอรี่ แอร์โฮสเตสซึ่งเป็นแฟนสาวของต๋อยได้เดินทางมาหาวงพอสซิเบิ้ลที่ห้องอัดเสียงเนื่องจากต๋อยไม่ได้ไปรับเธอที่สนามบินตามที่สัญญาไว้ และพบว่าต๋อยได้พาสาวฝรั่งเข้ามาด้วย ทำให้เธอเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากเนื่องจากต๋อยทำให้เธอเสียใจหลายครั้ง ในระหว่างการเดินทางของวงพอสซิเบิ้ลไปยังคาเฟ่แห่งหนึ่ง พวกเขาได้สำรวจของขวัญที่ได้รับจากแฟนเพลงบนรถตู้โดยหนึ่งในของขวัญนั้นคือไมโครโฟนของเล่นสีชมพูที่มีชื่อว่าฮิตเทสเตอร์ (Hit Tester) ในคาเฟ่นั้นวงพอสซิเบิ้ลได้พบกับวงดนตรีที่ใช้ชื่อว่าดิอิมพอสซิเบิ้ล (The Impossibles) ซึ่งสมาชิกวงพอสซิเบิ้ลไม่พอใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นวงเลียนแบบ ซึ่งต๋อยได้ใช้ไมโครโฟนสีชมพูที่หยิบติดมือมาร้องเพลงล้อเลียนเพลง "เป็นไปไม่ได้" โดยเปลี่ยนเนื้อร้องในเชิงลบ ซึ่งวงดิอิมพอสซิเบิ้ลไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย
ในการแสดงดนตรีที่โรงภาพยนตร์พระโขนง ซีเนม่า วงพอสซิเบิ้ลได้แสดงดนตรีโดยต๋อยได้นำไมโครโฟนสีชมพูมาใช้อีกครั้ง ซึ่งในระหว่างการเล่นดนตรีสมาชิกเครื่องเป่าทั้งสามล้วนอยู่ในสภาพมึนเมาจนทำให้พลัดตกจากเวทีอีกทั้งไมโครโฟนสีชมพูได้ติดแสงไฟเป็นระยะจนเกิดแสงสว่างจ้าทำให้ต๋อยและสมาชิกวงที่เหลืออยู่หายไปจากเวทีและโผล่ขึ้นมาอีกครั้งในเวทีเดิมซึ่งมีสภาพเก่าทรุดโทรมและกำลังฉายภาพยนตร์ลามก พวกเขาต่างตกใจและถูกผู้ชมโห่ไล่ออกจากโรงภาพยนตร์
เมื่อออกมาข้างนอก พวกเขาได้พบกับกรุงเทพที่มีสภาพแตกต่างจากก่อนที่เข้ามาแสดงดนตรีไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า การจราจรที่ติดขัดและเต็มไปด้วยมลพิษ สมาชิกวงยังได้รับรู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในปี พ.ศ. 2549 ต๋อยได้ตระหนักว่าไมโครโฟนน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเดินทางข้ามเวลามายังอนาคตเป็นเวลากว่า 37 ปี พวกเขายังได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับพนักงานร้านก๋วยเตี๋ยวหลังจากรับประทานบะหมี่เนื่องจากตกใจกับราคาที่สูงกว่าอดีตและไม่สามารถใช้เงินตรารุ่นเก่าที่มีอยู่จ่ายได้ ทำให้พวกเขาถูกจับขังที่โรงพัก เมื่อชายวัยกลางคนชื่ออู๋มาทำธุระที่โรงพัก เขาเจอกับสมาชิกวงพอสซิเบิ้ลโดยบังเอิญและจำพวกเขาทั้งหมดได้เนื่องจากในอดีตอู๋เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงพอสซิเบิ้ลมาก่อน อู๋จึงได้ประกันตัวสมาชิกวงทุกคนออกมาจากโรงพัก
ในระหว่างที่ตั้งหลักอยู่ที่บ้านของอู๋ สมาชิกวงได้ทราบถึงวงดิอิมพอสซิเบิ้ลที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันและพยายามที่จะหาวิธีการให้ไมโครโฟนพาพวกเขากลับสู่อดีตอีกครั้ง ในที่สุดพวกเขาจึงตัดสินใจว่าต้องจัดการแสดงดนตรีขึ้นอีกครั้ง พวกเขาพบว่าเพลงแนวสตริงคอมโบไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและวงยังขาดสมาชิกเครื่องเป่า เมื่อล้มเหลวในการรับสมัครสมาชิกใหม่ พวกเขาตัดสินใจตามหาสมาชิกเครื่องเป่าที่ยังเหลือ โดยสามารถตามตัวเอนกที่บวชเป็นพระสงฆ์และจ๊อดที่อยู่ในวัยชราซึ่งยินดีกลับมาช่วยพวกเขาได้ เว้นแต่อำนวยที่เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรังและทิ้งลูกสาวชื่อหนูมาลีไว้เพียงลำพัง โดยเธอปฏิเสธที่จะเชื่อว่าวงพอสซิเบิ้ลได้เดินทางข้ามเวลามา
ในขณะที่อู๋พาสมาชิกวงพอสซิเบิ้ลเข้าชมการแสดงดนตรีของวงบอดี้แสลม ต๋อยเผลอทำไมโครโฟนหลุดมือโดยตูน นักร้องนำของวงบอดี้แสลมสามารถรับไมโครโฟนไว้ได้ทำให้สมาชิกวงบอดี้แสลมเกิดการเดินทางข้ามเวลาแต่สามารถกลับมายังที่เดิมได้ในไม่กี่วินาที สมาชิกวงพอสซิเบิ้ลพยายามแย่งไมโครโฟนจนเกิดเหตุชุลมุนแต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รับไมโครโฟนคืนกลับมาและวงบอดี้แสลมไม่ได้เอาผิดแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาพวกเขารู้ว่าไมโคโฟนแสดงเลขปี พ.ศ. และพวกเขาสามารถที่จะย้อนอดีตได้หากปรับ พ.ศ. ให้ตรงตามปีที่พวกเขาจากมา ขณะเดียวกันหนูมาลีได้ดูภาพถ่ายเก่าของอำนวยจึงตระหนักได้ว่าสมาชิกวงพอสซิเบิ้ลมาจากอดีตจริงและได้ยินดีเข้ามาช่วยเหลือวงอีกคน
วงพอสซิเบิ้ลได้ซ้อมและตระเวนเล่นดนตรีตามที่ต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ชมเข้ามาชมการแสดงดนตรีใหญ่ที่จะจัดในโรงภาพยนตร์ที่พวกเขาข้ามเวลามาอีกครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ต่อมาอู๋ได้พาสมาชิกวงไปยังผับแห่งหนึ่งซึ่งพวกเขาได้พบกับวงดิอิมพอสซิเบิ้ลที่เล่นดนตรีก่อนหน้า สมาชิกวงเกิดความไม่พอใจและขณะที่ขึ้นแสดงดนตรีต่อ ต๋อยได้ร้องเพลงแปลงล้อเลียนเพลงของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลเช่นเดียวกับเมื่อครั้งอดีต ทำให้ได้รับเสียงโห่ไล่จากผู้ฟัง เมื่อต้อย นักร้องนำของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลได้รู้ว่านี้คือวงพอสซิเบิ้ล จึงได้ตกใจและสลบล้มลงในจังหวะที่ต๋อยผลักอกของต้อยพอดี ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าต๋อยทำรายต้อย (ต๋อยต่อยต้อย) หลักจากนั้นต๋อยได้ทะเลาะกับอู๋อย่างรุนแรงและพาลใส่สมาชิกวงคนอื่น ๆ ซึ่งเริ่มยอมรับในความสามารถของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลและข้อบกพร่องของวงพอสซิเบิ้ลเอง
ต๋อยได้เดินทางมาหาสตรอว์เบอรี่ซึ่งเธอตกใจกับการปรากฏตัวของต๋อยจนสลบลง ต๋อยได้ติดโปสเตอร์ชวนสตรอว์เบอรี่มาดูการแสดงดนตรีและกลับไปขอโทษกับสมาชิกวงรวมถึงอู๋ เมื่อทุกคนเดินทางไปแสดงดนตรีที่โรงภาพยนตร์ ทางวงพบว่าที่ผู้คนที่มาฟังการแสดงดนตรีนั้นตั้งใจมาเพื่อที่จะรับแผ่นซีดีที่มีภาพยนตร์ลามกอันเป็นแผนของอู๋ ต๋อยเลือกที่ให้อภัยอู๋แต่อู๋นั้นถูกตำรวจจับกุมตัว ก่อนขึ้นแสดงดนตรีต๋อยและสมาชิกวงได้เจอกับต้อยซึ่งได้ปรับความเข้าใจกัน
การแสดงดนตรีของวงพอสซิเบิ้ลประสบความสำเร็จและไมโครโฟนสามารถนำพวกเขากลับมายังปี พ.ศ. 2512 ได้ในท้ายที่สุด และพวกเขาก็ได้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของวงตนเองเพื่อสร้างชื่อเสียงในฐานะตำนานของสตริงคอมโบไทยอีกครั้ง
ปี | รายการ | รางวัล/สาขา | ผู้ได้รับการเสนอชื่อ | ผล |
---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2549 | รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 28 ประจำปี พ.ศ. 2549 | ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง | เสนอชื่อเข้าชิง |
ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม | เอกศิษฏ์ มีประเสริฐกุล | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
พ.ศ. 2550 | รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 | ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง | เสนอชื่อเข้าชิง |
ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม | เอกศิษฏ์ มีประเสริฐกุล | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
พ.ศ. 2550 | รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 15 | ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง | เสนอชื่อเข้าชิง |
พ.ศ. 2550 | รางวัลสตาร์เอนเตอเทนเมนท์ ครั้งที่ 4 | ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม | เอกศิษฏ์ มีประเสริฐกุล | ชนะ |
พ.ศ. 2550 | รางวัลสตาร์พิคส์ ครั้งที่ 4 | ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง | ชนะ |