เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์: แอดเวนเชอส์ | |
---|---|
![]() ภาพหน้าปกแสดงตัวละครหลักของเกม | |
ผู้พัฒนา | แคปคอม |
ผู้จัดจำหน่าย | แคปคอม |
กำกับ | ชู ทาคุมิ |
อำนวยการผลิต | ชินทาโร โคจิมะ |
ออกแบบ |
|
โปรแกรมเมอร์ | จุนอิชิ ชิบะ |
ศิลปิน | คาซึยะ นูริ |
เขียนบท | ชู ทาคุมิ |
แต่งเพลง |
|
ชุด | เอซอะเทอร์นีย์ |
เอนจิน | MT Framework |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | นินเท็นโด 3ดีเอส
|
แนว | ผจญภัย, วิชวลโนเวล |
รูปแบบ | วิดีโอเกมผู้เล่นเดี่ยว |
เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์: แอดเวนเชอส์ (อังกฤษ: The Great Ace Attorney: Adventures)[a] เป็นเกมผจญภัย และภาคที่แปดของซีรีส์ เอซอะเทอร์นีย์ พัฒนาและจัดจำหน่ายโดย แคปคอม กำกับโดย ชู ทาคุมิ และอำนวยการผลิตโดย ชินทาโร โคจิมะ เกมเปิดตัวบน นินเทนโด 3ดีเอส ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 และต่อมาได้เปิดตัวเวอร์ชัน แอนดรอยด์ และ ไอโอเอส ในเดือนสิงหาคม 2560 ภาคต่อของเกมคือ เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ 2: รีซอลฟ์ ซึ่งวางจำหน่ายในญี่ปุ่นปี 2560 ทั้งสองภาคได้รับการรวมชุดและเปิดตัวทั่วโลกในเดือนกรกฎาคม 2564 ภายใต้ชื่อ เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์โครนิเคิลส์ สำหรับแพลตฟอร์ม นินเท็นโด สวิตช์, เพลย์สเตชัน 4 และ ไมโครซอฟท์ วินโดวส์
เกมนี้ยังคงรูปแบบการเล่นแบบห้องพิจารณาคดีจากภาคก่อน ๆ ในซีรีย์ เอซอะเทอร์นีย์ พร้อมด้วยสภาพแวดล้อมแบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ และโมเดลตัวละครที่เคยใช้ใน ฟีนิกซ์ ไรต์: เอซอะเทอร์นีย์ – ดูอัลเดสตินีส์ เช่นเดียวกับภาคก่อน ๆ รูปแบบการเล่นแบ่งออกเป็นการสืบสวนซึ่งผู้เล่นจะต้องสำรวจพื้นที่เพื่อรวบรวมหลักฐานและคำให้การ และการพิจารณาคดีในศาลซึ่งผู้เล่นต้องใช้หลักฐานเพื่อโต้แย้งและจับผิดคำให้การของพยานเพื่อนำไปสู่การเปิดเผยความจริงเบื้องหลังคดี คล้ายกับเกมก่อนหน้าของทาคุมิอย่างโพรเฟสเซอร์เลย์ตัน vs. ฟีนิกซ์ ไรต์: เอซอะเทอร์นีย์ ผู้เล่นจะต้องซักถามพยานหลายคนพร้อมกันในบางกรณี ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาของพยานคนอื่น ๆ ระหว่างการให้การ เพื่อค้นหาข้อมูลใหม่และเปิดเผยความจริงของคดี[1]
เกมเดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ นำเสนอกลไกการเล่นเกมใหม่ 2 แบบ ได้แก่ การเต้นรำแห่งการอนุมาน (Dance of Deduction) และการสอบสรุปผล (Summation Examinations) ในระหว่างการสืบสวนบางอย่าง เฮอร์ล็อก โชล์มส์จะทำการแสดง "ตรรกะและการใช้เหตุผล" โดยเขาจะเสนอทฤษฎีที่มีข้อบกพร่องขึ้นมาโดยอิงจากการสังเกตสถานการณ์และพฤติกรรมของพยาน จากนั้นผู้เล่นจะต้องตรวจสอบฉากและพยานอย่างรอบคอบเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของเฮอร์ล็อกและไปถึงข้อสรุปที่สมเหตุสมผลมากขึ้น การสอบสรุปผลจะเกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งคณะลูกขุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาคดีในอังกฤษ จะตัดสินว่ามีความผิดโดยเอกฉันท์ ณ จุดนี้ ผู้เล่นจะต้องโน้มน้าวใจคณะลูกขุนส่วนใหญ่ให้เปลี่ยนคำตัดสิน เพื่อให้การพิจารณาคดีดำเนินต่อไปได้ ผู้เล่นจะทำสิ่งนี้ได้โดยการเปรียบเทียบคำพูดของคณะลูกขุนสองคนที่ขัดแย้งกันหรือพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก บางครั้งสิ่งนี้อาจจำเป็นต้องให้ผู้เล่นกดดันลูกขุนแต่ละคนและนำเสนอหลักฐานเพื่อที่จะเปลี่ยนคำกล่าวของพวกเขา[2][3]
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 (ในญี่ปุ่นเรียกว่า ยุคเมจิ และในอังกฤษเรียกว่า ยุควิกตอเรีย ) เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ เน้นไปที่ริวโนะสุเกะ นะรุโฮโดะ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลยูเม และบรรพบุรุษของฟีนิกซ์ ไรต์ ตัวเอกของซีรีส์ เอซอะเทอร์นีย์ ริวโนะสุเกะได้รับการอธิบายว่าเป็นคนยึดมั่นในความยุติธรรม แต่ก็มักตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายได้ง่าย[4] เขาร่วมทีมกับคาสึมะ อะโซงิ เพื่อนนักศึกษานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน แนวคิดเรื่องทนายความฝ่ายจำเลยในระบบตุลาการในญี่ปุ่นในอดีตยังเป็นสิ่งใหม่ ดังนั้น อะโซงิจึงเป็นหนึ่งในผู้ที่มีคุณสมบัติว่าความในศาลได้ เขามีเป้าหมายที่จะปฏิรูประบบกฎหมายผ่านการศึกษาในสหราชอาณาจักร[1] ริวโนะสุเกะและอะโซงิได้รับความช่วยเหลือจาก ซูซาโตะ มิโคโตบะ ผู้ช่วยฝ่ายตุลาการ เธอถูกอธิบายว่าเป็น "ผู้หญิงญี่ปุ่นในอุดมคติ" มีความคิดก้าวหน้า และหลงใหลในนิยายลึกลับต่างประเทศ[5][6]
เมื่อเดินทางไปอังกฤษเพื่อศึกษาต่อ ริวโนะสึเกะได้พบและกลายเป็นเพื่อนกับนักสืบชื่อดังระดับโลก เฮอร์ล็อค โชมส์ (ซึ่งในฉบับภาษาญี่ปุ่นเดิมใช้ชื่อว่า "เชอร์ล็อค โฮมส์")[7] เฮอร์ล็อคเป็นบุคคลที่มีนิสัยแปลกประหลาดและมีจิตวิญญาณอิสระ แม้ว่าเขาจะฉลาดอย่างแท้จริง แต่ด้วยแต่ลักษณะการให้เหตุผลแบบอุปมาน ที่เร่งรีบและไม่ใส่ใจของเขามักทำให้เขามักสรุปผลไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่ร่วมเดินทางกับโชล์มส์คือผู้ช่วยของเขา ไอริส วิลสัน (ในฉบับภาษาญี่ปุ่นฉบับเดิมชื่อ "ไอริส วัตสัน") เด็กอัจฉริยะวัย 10 ขวบ และเป็นลูกบุญธรรมของโชล์มส์ ไอริสเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะ และเป็นผู้เขียน "เฮอร์ล็อก โชมส์ ชุด การผจญภัย"[7]
ในประเทศญี่ปุ่น ริวโนะสุเกะ นะรูโฮโดะถูกพิจารณาคดีในข้อหาฆาตกรรม ดร. จอห์น เอช. วิลสัน อาจารย์มหาวิทยาลัยรับเชิญ โดยมีคาสึมะ อะโซงิ เพื่อนสนิทของเขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนฝ่ายจำเลย ในขณะที่อัยการคือ ทะเค็ตสึจิ อะอุจิ (บรรพบุรุษในยุคเมจิของตัวละครวินสตัน เพย์น ที่ปรากฏซ้ำในซีรีส์) ด้วยความช่วยเหลือจากซูซาโตะ มิโกโตบะ ผู้ช่วยด้านกฎหมาย ริวโนะสุเกะและอะโซงิพิสูจน์ได้ว่าฆาตกรตัวจริงคือเจเซล เบรตต์ นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวอังกฤษที่เคยเรียนกับวิลสันที่มหาวิทยาลัย แรงจูงใจของเธอยังคงเป็นปริศนา เธอถูกส่งตัวไปประเทศจีน เพื่อเข้ารับการพิจารณาคดีในศาลกงสุล
หลังจากการพิจารณาคดี อะโซงิออกเดินทางจากญี่ปุ่นไปศึกษาต่อที่อังกฤษ แต่เขาได้แอบซ่อน ริวโนะสุเกะ ไว้ในกระเป๋าเดินทางของตนเพื่อให้ริวโนะสุเกะสามารถเดินทางไปด้วยและได้เห็นการเปิดตัวของอะโซงิในศาลอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ขณะ ริวโนะสุเกะ กำลังหลับอยู่ อะโซงิ ถูกพบว่าเสียชีวิตภายในห้องโดยสารของเขาและเมื่อการลักลอบขึ้นเรือของริวโนะสุเกะถูกเปิดเผย เขากลับถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอีกครั้ง ด้วยความร่วมมือจากซูซาโตะ และนักสืบสุดประหลาด เฮอร์ล็อก โชมส์ ริวโนะสุเกะสามารถเปิดโปงความจริงและค้นพบว่าฆาตกรตัวจริงคือ นิโคลิน่า พาฟโลวา นักบัลเลต์ชื่อดังระดับโลกที่แอบหลบหนีออกจากรัสเซีย เธอฆ่า อะโซงิ โดยไม่ได้ตั้งใจ โดยผลักเขาล้ม และชนกับลูกบิดไม้บนเตียงจนคอหักหลังจากที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวว่าเขาอาจจะส่งตัวเธอให้กับกัปตันเรือ แต่ความจริงแล้ว เขาเพียงต้องการแนะนำเธอให้รู้จักกับริวโนะสุเกะ ซึ่งแอบขึ้นเรือมาด้วยกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไว้ใจเธอ หลังจากเหตุการณ์ยุติลง ริวโนะสุเกะสามารถโน้มน้าวให้ซูซาโตะยอมให้เขาเข้ารับตำแหน่งทนายความตัวแทนในอังกฤษแทนอะโซงิ เธอเห็นด้วยและเริ่มสอนกฎหมายอังกฤษให้เข้าอย่างเข้มข้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของการเดินทาง
ไม่นานหลังจากเดินทางมาถึงบริเตนใหญ่ ริวโนะสุเกะและซูซาโตะ ได้พบกับลอร์ดเมล สตรองฮาร์ต ประธานศาลฎีกา ซึ่งมอบหมายให้พวกเขารับหน้าที่ปกป้องแม็กนัส แม็กกิลดิด นักการกุศลที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าเมสัน มิลเวอร์ตัน ช่างก่ออิฐภายในรถโดยสารประจำทาง พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับ บาร็อก ฟาน ซีกส์ อัยการในตำนานของอังกฤษ ผู้ได้รับฉายา “ยมทูตแห่งศาลเก่า” (Reaper of the Old Bailey) และได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบกฎหมายของอังกฤษ ซึ่งใช้ คณะลูกขุน 6 คน ในการพิจารณาคดีและตัดสินความผิดหรือบริสุทธิ์ของจำเลย ระหว่างการพิจารณาคดี เกิดระเบิดควัน ส่งผลให้ต้องอพยพผู้ต้องหาออกจากห้องพิจารณาคดี เมื่อกลับมาดำเนินการต่อ ริวโนะสุเกะและซูซาโตะได้สอบสวนพยานคนใหม่ที่เพิ่งถูกพบคือ จีน่า เลสตราด และสามารถค้นพบหลักฐานที่พิสูจน์ว่า เมสันถูกฆ่าบนหลังคารถม้า แม้ว่าฟาน ซีกส์ จะอ้างว่า หลักฐานถูกปลอมแปลงหลังระเบิดควัน แต่เขาไม่สามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหานี้ได้ ส่งผลให้แม็กกิลดิดถูกตัดสินพ้นผิดในเวลาต่อมา แม้ว่าริวโนะสุเกะจะยังสงสัยในความบริสุทธิ์ของแม็กกิลดิดก็ตาม แต่ไม่นานหลังจากการพิจารณาคดี แม็กกิลดิดถูกฆาตกรรม ภายในรถโดยสารประจำทางคันเดิม และรถก็ถูกจุดไฟเผาทำลายหลักฐานทั้งหมด
วันรุ่งขึ้น ริวโนะสุเกะและซูซาโตะต้องรับหน้าที่ปกป้อง โซเซกิ นัตสึเมะ นักเขียนนวนิยายชาวญี่ปุ่นที่กำลังจะมีชื่อเสียง ซึ่งเดินทางมาลอนดอนเพื่อศึกษาภาษาอังกฤษในฐานะ นักเรียนแลกเปลี่ยน ด้วยบุคลิกที่ขี้กังวลและหวาดระแวง โซเซกิ กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกายรุนแรง หลังจากเกิดเหตุแทงกันบนถนน เขาต้องขึ้นศาลเพื่อต่อสู้คดีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ในระหว่างการพิจารณาคดี ริวโนะสึเกะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเหตุแทงนั้น ไม่ได้เกิดจากโซเซกิ แต่เป็นผลมาจากการทะเลาะวิวาทในครอบครัว ระหว่างจอห์น การ์ริเดบ เจ้าของบ้าน และโจน ภรรยาของเขา ในขณะที่ทะเลาะกัน โจนได้ขว้างมีดใส่สามีของเธอ แต่มีดกลับพลาดเป้าหลุดออกไปทางหน้าต่างและบังเอิญไปโดนเหยื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ โซเซกิถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดและตัดสินใจเดินทางกลับญี่ปุ่น หลังจากพ้นข้อกล่าวหา ในขณะเดียวกัน เฮอร์ล็อกได้เชิญริวโนะสุเกะและซูซาโตะให้มาอยู่กับเขาและไอริสที่ 221B ถนนเบเกอร์ พวกเขาจึงใช้ห้องใต้หลังคาเป็นที่ตั้งของสำนักงานกฎหมายแห่งใหม่ของริวโนะสุเกะ
ไม่กี่เดือนต่อมา จีน่าถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมป๊อป วินดิแบงก์ เจ้าของร้านจำนำ ระหว่างการพิจารณาคดี ไอริสได้ช่วยนารูโฮโดะ เปิดเผยความจริงว่า แม็กกิลดิดคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าเมสัน มิลเวอร์ตัน และไฟที่เผาแม็กกิลดิดจนเสียชีวิต แท้จริงแล้วเกิดจากนักฆ่าที่ลูกชายของมิลเวอร์ตันจ้างมา นักฆ่าคนนั้นคือ แอชลีย์ เกรย์ดอน ช่างเทคนิคสถานีโทรเลข ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแผนล้างแค้นของตระกูลมิลเวอร์ตัน เกรย์ดอนและมิลเวอร์ตันได้ขายรหัสลับของรัฐบาลให้กับแมกกิลดิด โดยที่มิลเวอร์ตันไม่รู้ตัว ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ในท้ายที่สุด ความขัดแย้งนี้บานปลายกลายเป็น การต่อสู้ และจบลงด้วยการที่ แม็กกิลดิดฆ่าเมสัน มิลเวอร์ตัน เพื่อแก้แค้น เกรย์ดอนจึงฆ่าแมคกิลดิง และพยายามขโมยรหัสลับที่เข้ารหัสไว้ กลับคืนมาจากร้านจำนำของวินดิแบงก์ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเผชิญหน้ากับวินดิแบงก์ เขาเผลอฆ่าวินดิแบงก์โดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากคดีได้รับการคลี่คลาย ริวโนะสึเกะถูกพักงานจากการเป็นทนายความ เนื่องจากเขาเปิดเผยความลับของรัฐบาลระหว่างการพิจารณาคดี ขณะเดียวกัน ซูซาโตะเดินทางกลับญี่ปุ่นหลังได้รับข่าวว่า ยูจิน พ่อของเธอป่วยหนัก
เกม เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ พัฒนาโดย แคปคอม สำหรับนินเทนโด 3ดีเอส กำกับโดย ชู ทาคุมิ และอำนวยการผลิตโดยชินทาโร โคจิมะ[8] คาซึยะ นูริ ออกแบบตัวละครและกำกับศิลป์[9][10] ขณะที่ยาสุมาสะ คิตาคาวะ และฮิโรมิตสึ มาเอะบะ ทำหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบเกม[11]
การพัฒนาเริ่มขึ้นในปี 2013 เพียงไม่กี่เดือนหลังจากการเปิดตัวเกมโพรเฟสเซอร์เลย์ตัน vs. ฟีนิกซ์ ไรต์: เอซอะเทอร์นีย์ ในญี่ปุ่น ชู ทาคุมิ ได้รับการขอให้พัฒนาเกมเอซอะเทอร์นีย์ ใหม่[12] ในช่วงหนึ่งของการพัฒนา เขาเคยพิจารณาให้เกมเน้นไปที่การพิจารณาคดีแพ่ง[13] แต่ต่อมาเขาได้นึกถึงแนวคิดที่เคยคิดไว้[14] เมื่อราวปี 2000 เขามีแนวคิดเกี่ยวกับเกมลึกลับที่มีนักสืบผู้มักสรุปคดีอย่างไม่ถูกต้อง และหน้าที่ของผู้เล่นคือ แก้ไขข้อผิดพลาดของนักสืบ และนำเขาไปสู่ ความจริงของคดี[15] เขาคิดว่าการนำแนวคิดนี้มาผสมผสานกับ เอซอะเทอร์นีย์ คงจะเป็นเรื่องที่สนุก แต่ไม่คาดหวังว่าแคปคอมจะยอมรับไอเดียนี้[14][16]
ทาคุมิใฝ่ฝันที่จะสร้างเกมเกี่ยวกับเชอร์ล็อก โฮมส์ มานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ โฮมส์จึงเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้น ตามที่ทาคุมิกล่าว เขามีหลายเหตุผลที่ต้องการให้โฮล์มส์เป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้ ทั้งในแง่ของรูปแบบการเล่น และเพื่อทำให้เกมแตกต่างจากซีรีส์ เอซอะเทอร์นีย์ หลัก เนื่องจากโฮล์มส์มาจากช่วงเวลาที่แตกต่างจากภาคหลัก สิ่งนี้ทำให้ทาคุมิหวนคิดถึงญี่ปุ่นในยุคนั้น และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับความลึกลับของเกม[15] เดิมที ทาคุมิตั้งใจให้เกมเริ่มต้นในลอนดอน เพราะมองว่าการสร้างศาลญี่ปุ่นสำหรับฉากเปิดเพียงอย่างเดียวจะมากเกินไป แต่แผนนี้เปลี่ยนไปเมื่อนูริบอกว่าเกมควรเริ่มต้นในญี่ปุ่น[9] ผลงานก่อนหน้านี้ในโพรเฟสเซอร์เลย์ตัน vs. ฟีนิกซ์ ไรต์: เอซอะเทอร์นีย์ ช่วยให้ทาคุมิสามารถสร้างรายละเอียดของฉากนี้ได้[17]
ทาคุมิพบว่าการเขียนบทสนทนาและเลือกใช้สำนวนให้เหมาะสมกับภาษาญี่ปุ่นในยุคเมจิเป็นเรื่องท้าทาย เพราะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาษาดูเก่าเกินไปหรือทันสมัยเกินไป เนื่องจากยุคเมจิเป็นช่วงที่อาชีพทนายความยังใหม่ในญี่ปุ่น และมีการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างเข้มข้น ทาคุมิจึงมั่นใจว่าเกมจะสะท้อนบรรยากาศและแนวคิดนี้[18] เนื่องจากทาคุมิต้องสร้างโลกใหม่สำหรับเรื่องราว การเขียนบทของเกมจึงใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้[9] ตัวละครเอก ริวโนะสุเกะ ได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะการพูดและการกระทำของ ฟีนิกซ์ ไรต์ หากเขามีชีวิตอยู่ในยุคเมจิ เมื่อทีมพัฒนาเขียนรายชื่อไอเดียสำหรับชื่อตัวละครเอก "ริวโนะสุเกะ" เป็นคนแรกที่ถูกเสนอ และพวกเขาตัดสินใจเลือกทันทีภายในไม่กี่วินาที[19] ซูซาโตะถูกออกแบบตามแนวคิดเดียวกับนางเอกใน เอซอะเทอร์นีย์ ภาคก่อน ๆ โดยเป็น "คู่หูที่สมบูรณ์แบบ" และเป็นตัวละครที่สนุกสนานในการใช้เวลาอยู่ด้วย เช่นเดียวกับนางเอกของซีรีส์ที่มักอยู่เคียงข้างตัวละครหลักเสมอ[15] ชื่อของเธอถูกเลือกจากตัวอักษร คันจิ ที่ทาคุมิเห็นว่าสวยงาม[20] ทีมพัฒนาตัดสินใจเปลี่ยนแปลง "วัตสันของเชอร์ล็อก" จากต้นฉบับ เพราะเชื่อว่าจะน่าสนใจกว่าหากวัตสันไม่ใช่สุภาพบุรุษชาวอังกฤษอีกคน[15]
ต่างจากเกม เอซอะเทอร์นีย์ ภาคก่อน ๆ ตัวละครและสภาพแวดล้อมในเกมนี้ถูกสร้างขึ้นเป็น 3 มิติทั้งหมด[21] เช่นเดียวกับเกม โกสต์ทริก: แฟนทอมดีเท็กทีฟ ของทาคุมิ แสงสปอตไลต์ส่องไปที่ตัวละครขณะที่พวกเขาเต้นรำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนใน เอซอะเทอร์นีย์ ภาคก่อน ๆ[15] การจับภาพเคลื่อนไหว ของชิโอสึกิ ชู อดีตนักแสดงคณะ ทาคาระซึกะรีวิว ถูกนำมาใช้ในแอนิเมชั่นบางฉาก เนื่องจากซีรีส์ เอซอะเทอร์นีย์ ขึ้นชื่อเรื่องท่าทางและแอนิเมชั่น จึงเลือกใช้วิธีนี้เพื่อให้แอนิเมชั่นดูมีไดนามิกมากขึ้น[22] นูริออกแบบตัวละครให้ดูเรียบง่ายแต่ยังสามารถถ่ายทอดข้อมูลมากมายด้วย เขาตั้งใจให้กราฟิกดูเหมือนภาพประกอบ และต้องการถ่ายทอดความรู้สึกของวัสดุที่ใช้ทำเสื้อผ้าและสิ่งของต่าง ๆ ในยุคเมจิ ตัวละครได้รับการออกแบบให้มีความสมจริงเพียงบางส่วน เพื่อรองรับแอนิเมชันและการแสดงออกทางสีหน้าที่สมจริง อย่างไรก็ตาม พยานและสมาชิกคณะลูกขุนถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นจำพวกเขาได้ทันทีเมื่อเห็นนั่งอยู่ข้างกัน[10]
ริวโนะสุเกะได้รับการออกแบบให้มี "รูปลักษณ์ที่เฉียบคมของนักศึกษา" ซึ่งไม่มีปัญหาในการพัฒนา อย่างไรก็ตาม การออกแบบทรงผมของเขาใช้เวลานาน เพราะทาคุมิต้องการให้ทรงผมมีเอกลักษณ์จนสามารถจำได้จากเงาของตัวละคร แต่ในยุคเมจิ คนส่วนใหญ่กลับมี ทรงผมที่เรียบง่าย[19] นูริได้ลองออกแบบทรงผมหลากหลายแบบที่สอดคล้องกับยุคนั้นไว้ประมาณ 50 แบบ[10] ซูซาโตะถูกออกแบบให้เป็นหญิงสาวญี่ปุ่นที่มีความสง่างาม และเนื่องจากบริบทของยุคนั้น จึงตัดสินใจให้เธอสวมกิโมโน ทาคุมิมีความคิดหลายอย่างสำหรับสิ่งของที่ซูซาโตะสามารถถือได้ แต่สุดท้ายตัดสินใจให้การออกแบบของเธอเรียบง่าย[20] เพื่อให้ตัดกันกับตัวละครชาวอังกฤษ การออกแบบของโฮมส์มีหลายรูปแบบ เช่น "หดหู่" "น่ารัก" "ชอบผจญภัย" "มืดมน" และ "นอนหลับ" ในท้ายที่สุด ทีมพัฒนาเลือกใช้รูปแบบที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมของโฮมส์โดยทั่วไป เพื่อสร้างความขัดแย้งกับบุคลิกที่แท้จริงของเขา นอกจากนี้เขายังได้รับปืนซึ่งตัดกับดาบของริวโนะสุเกะ การออกแบบของ ไอริส ผสมผสาน องค์ประกอบแบบโกธิก และนักวิทยาศาสตร์สติไม่ดี โดยถูกสร้างให้ เข้ากันได้ดีกับโฮล์มส์ เมื่อปรากฏตัวร่วมกัน เสื้อผ้าของอะโซงิได้รับการออกแบบโดยผสมผสาน อิทธิพลจากทั้งวัฒนธรรมญี่ปุ่นและตะวันตก ที่คาดผมของอะโซงิที่พลิ้วไหวตามสายลมเป็นสิ่งที่นูริต้องการให้มีในเกม และสามารถทำได้จริง ด้วยกราฟิก 3 มิติเท่านั้น[10] ฟาน ซีกส์ถูกออกแบบให้มี "ออร่าแห่งความมืด"[23] โดยผสมองค์ประกอบของแวมไพร์ หมาป่า และทูตสวรรค์ที่ตกสวรรค์[10] เกมมีฉากคัตซีนแบบ 2 มิติ ที่ผลิตโดยสตูดิโอแอนิเมชัน เจซีสตาฟ[ต้องการอ้างอิง][ จำเป็นต้องมีการอ้างอิง ]
ในการแต่งเพลงประกอบเกม คิตะงะวะใช้แนวคิดเดียวกับการแต่งเพลงสำหรับเกมเก่า ๆ โดยพยายามทำงานภายใต้ข้อจำกัดเพื่อสร้างดนตรีที่ทรงพลัง เขาเน้นสร้างทำนองที่ติดหูและปรับแต่งผ่านการลองผิดลองถูกหลายครั้ง ทาคุมิต้องการให้ดนตรีมีบรรยากาศแบบ "เทศกาล" มากกว่าดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในเกม เอซอะเทอร์นีย์ ภาคก่อน ๆ เขาจึงขอให้คิตะงะวะใช้วงออร์เคสตราสด แต่ลดจำนวนเครื่องดนตรีเมื่อเทียบกับเกมก่อนหน้า เขาต้องการให้ดนตรีมีกลิ่นอายแบบอังกฤษด้วย ดังนั้นคิตะงะวะจึงเลือกใช้เสียงที่คล้ายกับ ดนตรีเชมเบอร์ พวกเขาคิดว่าเปียโนไม่เหมาะกับเกม ซึ่งทำให้แยกแยะเครื่องดนตรีได้ยาก เนื่องจากมีเพียงเครื่องสายและเครื่องเป่า ดังนั้น พวกเขาจึงเพิ่มองค์ประกอบของดนตรีภาษาสเปนเข้าไปเพื่อสร้างความแตกต่าง เพื่ออ้างอิงถึงนิสัยการเล่นไวโอลินของโฮมส์ พวกเขาจึงลองนำไวโอลินมาใช้ในดนตรีของเกมด้วย[9]
เกมดังกล่าวเผยแพร่โดยแคปคอม สำหรับ นินเทนโด 3ดีเอส ในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2015 [24] มีให้เลือกใช้หลายรุ่นด้วยกัน รุ่นจำกัด ซึ่งจำหน่ายเฉพาะผ่านร้านค้า "อีแคปคอม" (e-Capcom) ของแคปคอม ประกอบด้วยตัวเกม กล่องที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเอกสารของโฮมส์ ตุ๊กตาโฮมส์และไอริส เข็มกลัดตามแบบของริวโนะสุเกะ โปสการ์ด และสติกเกอร์ลายโฮมส์ อีกรุ่นหนึ่งซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะที่อีแคปคอมเท่านั้น ประกอบด้วยเกม ซีดีเพลงประกอบ และชุดภาพประกอบ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งรุ่นที่รวมตัวเกมและไอเทมโบนัสทั้งหมดจากรุ่นอื่น ๆ ด้วย การสั่งซื้อล่วงหน้าของเกมมาพร้อมกับธีม เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ สำหรับหน้าจอหลักของ นินเทนโด 3ดีเอส ด้วย[25] เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ รุ่นจำกัดที่รวมภาคต่อและซีดีเพลงประกอบจากทั้งสองเกมวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2017[26] แคปคอมเผยแพร่เพลงประกอบต้นฉบับในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2015[27] เกมเวอร์ชัน แอนดรอยด์ และ ไอโอเอส เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมและ 31 สิงหาคม 2017 ตามลำดับ[28][29]
ตามรายงานของแคปคอมฝรั่งเศส ไม่มีแผนเปิดตัวเกมในฝั่งตะวันตก ณ เดือนกันยายน 2015[30] ตามที่โปรดิวเซอร์ ยาสุยูกิ มากิโนะ กล่าว พวกเขาต้องการเปิดตัวเกมในภูมิภาคตะวันตก แต่ตระหนักดีว่าการแปลและดัดแปลงเหมาะสมเป็นความท้าทายหลัก[17] ในเดือนมิถุนายน 2016 เอชิโระกล่าวว่าพวกเขาต้องการเปิดตัวเกมในตะวันตก และทราบดีว่าแฟน ๆ เรียกร้องให้แคปคอมนำเกมมาวางจำหน่าย แต่มี "บางสถานการณ์" ที่ขัดขวางไม่ให้เกิดขึ้นได้[31] การแปลโดยแฟน ๆ ในรูปแบบวิดีโอพร้อมคำบรรยายถูกสร้างขึ้นในช่วงแปดเดือนและอัปโหลดไปยังยูทูบ แต่ถูก แคปคอมลบออกในเดือนมิถุนายน 2017[32] อย่างไรก็ตาม ยูทูบได้นำวิดีโอกลับมาในเดือนกรกฎาคม 2017 หลังจากได้รับการแจ้งโต้แย้งจากนักแปล[33] อย่างไรก็ตาม วิดีโอเหล่านั้นถูกลบออก และช่องก็ถูกปิดเช่นกัน แพตช์แปลภาษาอังกฤษของแฟน ๆ ฉบับสมบูรณ์ สำหรับเกมเวอร์ชันนินเทนโด 3ดีเอส และแอนดรอยด์ ได้เปิดตัวในปี 2019 ภายใต้ชื่อ เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์: ดิแอดเวนเชอส์ออฟริวโนะสุเกะ นารุโฮะโด[34][35]
เกมนี้ได้รับรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมแห่งปี 2015 ของ VGMO ในประเภท "เพลงพื้นบ้าน/อะคูสติก" โดยเพลงประกอบนั้นได้รับคำชื่นชมว่า "เกินความคาดหวังที่สูงอยู่แล้ว" สำหรับซีรีส์นี้ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงที่ลงตัวและหลากหลายด้วย "เครื่องดนตรีคุณภาพสูงและทำนองที่ไพเราะ"[36]
ในปี 2014 ทาคุมิกล่าวว่าเกมนี้ถูกวางแผนให้เป็นภาคแรกในซีรีส์ใหม่ [18] ประกาศภาคต่อ เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์ 2: รีซอลฟ์ ในเดือนกันยายน 2016[37] และวางจำหน่ายในญี่ปุ่นสำหรับนินเทนโด 3ดีเอส เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2017[38] และสำหรับไอโอเอสและแอนดรอยด์ในวันที่ 24 เมษายน 2018[39]
แคปคอมประกาศเปิดตัว เดอะเกรตเอซอะเทอร์นีย์โครนิเคิลส์ [a] ซึ่งเป็นชุดรวม แอดเวนเชอส์และ รีซอลฟ์ ในเดือนเมษายน 2021 เกมวางจำหน่ายในตะวันตกวันที่ 27 กรกฎาคม และในญี่ปุ่นและเอเชียวันที่ 29 กรกฎาคมสำหรับ นินเท็นโด สวิตช์, เพลย์สเตชัน 4 และไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ผ่านทางสตีม[40] เวอร์ชันนี้มีแทร็กเสียงทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น โหมดเนื้อเรื่องแบบเดินเรื่องอัตโนมัติ ตอนเสริมจากแอดเวนเชอส์ เครื่องแต่งกายจาก รีซอลฟ์ และแกลเลอรีในเกมสำหรับดูงานศิลปะและดนตรี ผู้เล่นที่ซื้อชุดรวมเกมล่วงหน้าจะได้รับ เนื้อหาดาวน์โหลด "ฟรอมเดอะวอลส์" ซึ่งเพิ่มงานศิลปะและดนตรีพิเศษเข้าไปในแกลเลอรี[41]