เทราอูรา | |
---|---|
ภาพร่างของเทราอูราใน ค.ศ. 1849 วาดโดยเอ็ดเวิร์ด แฟนชอว์ | |
เกิด | ราว ค.ศ. 1775 โมโอเรอา |
เสียชีวิต | กรกฎาคม 1850 เกาะพิตแคร์น | (74–75 ปี)
ชื่ออื่น | ซูเซิน ยัง ซูซานนาห์ ยัง |
คู่รัก |
|
เทราอูรา อาจรู้จักในนาม ซูเซิน หรือ ซูซานนาห์ ยัง (ราว ค.ศ. 1775 – กรกฎาคม ค.ศ. 1850) เป็นหญิงชาวตาฮีตีที่อาศัยอยู่บนเกาะพิตแคร์นร่วมกับกลุ่มกบฏบนเรือเบาน์ตี เธอร่วมกับเน็ด ยัง สังหารเตตาฮีตีและชายชาวพอลินีเชียคนอื่น ๆ บนเรือดังกล่าว เธอเป็นช่างทำทาปาที่มีชื่อ ผลงานทาปาของเธอจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติช และสวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว
ชีวิตในวัยเยาว์ของเทราอูราไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทราบแต่เพียงว่าเธอเกิดที่โมโอเรอา เกาะแห่งหนึ่งในเฟรนช์พอลินีเชีย[1] มุขปาฐะของเกาะพิตแคร์นระบุว่าเธอมาจากครอบครัวใหญ่[2] คาดว่าเธอเกิดใน ค.ศ. 1775 เพราะมีหลักฐานว่าขณะเทราอูรามีอายุ 15 ปี เมื่อ ค.ศ. 1789 ในปีนั้นเธอออกจากตาฮีตีเพื่อไปเป็นลูกเรือของเฟลตเชอร์ คริสเตียน[1] ไม่มีหลักฐานบ่งว่าเธอไปเป็นลูกเรือของเขาด้วยความเต็มใจหรือถูกลักพาตัวมา[1] อย่างไรก็ตามพอลีน เรย์โนลด์ นักประวัติศาสตร์ กล่าวว่าเทราอูราและหญิงพอลินีเชียที่เข้าร่วมเรือ เอ็ชเอ็มเอส เบาน์ตี ดังกล่าว "อาจเป็นหญิงชาวพอลินีเชียที่เดินทางบ่อยที่สุดแห่งยุคสมัยของพวกเขา"[3] การเดินทางดำเนินอยู่นานหลายสัปดาห์จนถึงเกาะทันนา[4] ระหว่างนั้นเทราอูราเป็นคู่นอนของเอ็ดเวิร์ด "เน็ด" ยัง และดำรงความสัมพันธ์ดังกล่าวจนกระทั่งทั้งหมดขึ้นเกาะพิตแคร์นเมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1790[1] หลังจากนั้นเทราอูราไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับแมททิว ควินทัล ซึ่งเป็นสมาชิกกบฏอีกคน ทั้งสองมีบุตรชายด้วยกันคนหนึ่ง ชื่อ เอ็ดเวิร์ด ควินทัล เป็นแมยิสเตร็ดคนแรกของเกาะพิตแคร์น[5]
เกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวยุโรปกับชาวพอลินีเชียปะทุขึ้นใน ค.ศ. 1793 อันนำไปสู่การลอบสังหารผู้คนบนเกาะ ชาวพอลินีเชียสี่คนฆ่าชาวยุโรปผู้ก่อการกบฏ ได้แก่ ไอแซก มาร์ติน และจอห์น มิลส์ ถูกตัดศีรษะ จอห์น วิลเลียม และวิลเลียม บราวน์ ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนเฟลตเชอร์ คริสเตียน ได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการสู้รบ เทราอูราปฏิบัติตามคำสั่งเน็ด ยัง อดีตคู่นอนของเธอ ด้วยการฆ่าตัดศีรษะชายเตปาฮีตี ชาวพอลินีเชีย[6] ในบันทึกของเอ็ดเวิร์ด เจนนีส์ แฟนชอว์ ซึ่งเขียนใน ค.ศ. 1849 ระบุว่าเตตาฮีตี ถูกผู้หญิงตาฮีตีคนหนึ่งล่อลวง เพื่อให้เทราอูราลอบสังหาร ขณะเดียวกันเธอยังตะโกนบอกให้เน็ด ยัง สังหารชายชาวพอลินีเชียอีกคนหนึ่งได้สำเร็จ[7]
หลังเน็ด ยัง เสียชีวิตใน ค.ศ. 1800[8] เทราอูราได้สมรสใหม่กับทิวส์เดย์ ออกโทเบอร์ คริสเตียนที่ 1 บุตรชายของเฟลตเชอร์ คริสเตียน ซึ่งเทราอูรามีอายุมากกว่าเจ้าบ่าวราว 15 ปี เมื่อสมรสกัน[1] ทั้งสองมีบุตรด้วยกันหกคน และผู้สืบสันดานของทั้งสองยังคงอาศัยอยู่บนเกาะพิตแคร์นมาจนถึงปัจจุบันนี้ กระทั่ง ค.ศ. 1831 ทิวส์เดย์และเทราอูราย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ตาฮีตี[9] ทว่าทิวส์เดย์และบุตรอีกสามคนเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อบนเกาะนั้น เทราอูราและบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่จึงย้ายกลับมาใช้ชีวิตบนเกาะพิตแคร์นอีกครั้ง[10]
เทราอูราประกอบกิจเป็นช่างทำทาปา หรือผ้าเปลือกไม้แบบท้องถิ่น มีบันทึกว่าเธอได้มอบทาปาแก่กะลาสีคนหนึ่งใน ค.ศ. 1833[3] ผ้าผืนดังกล่าวถูกย้อมด้วยถั่วเทียนให้สีออกน้ำตาลแดง[11] และทาปาฝีมือของเทราอูราบางส่วนถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์บริติช และสวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว[11]
เอ็ดเวิร์ด แฟนชอว์ ได้เดินทางไปยังเกาะพิตแคร์นเมื่อ ค.ศ. 1849 เขาได้วาดภาพร่างของเทราอูรามีผ้าปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง[7] ปัจจุบันภาพดังกล่าวจัดแสดงอยู่พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์แห่งชาติ[12] เทราอูราเสียชีวิตในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1850 ถือเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานเกาะพิตแคร์นดั้งเดิมคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่[7][13]