Ben's Chili Bowl | |
---|---|
Ben's Chili Bowl, established in 1958, is in a building that used to be a theater for silent movies | |
ข้อมูลร้านอาหาร | |
ก่อตั้ง | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1958 |
เจ้าของปัจจุบัน | Virginia Ali |
ประเภทอาหาร | American |
การแต่งกาย | Casual |
ที่อยู่ | 1213 U Street, NW |
เมือง | Washington, D.C. |
รหัสไปรษณีย์ | 20009 |
ประเทศ | United States |
สถานที่อื่น ๆ | Nationals Park Washington, D.C. |
ข้อมูลอื่น ๆ | |
เบนส์ชิลีโบวล์ | |
ส่วนหนึ่งของ | Greater U Street Historic District (ID98001557) |
ขึ้นทะเบียน NRHP | December 31, 1998 |
เว็บไซต์ | www.benschilibowl.com |
Ben’s Chili Bowl เป็นร้านอาหารสถานที่หนึ่งในเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งอยู่ที่ 1213 ถนน U ถัดจากโรงละคร Lincoln ในย่านตะวันตกฉียงเหนือของเมือง ดี.ซี อาหารที่เป็นที่รู้จักกันดีของร้านนี้คือ chili dogs, half-smokes และ milkshake และร้านนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในย่านนี้ โดยก่อตั้งในปี 1958 ร้านนี้มักเป็นที่แวะเวียนของทั้งตำรวจและผู้ประท้วง ในปี 1968 ช่วงระหว่างการจลาจลในเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. และโดยปกติจะมีคนดังเข้ามาเยี่ยมเยือน อย่างเช่น Bill Cosby และ Chris Tucker
ในเดือนมกราคม 2009, นายกเทศมนตรีเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. Adrian Fenty ได้เชิญประธานาธิบดี Barack Obama มารับประทานอาหารที่ร้าน Ben ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับมาที่เมืองนี้[1]
ร้าน Ben’s Chili Bowl ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1958 โดยนาย Ben Ali, ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยชาว Trinidadian เขาได้ศึกษาทันตกรรมที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด และคู่หมั้นของเขาชื่อ Vidinia Rollins เป็นชาว Virginian.[2][3][4] โดยพวกเขาได้เลือกอาคารที่เคยเป็นโรงภาพยนตร์เงียบในเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ชื่อ Minnehaha ซึ่งถูกก่อตั้งในปี 1911[5] สถานที่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้บนถนน U [6] โดยเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในร้านนี้เป็นของดั้งเดิมมาตั้งแต่ปี 1950[7] ในขณะที่เมืองวอชิงตัน ได้ถูกแบ่งแยกอย่างเป็นทางการ และถนน U เป็นที่รู้จักกันว่า “Black Broadway” นักดนตรีแจ๊สที่โด่งดังจำนวนมาก เช่น Duke Ellington, Miles Davis และ Nat King Cole พวกเขาได้แวะทานอาหารที่ร้านนี้ เวลาที่พวกเขาได้มาทำการแสดงที่คลับบนถนน U
ทางเดินบนถนน U ได้ถูกทำลายโดยการจลาจลเมื่อปี 1968 ที่เกิดขึ้นจากการลอบสังหาร Martin Luther King[8] ในระหว่างการเกิดจลาจล Stokely Carmichael ผู้นำของคณะกรรมการนักศึกษาต่อต้านความรุนแรง ได้ถามนาย Ben เพื่อให้ร้านของเขาเปิดและ Alis ได้รับอนุญาตให้เปิดร้านในช่วงที่เกิดเคอร์ฟิว โดยอาหารของร้านนี้ ได้บริการมั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพื่อที่จะกำหนดย่านนี้ คการใช้ความรุนแรงและการลอบวางเพลิงดังกล่าวได้ทำให้นาย Ben เขียนข้อความว่า “Soul Brother” บนหน้าต่าง เพื่อหวังว่าจะหยุดความโกรธของม็อบได้[9]
การล้มละลายของธุรกิจจำนวนมากนำไปสู่การการย้ายไปอาศัยที่ชานเมือง และเศรษฐกิจที่ลดลงของพื้นที่ใกล้เคียงในย่านนี้ ตั้งแต่กลางปี 1970 ถึง กลางปี 1980 พื้นที่นี้กลายเป็นที่รู้จักของพวกติดยาเสพติด Ben’s Chili Bowl ได้ลดพนักงานในร้านจำนวนหนึ่ง[8] Ben และ ลูกชายของ Virginia ที่ชื่อ Kamal จำได้ว่า “ ที่เขายังอยู่เพราะร้าน Chili Bowl เป็นเหมือนร้านตัดผมในย่านนี้ ผู้คนที่นั่งอยู่ที่นี่และพูดคุยกัน เหมือนเป็นคนในครอบครัวและคนในย่านนี้ที่ปกป้องพวกเรา [9] ร้านอาหารได้หยุดให้บริการพายและขนมเค้ก ซึ่งดึงดูดต่อคนที่ติดยาเสพติด ขณะที่ตำรวจดำเนินการเผ้าระวังเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดจากหน้าต่างชั้นบนของอาคาร[2]
การก่อสร้างที่กว้างขวางขึ้นของสถานีรถไฟใต้ดินบนถนน U ฝั่งตรงข้ามถนนจากร้าน เสร็จสมบูรณืเอปี 1991 บังคับให้หลายๆธุรกิจบนถนน U ต้องปิดตัวลง แต่ร้าน Ben’s Chili Bowl ยังคงเปิดอยู่เพื่อขายอาหารให้คนงานก่อสร้าง[7] หนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร้าน Ben’s Chili Bowl ว่า “ น่าจะเป็นธุรกิจเดียวในย่านนี้ที่รอดจากการเกิดจลาจลในปี 1968 และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว[10] รถไฟใต้ดินและอัตราการเกิดอาชญากรรมที่ลดลง เป็นตัวช่วยฟื้นฟูพื้นที่ในย่านนี้ จากต้นปี 1990 รายได้จากธุรกิจที่ขยายตัว 10% ต่อปี สูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2005 และจำนวนพนักงานที่ร้านมีการเติบโตเป็น 20 คน[9]
ในฤดูร้อนปี 2007 เจ้าของร้าน Ben’s ได้นำพันธมิตรของ 10 ธุรกิจขนาดเล็กที่มีข้อตกลงกับบริษัท พลังงานในท้องถิ่นเพื่อแปลงพลังงานจากพลังงานลมได้ 100% [11] หนังสือพิมพ์ นิวยอร์กโพสต์อ้างถึง Nizam Ali ที่ได้กล่าวว่า “ พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการทำสิ่งที่ดีสำหรับพื้นที่ในย่านนี้ และเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเมือง มันเป็นความคิดที่ดีที่จะช่วยให้สภาพแวดล้อมดีขึ้นและเป็นการเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจสำหรับพวกเรา”[11]
ในปี 2008 ร้าน Ben’s Chili Bowl เปิดสาขา 2 ใกล้กับสวนสาธารณะ Nationals Park [12] แม้ว่ามันจะมีข้อจำกัดมากกว่าร้านเดิม
วันที่ 7 ตุลาคม 2009 นาย Ben ได้เสียชีวิตด้วยอายุ 82 ปี[13] เขาและภรรยาได้เกษียณจากธุรกิจร้านอาหาร และให้การดูแลจัดการร้าน Ben’s Chili Bowl เป็นหน้าที่ของลูก Kamal และ Nizam [13] การตายของเขาเป็นที่เสียใจไปทั่วเมือง ซึ่งรวมถึงข้อความจาก นายกเทศมนตรี Adrain Fenty ที่ว่า “ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้ยินข่าวการจากไปของผู้ก่อตั้งร้าน Ben’s Chili Bowl ซึ่งเป็นร้านที่ดีที่สุดของเมือง โคลัมเบีย นาย Ben Ali เป็นผู้ชายที่ทุ่มเทชีวิตของเขาในธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องเผชิญตากแดดตากผน ผ่านพายุมามากมาย และกลายเป็นจิตวิญญาณของย่านนี้และเป็นความภาคภูมิใจในมืองของเรา[14]
ในปี 2009 ลูกชายของนาย Ben, Nizam และ Kamal ได้เปิดร้านอาหารหรูและบาร์ที่ถัดจากร้าน Ben’s ที่ 1211 ถนน U ติดกับอาคารเดิม[15] ในร้านจะมีเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ (บางสิ่งที่ไม่มีในร้าน Ben’s)เป้าหมายของร้านนี้คือ การเติมเต็ม ตามที่ Nizam บอกว่า เป้าหมายของเค้าคือ การจริงจังกับตัวเอง[15] ร้านอาหารนี้มีทุกอย่างในร้าน Ben’s Chili Bowl เปิดตั้งแต่ 11 โมง นอกจากนั้นยังสามารถรับประมานได้ทั้งอาหารกลางวัน, อาหารเย็น และเมนูดึก[16]
รูปแบบเมนูของร้าน Ben’s “original chili half-smoke” ซึ่งเป็นอาหารจานแนะนำของร้าน[17] โดยมันจะนำเนื้อหมูและเนื้อวัวอย่างละครึ่งมาจำนวนหนึ่งในสี่ปอนด์มาทำไส้กรอกรมควัน วางบนขนมปังนึ่งอุ่น ราดด้วยมัสตาร์ด, หัวหอม และซอสพริกเผ็ดโฮมเมด[17] นอกเหนือจากเนื้อหมู-วัวรมควัน และไส้กรอกหมู, ไส้กรอกวัว “turkey dogs” และเบอร์เกอร์มังสวิรัติ “veggie burgers” และไส้กรอก “veggie dogs”[17] (มีทั้งความหลากหลายของเนื้อและมังสวิรัติ) พร้อมทั้งยังมีอีกหลากหลายขนาด นอกเหนือจากการให้บริการอาหารสำหรับลูกค้าที่สามารถรับประทานอาหารได้ทั้งภายใน, ภายนอก และนำกลับ[18]
วันนี้ ไส้กรอกของร้านมีมากมายถูกผลิตใน Baltimore, Maryland เป็นที่บรรจุภัณฑ์[19]
Boston Globe ได้อธิบายความหลากหลายของลูกค้าร้าน Ben’s “เด็กแนวพังก์, นักธุรกิจที่ทันสมัย และทุกคน”[7] ในปี 2001, นาย Ben และลูกชาย Kamal แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของชนิดของคนที่รับประทานอาหาร “คุณได้ยินความคิดเห็นของลูกค้าผิวขาว พวกเขาต้องการร้านสำหรับคนผิวขาวอย่างเดียว แต่ขณะนี้มองไปรอบๆจะมีคนนอกจากผิวขาว ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาไม่มีความสุขกับมัน[20]
ลูกค้าประจำที่มีชื่อเสียงคือ นักแสดงตลก Bill Cosby ผู้ซึ่งนำภรรยาในอนาคตมานัดเดทครั้งแรกที่ร้าน Ben’s[5] เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาได้กลายเป็นแขกประจำของร้านนี้ และให้บริการในกองทัพเรือที่ประจำการใน Bethesda Maryland ในปี 1958 และบ่อยครั้งเขาได้เยี่ยมชมคลับแจ๊สที่ถนน U[21] นาย Cosby จำได้ว่าระหว่างการเยี่ยมเยือนของเขากับ Camille ซึ่งตอนนั้นเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ เขาจะ”กินมากกว่า 6 ชิ้น” Cosby[21] กลับมาที่ร้าน Ben’s ในปี 1985 เพื่อจัดงานแถลงข่าวในร้านเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของทีวีซีรีส์ของเขารายการ Cosby show[7] เขายังคงหยุดอยู่ที่ร้าน Ben’s และเขาได้เซ็นไว้ที่ร้านว่า Bill Cosby เป็นเพียงคนเดียวที่ได้กินฟรีที่ร้าน Ben’s Chili Bowl[22] วันที่ 3 พฤศจิกายน 2008 ได้มีการเซ็นใหม่จากครอบครัว Obama[23]
ดาราคนอื่นอีกมากมายรวมทั้ง Chris Tucker และ Bono ได้มาเยี่ยมเยือนในช่วงหลายปี เมื่อนักข่าว Ted Koppel หยุดรายการข่าว Nightline เขาได้มาจัดงานปาตี้ร์ที่ร้านนี้ จากนั้นประธานาธิบดี Barack Obama ได้มากินที่ร้าน Ben’s เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2009[2] Then-President-elect บารัค โอบามา ate at Ben's on January 10, 2009.[1][24]
หนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์อ้างว่า “ปลายปี 1990 ไม่มีนักการเมืองของ ดี.ซี. คนใดที่ฝันว่าวิ่งออกจากสำนักงานแล้วไม่มาหยุดที่ร้าน Ben’s Anthony A. Williams ปรากฏตัวขึ้นที่ร้าน Ben’s ทันทีหลังจากที่กรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเขาประสบความสำเร็จ[25][26]
อย่างไรก็ตาม คนดังที่ร้าน Ben’s ไม่ได้จำกัดแค่พลเมืองอเมริกัน ในปี 1998 อดีตนายกเทศมนตรี Marion Barry ได้อธิบายว่าเขาได้เดินทางไปประเทศ Ghana และพบกับนายกเทศมนตรีของ Accra ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด ได้กล่าวว่า “ ดีใจที่ได้พบคุณที่ Accra ร้าน Ben’s Chili Bowl ยังคงอยู่ไหม?”[27] และเมื่อประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy และภรรยาของเขา Carla Bruni-Sarkozy ได้มาเยือนเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ในเดือนมีนาคม 2010 พวกเขารายงานว่า แต่ละคนได้รับประทาน Ben’s half smoke 2 ที่ ในระหว่างการไปเยี่ยมเยือนที่ร้าน[28]
ฉากจากภาพยนตร์รวมถึง The Pelican Brief[29] และ State of play[30] ได้รับการถ่ายทำในร้านและออกรายการ “dozens of TV shows”[31] หนังสั้น Breakfast At Ben’s เป็นหนังที่ถ่านทำที่ร้าน Ben’s เกือบทั้งหมด[32] นอกจากนี้ยังมีการเขียนนิยาย เป็นสถานที่สำหรับการประชุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมที่เกี่ยวข้องกับบุคคล “ด้านที่แตกต่างกันของกฎหมาย” อยู่ใน George Pelecanos’s King Suckeman[33]
Ben และ Viginia Ali ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น D.C. Hall of Fame และในปี 1999 ซอยที่อย่ติดกับร้านอาหารที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “Ben Ali Way”[9] ในโอกาสการตายของ Ben Ali นายกเทศมนตรี Adrain Fenty ได้โทรไปที่ร้านอาหาร “เป็นหนึ่งในสมบัติที่ยิ่งใหญ่ในเมืองโคลัมเบีย”[34]
ผู้ก่อตั้งร้านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น D.C. Hall of Fame
ตามทางเดินของวอชิงตันของหนังสือ Travel Channel’s Man v. Food ซึ่งออกอากาศครั้งแรกเมื่อฤดูร้อนปี 2009 จุดเด่นของร้าน Ben’s Chili Bowl หนึ่งเดียวที่หยุด นาย Adam Richman ได้ช่วย Nizam Ali เตรียม chili ก่อนที่จะพยายามออก chili half-smoke นาย Richman ได้นั่งอยู่ที่เดียวกับประธานาธิบดี Barack Obama เคยนั่งอยู่ในช่วงต้นปี
ในปี 2009 ภาพยนตร์ State of Play ผู้สื่อข่าว Cal McAffrey (Russell Crowe) ได้มาเยี่ยมเยือนร้าน Ben’s Chili Bowl และกลายเป็นลูกค้าประจำ เราได้สั่ง Chili Cheese Burger, Chili Cheese Fry และ Chili Half-Smoke และมีฉากที่เป็นสัญลักษณ์ “รายการที่กินฟรีที่ร้าน Ben’s”
ในปี 2004, มูลนิธิ James Beard มีร้าน Ben’s เป็หนึ่งใน “ร้านอาหารในบ้านที่เป็นสถานที่พิเศษสำหรับอาหารแนวอเมริกัน”[35] Michael Stern นักเขียนที่เชี่ยวชาญอาหารภูมิภาคของสหรัฐ ได้เขียน 2008 รีวิว “half-smoke เป็นที่น่าตื่นเต้น” และ “ ร้าน Ben’s มีพายมะเขือเทศหวานที่ดีที่สุด” และอธิบาย chili ว่า “เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น หนา รสชาติเต็มรูปแบบ”[36] ในเดือนมกราคม ปี 2009 นิตยสารอาหาร Bon Appetit กล่าวว่า ร้าน Ben’s เป็นหนึ่งในสิบของประเทศ “เป็น chili ที่ดีที่สุด” อ้างว่า “ไม่มีเหตุผลสำหรับการมีส่วนร่วมที่เกิดขึ้นโดยปราศจากถนน U”[37]