เช่า เหม่ย์ฉี | |
---|---|
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 เช่า เหม่ย์ฉี ฮ่องกง |
ส่วนสูง | 168 ซ.ม. |
คู่ครอง | -เจิ้งอี้เจี้ยน (พ.ศ. 2535-2542) -ซือจู่หนาน (พ.ศ. 2552-2558) |
อาชีพ | นักแสดง |
ปีที่แสดง | ปีพ.ศ. 2528-ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น | -เรื่อง "ดาวประกาศิต" (พ.ศ. 2531) ค่าย "ทีวีบี" -เรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" (พ.ศ. 2532) ค่าย "ทีวีบี" -บท "สืออี้หมิง" เรื่อง "เลือดเจ้าพ่อ"(พ.ศ. 2533) ค่าย "ทีวีบี" -บท "จั่นเฉียว" เรื่อง "เพื่อนรักเพื่อนแค้น" (พ.ศ. 2534) ค่าย "ทีวีบี" -เรื่อง "สายเลือดอำมหิต" (พ.ศ. 2535) ค่าย "ทีวีบี" |
สังกัด | ทีวีบี |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
เช่า เหม่ย์ฉี หรือ ซิว เหมย์ เข่ย์ (จีน: 邵美琪; พินอิน: Shào Měiqí; ยฺหวิดเพ็ง: siu6 mei5 kei4) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "แม็กกี ซิว" (Maggie Shiu) เป็นนักแสดงหญิงชาวฮ่องกงที่อดีตเคยโด่งดัง มากคนหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่สวยคมแบบลูกครึ่ง และบุคลิกที่ดูเป็นสาวทันสมัย ทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบของคนดูละคร ทั้งชายและหญิงมากมายในยุคสมัยนั้น เธอเข้าเรียนการแสดงที่สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในปีพ.ศ. 2527 มีผลงานเรื่องแรกในปีพ.ศ. 2528 และเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก จากบท "เสี่ยวเจียว" ในเรื่อง "ดาบมังกรหยก" เวอร์ชันปีพ.ศ. 2529 แต่จริง ๆ แล้วเธอมามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากทั่วเอเชียและในประเทศไทย ในช่วงปลายยุค 80s ถึงกลางยุค 90s (ปีพ.ศ. 2531-2537)[1][2]
ผลงานเธอโดดเด่นมากมายหลายต่อหลายเรื่อง แต่ผลงานที่เป็นที่จดจำมากที่สุดของเธอคือการรับบท "สืออี้หมิง" ในเรื่อง "เลือดเจ้าพ่อ"(พ.ศ. 2533) และบท "จั่นเฉียว" ในเรื่อง "เพื่อนรักเพื่อนแค้น" (พ.ศ. 2534).
เช่า เหม่ย์ฉี เป็นนักเรียนศึกษาที่ English Chamber of Commerce หอการค้าเกาลูน และโรงเรียนภาษาอังกฤษแห่ง "เวลลิงตัน"หลังจากเรียนจบ เธอได้เป็นพยาบาลในสำนักงานแพทย์แห่งหนึ่ง ต่อมาเพื่อนของเธอชวนเธอไปเป็นเพื่อน เพื่อสมัครเข้ารับการฝึกอบรมเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี แต่ครูสอนการแสดงมาเห็นเธอเข้าและสดุดตากับใบหน้าที่งดงามของเธอแแบบลูกครึ่ง จึงขอให้เธอส่งแบบฟอร์มใบสมัครเป็นนักแสดงมาด้วย เป็นผลให้เธอเป็นทั้งพยาบาลและนักแสดงในช่วงแรก แต่ต่อมาเธอก็ได้ลาออกจากอาชีพพยาบาล มาเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
เช่า เหม่ย์ฉี ก้าวเข้าสู่โรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในปีพ.ศ. 2527 ในรุ่นเดียวกันกับเธอมี เติ้ง ชุ่ยเหวิน, หลี เหม่ยเสียน, กัวฟู่เฉิง และ เฉิน ถิงเหว่ย ในช่วงที่กำลังเรียนการแสดงอยู่ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นเหมือนลูกครึ่ง ทำให้เธอได้มีโอกาสได้เล่นมิวสิกวิดีโอเพลง "Love is gone" ของ จาง เซียะโหย่ว ทันที หลังจากเรียนจบการแสดงที่โรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เธอก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของ ทีวีบี และเริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว
แรกเริ่มวงการ เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง "เติ้ง ชุ่ยเหวิน" ถูกผลักดันให้เป็นนางเอก โดยทันที แต่สำหรับ เธอมักจะได้บทตัวประกอบเสมอ เป็นเพราะหน้าตาและรูปร่างเลือดผสม จึงทำให้เธอดูเหมือนเป็นผู้หญิงต่างชาติ ซึ่งในตอนนั้นหน้าตาแบบลูกครึ่งยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทีวีบีจึงผลักดันเธอให้รับบทตัวประกอบไปก่อน เพื่อดูผลตอบรับจากผู้ชม ผลงานเรื่องแรกในชีวิตของเธอ เป็นตัวประกอบในละครทีวีเรื่อง "เทพบุตรทรนง" ที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง นำแสดง ส่วนผลงานตัวประกอบที่เด่นๆ ในช่วงแรกของเธอ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2528-2530 อาทิเช่น 3 ก๊ก ตอน ศึกสองแผ่นดิน,ขุนศึกตระกูลหยาง, กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม, นางพญาหน้าด่าง, ฮ่องเต้เจ้าสำราญ, ซิกัง จอมพยศ,เจ้าชายแฝด, วิระบุรุษโค่นอิทธิพลมืด, ค่าแห่งชีวิต, เลือดอำมหิต "The Conspiracy" เป็นต้น แต่บทตัวประกอบที่โดดเด่นและแฟนๆ ชอบมากที่สุดของเธอคือบท "เสี่ยวเจียว" จากเรื่อง "ดาบมังกรหยก ตอน เทพบุตรมังกรฟ้า" ในปีพ.ศ. 2529 ที่มี เหลียง เฉาเหว่ย รับบทเป็น เตียบ่อกี้[3]
จากผลตอบรับที่ดีของผู้ชมละคร ทำให้ในปีพ.ศ. 2531 เธอเริ่มได้แสดงนำเป็นนางเอกทั้งเรื่อง "ดาวประกาศิต" 《旭日背後》เล่นคู่กับ หลิว เต๋อหัว และเรื่อง ศึกชิงบัลลังค์ 《兵權》เล่นคู่กับ หลี่หมิง ต่างทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2532 ละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" ได้ทำให้เธอได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ในการเล่น กับ "เวินเจ้าหลุน" ในบท "เจ้า เจี่ยหมิ่น" ถึงแม้ละครเรื่องนี้เธอจะไม่ได้รับบทเป็นนางเอก แต่บทที่เธอได้รับนั้นกลับโดดเด่นและทำให้ผู้ชมละคร สงสารตัวละครตัวนี้มาก โดยเฉพาะกับฉากที่เธอถูกฆาตกรรมโดยการถูกผลักตกรถไฟจากคนรักของเธอ ซึ่งทำให้ผู้ชมละครในตอนนั้นจำนวนมากลืมไม่ลงกับฉากนี้ และยังเป็นหนึ่งในฉากของละครเรื่องนี้ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในตอนที่ออกฉาย และละครเรื่องนี้ก็ทำให้ทั้งเธอ, หลิวเจียหลิง และ โจว ไห่เม่ย โด่งดังเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงอันดับต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และได้มีโอกาสนำแสดงในซีรีส์ทีวีหลายต่อหลายเรื่อง ด้วยความที่เธอมีโครงหน้าที่ชัดเจนแบบลูกครึ่ง และมีสายตาที่ลึก รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกแบบสาวตะวันตกเล็กน้อย เธอจึงมีภาพลักษณ์ทั้งแบบสาวสมัยใหม่และร่วมสมัย ทำให้เธอถูกเรียกจากแฟนๆละครว่า "Little Jenny"
ในปีพ.ศ. 2533 ละครเรื่อง "เลือดเจ้าพ่อ" ได้ออนแอร์ และทำให้ เช่า เหม่ย์ฉี โด่งดังเป็นอย่างมาก กับบทนักข่าวสาว เล่นประกบคู่กับ "เวิน เจ้าหลุน" ทำให้ทั้งสองกลายเป็น "คู่ขวัญแห่งปี" ในช่วงต้นยุค 90s ทันที บทบาทในเรื่องนี้ทำให้เธอมีภาพลักษณ์เป็นหญิงสาวที่รักอิสระและทันสมัย รวมทั้งแฟชั่นการแต่งตัวและทรงผมซอยสั้นของเธอ ทำให้ผู้หญิงฮ่องกงหลายคนในตอนนั้น ต่างตัดผมสั้นและแต่งตัวเลียนแบบเธอ
ปีต่อมาพ.ศ. 2534 เนื่องจากความสำเร็จเป็นอย่างสูงของละคร "เพื่อนรักเพื่อนแค้น" เป็นช่วงที่เช่า เหม่ย์ฉี ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในอาชีพของการเป็นนักแสดงของเธอ และยังได้รับคำชมว่า เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเธออีกด้วย ทำให้ในปีนั้น เธอคว้ารางวัล "นักแสดงยอดนิยมสูงสุดประจำปี" Top 10 TV Artists (อันดับหนึ่ง) ของงานรางวัล TV Awards 1991 มาครองได้สำเร็จ
ในช่วงปีพ.ศ. 2535-2537 ชื่อเสียงของเธอยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง และยังคงเป็นดาราหญิงเบอร์ต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอยู่ ผลงานเด่น ๆ ของเธอในช่วงนี้ อาทิเช่นละครเรื่องประกาศิตเพชรฆาตสาว《藍色風暴》, สายเลือดอำมหิต《龍的天空》, มือปราบมังกรโหด《九反威龍》,จ้าวพยัคฆ์เซี่ยงไฮ้ 《梟情》และ ไฟอารมณ์ 《第三類法庭》.[4][5]
ในปีพ ศ. 2537 หลังจากละครเรื่อง "ไฟอารมณ์" 《第三類法庭》 ชื่อเสียงของเธอก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ โดยในช่วงนี้เธอจะไปดังในทางข่าวฉาวเรื่องส่วนตัวและเรื่องความรักของเธอมากกว่าดังทางด้านละคร โดยในช่วงนี้เธอซูบผอมเป็นอย่างมาก จนมีข่าวว่าเธอมีปัญหาสุขภาพเป็น แอลกอฮอล์ลิซึ่ม ติดเหล้าอย่างหนัก และยังเกิดปัญหาขัดแย้งกับผู้จัดการส่วนตัวอีกด้วย แต่ต่อมาเธอตัดสินใจเข้าทำการรักษาและพักฟื้น และยังคงรับงานแสดงบ้าง เป็นช่วง ๆ แต่ไม่สามารถแสดงละครได้อย่างเต็มที จนกระทั่งเธอรักษาตัวหายและพร้อมที่จะกลับเข้ามาวงการบันเทิงอย่างเต็มที่อีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่ในช่วงปีพ.ศ. 2538 เธอไม่สามารถกลับมาโด่งดังได้อีกครั้ง เพราะช่วงนั้นมีการเกิดขึ้นของดาราใหม่มากมาย อาทิเช่น เฉินฮุ่ยซัน, จางเข่ออี้, ไช่เส้าเฟิน, หวีซือมั่น,กัวเข่ออิง และ กัวอ้ายหมิง ตลอดจนอายุที่มากขึ้นของเธอ และปัญหาส่วนตัวเรื่องอื่น ๆ อีกทั้งบทบาทของเธอที่ได้รับ ก็ไม่โดดเด่นเหมือนในอดีต ทำให้จากดาราหญิงเบอร์ต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี กลายมาเป็น นักแสดงหญิงเบอร์รอง ๆ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นและยังคงเล่นละครทีวี ออกมาให้ผู้ชมได้ดูอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน.
ปัจจุบันเธอยังคงรับงานแสดงทั้งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ อยู่ และมีผลงานมากมายที่ได้รับรางวัล ถึงแม้จะไม่โด่งดัง เหมือนในอดีตก็ตาม แต่เธอก็ถูกจดจำในฐานะ หนึ่งใน อดีตนักแสดงหญิงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก.
เป็นที่รู้ดีกันว่า เช่า เหม่ย์ฉี และ เจิ้ง อีเจี้ยน เป็นคู่รักที่มีผู้คนสนใจมากคู่หนึ่งในช่วงยุค 90s
ทั้งคู่เจอกันที่ "สถานีโทรทัศน์ทีวีบี" ในปีพ.ศ. 2535 ซึ่งตอนนั้น เจิ้ง อีเจี้ยนเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน และยังไม่ดังมาก ทำรายการทีวีอยู่ ส่วนเช่า เหม่ย์ฉี มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว หลังจากนั้นทั้งเธอและเขาก็เริ่มออกเดทและเปิดเผยต่อสาธารณะชนว่าเป็นแฟนกัน เจิ้ง อีเจี้ยนอ่อนกว่าเธอประมาณ 2 ปี ถึงแม้จะต่างวัยกันบ้างเล็กน้อย แต่แฟน ๆ ละครส่วนใหญ่ก็ยอมรับ ความรักของทั้งคู่โด่งดังมาก ไม่ว่าทั้งคู่จะไปปรากฏตัวที่ไหน ก็จะเป็นที่สนใจของบรรดาสื่อต่างๆ อยู่เสมอ ด้วยความเป็นคู่รักที่มีผู้คนมากมายให้ความสนใจ บริษัท "ทีวีบี" ก็เลยจับทั้งคู่ให้มาแสดงละครร่วมกันในเรื่อง "มือปราบมังกรโหด" อีกด้วย
จนกระทั่งความรักของทั้งคู่เข้าสู่ปีที่ 7 จู่ ๆ ทั้งสองได้ตัดสินใจเลิกกันในปีพ.ศ. 2542 สาเหตุเพราะฝ่ายชายพบรักใหม่ กับนักร้อง-นักแสดงสาวรุ่นน้อง "เหลียงหย่งฉี" (Gigi Leung) ที่เข้ามาเป็นมือที่สาม สุดท้ายความรักก็ต้องจบลงแบบค่อนข้างจะอื้อฉาว เพราะสื่อและแฟนๆ ส่วนใหญ่เชื่อว่า เจิ้ง อีเจี้ยน ได้นอกใจเช่า เหม่ย์ฉี ไปหานักแสดงสาว เหลียงหย่งฉี จนกลายเป็นประเด็นรักสามเส้าที่เป็นข่าวใหญ่มากในวงการบันเทิงฮ่องกงในตอนนั้น
ต่อมาในปีพ.ศ. 2556 หลังจากโสดมานาน เช่า เหม่ย์ฉี ก็มีข่าวว่าพบรักกับนักแสดงรุ่นน้องที่อ่อนกว่าเธอเกือบ 10ปีอย่าง "ซือจู่หนาน" ความรักของทั้งสองเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ เช่า เหม่ย์ฉี กับ ซือจู่หนาน ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชุดเรื่อง "ทีมพิฆาตอาชญากรรม" (Tactical Unit – Comrades in Arm) ของผู้กำกับ ตู้ฉีฟง ด้วยกันเมื่อปีพ.ศ. 2552 หลังจากนั้นจึงเริ่มคบหาดูใจกันมานานถึง 4 ปีแล้ว โดยฝ่ายหญิงได้ออกมายอมรับว่า ได้คบกับฝ่ายชายมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 แต่เพิ่งจะมาเป็นข่าว แล้วฝ่ายชายก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของดาราสาวแล้วเช่นกัน และเมื่อปีที่พ.ศ. 2557 ก็มีข่าวลือว่าทั้งคู่จะแต่งงานกัน แต่นั้นก็เป็นเพียงข่าวลือ
จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2558 เช่า เหม่ย์ฉีได้ประกาศยุติความสัมพันธ์ หลังจากคบหากับฝ่ายชายมานานถึง 6 ปี มีข่าวลือว่า สาเหตุเพราะฝ่ายชายมีพฤติกรรมนอกใจ โดยสื่อฮ่องกงอ้างแหล่งข่าววงในว่าสิ่งที่ทำให้ความรักของทั้งคู่ต้องสิ้นสุดลงก็คือ พฤติกรรมนอกใจของฝ่ายชายนั่นเอง โดยข่าวระบุว่าระหว่างที่ เช่า เหม่ย์ฉี ไปถ่ายหนังที่จีนแผ่นดินใหญ่ ซือจู่หนาน ได้แอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่ง เช่า เหม่ย์ฉี จับได้และเป็นฝ่ายที่รับไม่ได้จนขอแยกทางเอง แม้ฝ่ายชายจะพยายามง้องอน แต่เธอก็ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนใจ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาทั้ง ซือจู่หนาน กับ เช่า เหม่ย์ฉี ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกัน เพื่อปฏิเสธข่าวลือต่างๆ ทั้งเรื่องที่ว่าฝ่ายชายนอกใจ หรือข่าวลือว่าการแยกทางกันมีสาเหตุมาจากเรื่องเงิน โดยอดีตคู่รักที่อายุต่างกันถึง 10 ปี ยังบอกว่าพวกเขาจะยังรักษามิตรภาพความเป็นเพื่อนเอาไว้ และจะคอยให้กำลังใจกันต่อไป
ปัจจุบันเช่า เหม่ย์ฉี ยังครองตัวเป็นโสด[6][7][8][9]
นิสัยของเธอ เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบที่จะโปรโมตตัวเองมากนัก และไม่ค่อยรู้จักการเข้าหาสื่อ แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีข่าวฉาวเรื่องความรักอยู่บ่อย ๆ ในมุมมองของเธอ เธออยู่ในวงการเพียงเพื่อแสดง ไม่มีการแข่งขันเพื่อรางวัลหรือชื่อเสียงและความมั่งคั่งสำหรับเธอ ซึ่งน้อยคนนักในวงการที่จะคิดแบบนี้
พลิกแฟ้มคดีเด็ด C I B Files นำแสดงโดย หลินเป่าอี้,เส้าเหม่ยฉี,หวังสี่
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)[ลิงก์เสีย]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)[ลิงก์เสีย]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)